ฟินหรือฝ่อ? "จูบ" เพชฌฆาตวาเลนไทน์!

ฟินหรือฝ่อ? "จูบ" เพชฌฆาตวาเลนไทน์!

ฟินหรือฝ่อ? "จูบ" เพชฌฆาตวาเลนไทน์!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

คอลัมน์ รู้ทันโรค

ใกล้ถึงเทศกาลวันแห่งความรักกันอีกแล้ว ในวันนี้ หนุ่มสาวหลายๆ คู่มักแสดงความรักด้วยการกอด จูบ กันเป็นเรื่องปกติ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนบ้านเรา รุ่นคุณย่า คุณยาย ยังไม่มีการจูบปากกันให้เห็น แต่จากการรับวัฒนธรรมตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามาทำให้ในปัจจุบัน การจูบปาก กลายเป็นเรื่องที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดาของบรรดาหนุ่มสาวยุคนี้

แต่คุณรู้หรือไม่ การจูบปากที่ลิ้นพันกันหรือที่เรียกว่าจูบแบบฝรั่งเศส (French Kiss) อาจเป็นเพชฌฆาตเงียบ วาเลนไทน์ ที่หากโชคร้ายอาจมีความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิต (Sudden adult death syndrome, SADS) นอกจากนี้ ยังอาจทำลายสุขภาพของเราได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว นอกจากความสุข ทีนี้คุณอาจได้ความทุกข์ มาเป็นของแถม

การจูบทำลายสุขภาพได้จริง นี่คือสิ่งที่คุณควรรู้!!!

ทุกปีจะมีการออกมาเตือนเรื่องการจูบแบบดูดดื่มนั้นเสี่ยงโรค ปีนี้ ก็เช่นกัน เราอยากจะบอกว่าคุณจะฟินหรือฝ่อจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการจูบกับคนที่ไม่รู้จัก หรือที่ไม่ใช่คู่รัก - สามีภรรยา จะเสี่ยงต่อโรคจำนวนไม่น้อย

เริ่มจากโรคจูบ หรือ Kissing Disease ที่มีชื่อมากมาย อาทิ อินเฟ็กเชียส โมโนนิวคลีโอซิส (Infectious Mononucleosis) เป็นเชื้อร้ายที่ให้ผลเทียบเท่าไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โรคนี้เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ไวรัสมีเชื้อต้นเหตุชื่อ Ebstein-Barr Virus,Toxoplasma Gondii, Cytomegalovirus ที่กระจายตัวอยู่ในน้ำลาย เมื่อรับเชื้อโดยการจูบแลกน้ำลายภายใน 30 วัน บางคนจะแสดงอาการไข้ ปวดเมื่อย ปวดหัว ไอ เจ็บคอต่อมน้ำเหลืองโต เจ็บท้อง ผื่นขึ้น เลือดออกตามผิวหนัง ตาบวมอักเสบ และมีผลต่อการก่อมะเร็งในช่องลำคอ รวมทั้งอาจลามไปยังหัวใจจนกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้อีกด้วย

จากการสำรวจในปีที่ผ่านๆ มา พบว่ามีผู้ติดเชื้อ และอยู่ในภาวะเป็นพาหะแพร่เชื้อสูงทีเดียว โดยพบมาก 11.5% ในคนไทย 42.2% ในคนญี่ปุ่น และ 90.7% ในคนอเมริกัน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น

การจูบยังทำให้เกิดการติดเชื้อโรคจากน้ำลายอื่นๆ ตามมาอีกหลายอย่าง ที่พบบ่อยคือ เริม ซึ่งจะเป็นตุ่มน้ำเจ็บ ๆ คัน ๆ ที่ริมฝีปาก ซึ่งเป็นแล้วจะไม่หายขาด ปัจจุบันเชื่อว่าการติดเชื้อเริมที่ริมฝีปาก อาจทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมที่เรียกว่า อัลไซเมอร์ ที่สำคัญคนที่เป็นเริมแล้วจะไม่หายขาด เมื่อผู้ติดเชื้ออ่อนแอ เช่น เป็นไข้หวัด โดนแดดจัด หญิงก่อนมีประจำเดือนเริมจะมีอาการกำเริบได้อีก ถ้าเป็นเริมหากแกะเกาตุ่มน้ำแล้วสัมผัสนัยน์ตาอาจถึงขั้นตาบอด และอาจก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่นิยมการจูบจะพบสถิติคนที่เป็นโรคเริมที่ริมฝีปากสูงมาก

อย่างไรก็ตาม โรคเริมเป็นโรคติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคที่ไม่ได้เกิดเฉพาะจากการจูบเท่านั้นจูบแบบดูดดื่ม ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อปอดบวมได้ด้วย เพราะการจูบแบบแลกน้ำลาย หากมีการสำลักหรือไม่สบายก็ทำให้เกิดปอดติดเชื้อได้ ฉะนั้นหลังจากจูบหากมี "ไข้ ไอ และหอบ" คุณอาจติดเชื้อปอดบวมแล้วก็ได้ นอกจากนี้ จูบยังอาจแจก ไวรัสตับอักเสบ ทั้งชนิดเอ บี และซี อาการ คือ มีไข้ ปวดตัว ตัวเหลืองตาเหลืองเป็นดีซ่าน เกิดอาการเรื้อรังเบื่ออาหาร ผู้ที่เคยได้รับวัคซีนมาแล้วก็จะค่อนข้างสบายใจได้ แต่หากยังไม่ได้รับวัคซีน ไวรัสเหล่านี้ อาจจะทำให้ตับอักเสบ นำไปสู่มะเร็งตับได้ในอนาคต

การจูบยังเสี่ยงโรคร้ายได้อีกสารพัด เป็นต้นว่า ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส หูดข้าวสุก และโปลิโอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆ จึงควรเลี่ยงมาใช้การจูบแบบแก้มชนแก้ม งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์แบบมีหลายคู่นอน (หรือคนที่ไม่รู้จัก) ควรใช้ถุงยางอนามัย

ที่สำคัญ หากมีอาการหรือมีความผิดปกติ อย่างที่เราบอกเอาไว้ข้างต้น อย่าตกใจ หรือ วิตกกังวลมากเกินเหตุ เพราะคุณอาจเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดาๆ ก็ได้ และหากสงสัยว่า คุณอาจติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรค ควรรีบไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อหาแนวทางป้องกัน รักษา ?วาเลนไทน์หรือวันไหนๆ ถ้ารักแล้วยังไม่แน่ใจ ต้องเลี่ยงการจูบ แล้วหันไป กอด เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกดีๆ ต่อกันได้แบบไม่มีเสี่ยง ไม่เช่นนั้นคุณอาจจะฝ่อหลังฟินได้ใครจะรู้!!!

รู้ไว้ก่อนไปจูจุ๊บ

- ไม่ควรแปรงฟันก่อนจูบปาก เพราะการแปรงฟันจะทำให้เกิดบาดแผลที่เหงือก ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น

- หากจะจูบต้องจูบด้วยความระมัดระวัง ตั้งใจรักษาสุขภาพตัวเองก่อนให้ดีแล้วค่อยจูบคนที่เรารัก

- ป่วยอยู่ไม่สบายอยู่อย่าเพิ่งจูบ

- จุ๊บที่อื่นแทนก็ได้ โดยเฉพาะบริเวณที่จูบแล้วใส่ความรักลงไปได้กระทบถึงหัวใจ คือ "เปลือกตา" กับ "หัวคิ้ว" ที่ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นหัวใจได้ดีมั่กๆ

- แค่ลิปติกก็ติดโรคได้ อย่าจุ๊บเพียงเพราะคิดว่าแค่ริมฝีปาก เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าลิปติกนั้นอาจมีเชื้อโรคอยู่ก็ได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook