โดดขึ้นอาน เรียน "ขี่ม้า" อีกทางแก้ปัญหาเด็กขาดสมาธิ

โดดขึ้นอาน เรียน "ขี่ม้า" อีกทางแก้ปัญหาเด็กขาดสมาธิ

โดดขึ้นอาน เรียน "ขี่ม้า" อีกทางแก้ปัญหาเด็กขาดสมาธิ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ขี่ม้า" นอกจากจะช่วยพัฒนาบุคลิกภาพให้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอีกด้วย โดยเฉพาะกล้ามเนื้อช่วงสะโพก ต้นขา และร่างกายที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา นอกจากนี้เมื่ออยู่บนหลังม้าก็ทำให้เหงื่อออกมากขึ้นด้วย

ครูจิ๊บ ผู้จัดการสนามม้า as′J club Horse&Riding บอกว่า คนที่จะขี่ม้าได้ต้องใจกล้า ไม่กลัวม้า และไม่กลัวตกจากหลังม้า ที่สำคัญต้องไม่มีโรคประจำตัวที่เสี่ยงต่อการช็อคหรือตกจากหลังม้าด้วย เช่น โรคลมชัก โรคหัวใจ เป็นต้น

"สมาธิ เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ได้จากกีฬาขี่ม้าเพราะทุกวินาทีที่เราอยู่บนหลังม้า เรามีโอกาสตกได้ตลอด ทั้งจากตัวเราเอง หากเหม่อลอย และจากม้า เพราะม้าบางตัวจะแกล้ง หากเราไม่สามารถควบคุมม้าได้ ก็มีสิทธิ์ตกได้ตลอด" ครูจิ๊บอธิบาย

โดยปกติผู้ที่เข้าเรียนขี่ม้า จะมีอายุตั้งแต่ 7-8 ขวบขึ้นไป แต่ที่ as′J club Horse&Riding จะรับสอนเด็กอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป เพราะเด็กวัยนี้เริ่มมีกล้ามเนื้อแข็งแรงและสามารถทรงตัวบนหลังม้าได้แล้ว

มีงานวิจัยจากหลายที่ ที่ระบุว่า การขี่ม้าเป็นประจำสามารถช่วยให้เด็กที่สมาธิสั้นหรือเด็กที่ซนมากๆ มีสมาธิมากขึ้น อยู่นิ่งได้มากขึ้น เพราะขณะอยู่บนหลังม้าเด็กจะไม่สามารถลงเองได้ และต้องเรียนรู้ในการประคลองตัวเองไม่ให้ตก รวมถึงจดจ่อกับจังหวะ การก้าวย่างของม้าและร่างกายตัวเอง จึงทำให้มีสมาธิและอยู่นิ่งมากขึ้น

คุณจินตนา เรืองเพ็ง คุณแม่ของ น้องโลมา เด็กชายวัย 3 ขวบเศษ เล่าว่า พาน้องโลมามาเรียนขี่ม้ากับครูจิ๊บได้เดือนกว่าๆ รวมแล้วประมาณ 17 ชั่วโมง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ทำให้เห็นพัฒนาการของลูกชายเรื่องสมาธิอย่างชัดเจน

"เมื่อก่อนน้องก็จะซนตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป แต่พอมาเรียนขี่ม้าได้ซักพัก น้องจะมีสมาธิยาวขึ้น มีความตั้งใจในการทำอะไรๆ มากขึ้น คุณครูที่โรงเรียนก็ชมว่าน้องนิ่งมากขึ้น เวลาให้ทำใบงานที่โรงเรียน เพื่อนเล่นเสียงดังแค่ไหน น้องก็จะไม่วอกแวกและตั้งใจทำงานของตัวเองจนเสร็จ"

ม้าจึงไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงหรือพาหนะเท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนเครื่องมือทางการแพทย์ที่เรียกว่า "อาชาบำบัด" อีกด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook