5 เคล็ดลับเนรมิตผิวสวยด้วยน้ำแข็ง
สาวๆ รู้ไหมว่า น้ำแข็ง มีประโยชน์มากมายในการเสริมสร้างความสวยให้กับเราได้ดีไม่แพ้ไอเทมอื่นๆ เลย ซึ่งคุณประโยชน์ด้านความงามที่ได้จากน้ำแข็งนั้นมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ
1.ช่วยกระชับรูขุมขนและลดความมัน
ความเย็นของน้ำแข็งมีส่วนช่วยในการกระชับรูขุมขนและลดความมันลงได้ โดยให้นำน้ำแข็งห่อผ้าขนหนูที่สะอาด ถูวนไปบริเวณผิวหน้า จะทำให้รูขุมขนของกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อรูขุมขนกระชับขึ้นก็จะส่งผลให้ความมันของผิวหน้าเราลดลงตามไปด้วย ดังนั้นใครที่มีปัญหารูขุมขนกว้างและหน้ามัน ลองใช้วิธีนี้เพื่อปรับสภาพผิวหน้ากันดู รับรองว่าได้ผลแน่นอน
2.ลดอาการตาบวมและการอักเสบของสิว
สาวๆ หลายคนที่ต้องเจอปัญหาการอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน หรือต้องผ่านการร้องไห้อย่างหนัก มักส่งผลให้เกิดตาบวมแดงในวันรุ่งขึ้น ซึ่งทำให้แต่งหน้าไม่สวยและสูญเสียความมั่นใจได้ แต่เรามีวิธีแก้ไขได้ด้วยน้ำแข็ง โดยนำน้ำแข็งห่อผ้าบางๆ มาประคบดวงตา จะทำให้ความบวมของเปลือกตายุบลงและตาเป็นประกายสดใสยิ่งขึ้น และสำหรับสาวๆ ที่มีปัญหาสิวอักเสบ บวมแดง การใช้นำแข็งประคบบริเวณผิวที่เป็นปัญหา ก็จะช่วยรักษาการอักเสบ ลดความเจ็บปวดและลดอาการบวมแดงลงได้เช่นกัน
3.ป้องกันริ้วรอยบนใบหน้า
การนำน้ำแข็งประคบที่ใบหน้า จะช่วยป้องกันริ้วรอยบนใบหน้าได้เป็นอย่างดีเพราะน้ำแข็งและความเย็นจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตบนใบหน้าได้ดี เมื่อเลือดสูบฉีดดี สารอาหารก็มาหล่อเลี้ยงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง และมีสุขภาพผิวที่ดียิ่งขึ้น ทั้งยังลดเลือนริ้วรอยได้ดีทีเดียว
4.ช่วยให้เครื่องสำอางติดทน
อย่างที่บอกไว้ว่า การวนน้ำแข็งถูที่ใบหน้าจะทำให้รูขุมขนกระชับและลดความมัน ซึ่งทำให้เครื่องสำอางติดทนบนใบหน้าเวลาแต่งหน้า ด้วยเทคนิคนี้ ลองนำน้ำแข็งมาถูวนบนใบหน้าก่อนแต่งหน้ากันดู รับรองว่าตลอดทั้งวันแทบไม่ต้องเติมเครื่องสำอางเลย
5.ลดผดผื่นคันบนผิวหน้าและผิวกาย
อย่างที่ทราบกันว่าเมืองไทยอากาศร้อนและเต็มไปด้วยมลภาวะ สาวๆ จึงเกิดปัญหาผดผื่นคัน หรือสิวผดขึ้นตามใบหน้าและลำตัว การใช้นำแข็งประคบและถูวนในบริเวณผิวหน้าและผิวกายที่เกิดอาการคันและผดผื่น จึงช่วยให้ทุเลาอาการนั้นลงไปได้ ซึ่งใครที่มีปัญหาผดผื่นดังกล่าว ก็ลองทำตามวิธีนี้กันดูนะคะ
และนี่ก็คือ 5 คุณประโยชน์ดีๆ จากความเย็นของน้ำแข็งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาผิวพรรณทั้งใบหน้าและร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง