แพทย์แนะเลือก ร้อยไหม "ทองคำ" ยกกระชับผิวอย่างปลอดภัย

แพทย์แนะเลือก ร้อยไหม "ทองคำ" ยกกระชับผิวอย่างปลอดภัย

แพทย์แนะเลือก ร้อยไหม "ทองคำ" ยกกระชับผิวอย่างปลอดภัย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ผู้หญิงไม่หยุดสวย" วลีอมตะตลอดกาลของสาว ๆ ที่ไม่ยอมให้ผิวพรรณของตัวเองหย่อนคล้อยไปตามอายุขัยที่เสื่อมลง จึงมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อช่วยดึงรั้งอายุผิวของสตรีไม่ให้ร่วงโรยไปตามตัวเลขที่สูงขึ้น

ไม่ว่าจะเป็นการเติมเต็มร่องรอยลึกด้วยการฉีดสารพัดสิ่งที่คิดค้นขึ้นมา เพื่อเติมเต็มให้ใบหน้ากลับมาเต่งตึงอีกครั้ง และค่อย ๆ ละลายไปตามกาลเวลา ซึ่งบางครั้งอาจจะค้างอยู่ใต้ชั้นผิว ไหลไปกองรวมกันเป็นก้อนในอนาคต นี่คือสิ่งที่สตรีสูงวัยเป็นห่วงและกังวลกัน

ล่าสุดมีนวัตกรรมใหม่ การยกกระชับด้วยเส้นไหมทองคำ กำลังแพร่หลายอยู่ในตลาดความงามระดับบนและระดับล่าง เนื่องจากคุณสมบัติของทองคำมีความปลอดภัยสูงสุด และในอดีตมีการนำทองคำมาใช้เป็นยาอายุวัฒนะ เอามาเป็นยากินลดการอักเสบ ลดการติดเชื้อ และมีการนำทองคำมาใช้ก่อนยาเพนิซิลลินเสียอีก

โดยแพทย์ฝรั่งเศสเคยนำทองคำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต และมีความผิดปกติที่ใบหน้า หลังจากนำเส้นทองคำเข้าไปช่วยให้ส่วนที่แหว่งเว้าบิดเบี้ยวกลับมาดูดีขึ้นอีกครั้ง

กระทั่งต่อมามีการนำไปใช้ในกลุ่มคนที่สูงอายุ ต้องการลบเลือน ริ้วรอย จึงมีการคิดค้นและพัฒนามาสู่ความงามในรูปแบบ "เส้นไหมทองคำ" ซึ่งพบว่าปัจจุบันมีการนำไหมทองคำมารักษาริ้วรอยให้ยกกระชับขึ้นกว่าเดิม จึงมีการลอกเลียนแบบทำของปลอมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งในตลาดเมืองไทยและต่างประเทศ

แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ย่อมแตกต่างกัน ระหว่างของแท้กับของเทียม

ร.ท.พ.ญ.นิจวิภา เพชรรุ่ง (หมอโน้ต) แพทย์เวชศาสตร์ความงาม ประจำ DNA Clinic มีคำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังมองหาเส้นไหมทองคำมาช่วยเติมเต็มร่องรอยบนใบหน้าอย่างปลอดภัยว่าก่อนอื่นต้องพิจารณาจากตัวแบรนด์สินค้าที่นำมาใช้ว่าได้รับรองคุณภาพระดับสากลหรือไม่ ยกตัวอย่าง เส้นไหมทองคำของ Gold Thread LLC ได้รับการรับรองและควบคุมการผลิตจากองค์การอาหารและยาทั้งสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (US & EUROPEAN FDA) ซึ่งถือว่าให้ลิขสิทธิ์ในการผลิตเส้นไหมทองคำที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นเส้นไหมทองคำบริสุทธิ์ 99.99% (Pure 24k Gold)

เส้นทองคำนี้ต้องผ่านกระบวนการกว่า 75 ขั้นตอน กว่าจะออกมาเป็นเส้นไหมขนาดเพียง 0.1 มล. จึงจะถูกจัดให้เป็นเครื่องมือแพทย์เพื่อมาช่วยในการร้อยทองยกกระชับผิวโดยเฉพาะ

"คุณสมบัติของทองคำจัดเป็นแร่ระดับอนุภาคที่มีออกซิเดชั่นของอะตอมจำนวนมาก แทรกซึมเข้าไปในเซลล์ผิว ช่วยกระตุ้นฟื้นฟู คอลลาเจนและอีลาสตินที่เสื่อมสภาพให้กลับมาใหม่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ สร้างกระบวนการเกิดเซลล์ใหม่เพื่อให้เกาะยึดกับเนื้อเยื่อได้แข็งแรงแลดูมีสุขภาพดี จึงทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยกลับมาเปล่งปลั่ง เต่งตึง มีเลือดฝาด โดยไม่ต้องพึ่งการทำศัลยกรรมดึงหน้า ให้ผลลัพธ์สูงสุดยาวนาน 8-15 ปี และไม่ก่ออันตรายกับเซลล์ในร่างกายเหมือนการใช้เส้นไหมแบบธรรมดาในการยกกระชับผิว"

หมอโน้ตเตือนว่า ก่อนตัดสินใจทำจะต้องเช็กที่มาของเส้นไหมให้ละเอียด และพิจารณาสถานที่ทำว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะตอนนี้มีเส้นไหมปลอมระบาดมาก จำหน่ายกันเส้นละ 20 บาทเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับเส้นไหมทองคำของ Gold Thread LLC ขั้นต่ำ เส้นละ 1 แสนบาท ฉะนั้นอย่ามองที่ราคาถูกให้คำนึงถึงคุณภาพเป็นหลัก

แพทย์เวชศาสตร์ความงาม DNA Clinic ย้ำว่า นวัตกรรมนี้ใช้ได้เฉพาะคนที่ไม่แพ้ทองคำเท่านั้น

สำหรับการทำงานของเส้นไหมทองคำนี้ หมอโน้ตอธิบายว่า ร้อยทองไม่ใช้การดึงรั้งหรือรัดรึงแต่อย่างใด โดยเส้นไหมทองคำนี้จะเข้าไปแทรกอยู่ในชั้นผิว ผสมกลมกลืนไปกับชั้นกล้ามเนื้อ ความบางและเล็กของเส้นไหมจะอ่อนมาก และไม่มีทางทะลุออกมาได้อย่างที่หลายคนกังวล

"ขนาดโดนต่อยหรือไปกระแทกอะไรแรง ๆ ก็ไม่ขาดหรือส่งผลกระทบใด ๆ แต่ต้องระวังหลังจากทำไปแล้ว 1 เดือนเพื่อให้เส้นไหมเขารูปเข้ารอย จากนั้นก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติ"

ส่วนกรณีที่มีคนกังวลว่าหลังรอยไหมทองคำแล้วจะผ่านเครื่องตรวจจับโลหะ เครื่อง MRI และทำเลเซอร์ได้หรือไม่นั้น

พ.ญ.นิจวิภา เคลียร์ข้อข้องใจกรณีนี้ว่า สามารถผ่านเครื่องตรวจจับโลหะได้ตามปกติ และเข้าเครื่อง MRI และทำเลเซอร์ได้ เพราะเส้นไหมทองคำนี้มีขนาดเล็กมาก แม้จะร้อยทั้งหน้าก็ไม่ส่งผลอะไร

บางคนที่กลัวว่าไหมทองคำจะละลายหลังโดนความร้อน หมอโน้ตอธิบายว่า ปกติจุดหลอมเหลวของทองคำอยู่ที่ 1,000 องศาเซลเซียส ปกติแล้วผิวหนังของเราทนความร้อนได้ไม่ถึงขนาดนั้นอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะไหม้ นอกจากไปร้อยเส้นทองปลอมมา สิ่งนั้นหมอไม่รับประกัน

ฉะนั้นหนุ่มสาวคนไหนที่อยากกลับมามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เหมือนเด็ก และดูอ่อนวัยเหมือนสมัยสาว ๆ อาจยอมเลือกจ่ายแพงกว่าแต่ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและปลอดภัย แลกกับผิวพรรณที่อ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook