เรื่องเล่าหลังครัว... บ้าน อิชิตัน

เรื่องเล่าหลังครัว... บ้าน อิชิตัน

เรื่องเล่าหลังครัว... บ้าน อิชิตัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ว่ากันว่า...เบื้องหลังความสำเร็จของผู้ชายมักมี "ภรรยา" แสนดีผู้ที่คอยสร้างทั้งแรงใจ รับหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่จัดสรรงานบ้านงานเรือนตลอดจนดูแลเรื่องอาหารการกิน Family Favorite ฉบับนี้จึงชวนคุณผู้อ่านมาร่วมพิสูจน์คำกล่าวข้างต้นกันถึงหลังบ้านของนักธุรกิจชื่อดัง "ตัน ภาสกรนที" หรือที่ใครๆ เรียกเขาว่า "ตัน อิชิตัน"




"คุณอิง - สุนิสา ภาสกรนที" ผู้เป็นศรีภรรยาของนักธุรกิจพันล้านเจ้าของเครื่องดื่มในเครือ "อิชิตัน" ร้านอาหาร อิชิตัน อิซากายะ บุฟเฟ่ต์, โทคิยะ และร้านช็อกโกแลตเมลท์มี พร้อมครอบครัวออกมาต้อนรับทีมงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะที่คุณตันอยู่ในชุดลำลองดูสบายตา ทว่ายังสวมหมวกกัปตันอย่างที่เราคุ้นเคย เมื่อทีมงานกระเซ้าถึงเรื่องหมวกที่ดูจะกลายเป็นโลโก้ประจำตัวคุณตันไปเสียแล้ว ประโยคแรกที่คุณอิงกล่าวกับเราจึงเป็นคำกล่าวที่ว่า "เดี๋ยวนี้ถ้าไม่ใส่หมวก เขาจะไม่มั่นใจค่ะ" คุณอิงพูดพร้อมหัวเราะ ขณะที่ตัวพ่อบ้านเองได้แต่อมยิ้ม มิกล้าตอบโต้ เพราะรู้ชะตาดีว่าวันนี้จะถึงทีที่แม่บ้านอย่างคุณอิงได้สิทธิ์เต็มร้อยในการเมาท์มอยเรื่องเขา (ตามที่ทีมงานขออนุญาตไว้แต่แรก)

เมื่อคุณพ่อบ้านปลีกตัวไปนั่งเล่นกับลูกทั้งสอง บทสนทนาถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ในครอบครัวและอาหารการกินของบ้านนี้จึงเปิดฉากขึ้น...เรามาฟังเรื่องราวในครัวของ "บ้านภาสกรนที" จากคุณอิงแม่บ้านคนสวยกันเลยค่ะ

"เวลาทำอาหารกินกันเองในบ้านมันไม่ใช่แค่เราได้กินของอร่อย แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่าคือการที่คนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน"

บ้านนี้ชอบกินอาหารประเภทไหนเป็นพิเศษ

"จริง ๆ แล้วที่บ้านกินอาหารหลายประเภทมาก เพราะด้วยความที่เราทำธุรกิจด้านอาหาร เราก็ต้องลองกินไปเรื่อย แต่ถ้าเป็นอาหารที่กินกันบ่อย ๆ ในบ้านจะเน้นเป็นอาหารทะเลหรืออาหารรสแซบ ๆ เช่น น้ำพริกหรือต้มยำ" นักชิมตัวพ่ออย่างคุณตันสรรหาของ "กิน" ขนาดไหน "

มาก-ก-ก (เสียงสูง) คือคุณตันเป็นคนชอบกินอยู่แล้ว ดังนั้นหากมีโอกาสได้ออกไปกินข้าวนอกบ้าน เช่น นัดลูกค้าคุยเรื่องงานเขาจะพยายามนัดที่ร้านอาหารอร่อย ๆ เพื่อหาประสบการณ์ในการกินไปด้วย เวลาไปต่างจังหวัดก็ต้องหาร้านอร่อยกินรวมทั้งเวลาไปต่างประเทศพอนั่งแท็กซี่ปุ๊บ คุณตันจะไม่ถามเรื่องอื่นเลย นอกจากถามว่าเมืองนี้อะไรอร่อย ร้านไหนอร่อยที่สุดเป็นคำถามแรกและคำถามเดียวเท่านั้น คือไม่ว่าจะไปที่ไหนเขาต้องหาของอร่อยจริง ๆและอร่อยที่สุดเท่านั้น นี่แหละคุณตัน"

แล้วคุณแม่บ้านเองล่ะคะ ได้รับอิทธิพลความเป็นนักชิมมาบ้างไหม

"อิงก็ต้องตามมาติด ๆสิคะ คือจริง ๆ อิงเป็นคนที่สบายมากนะ เพราะคุณตันเขาชอบถาม ชอบพาเราไปกินอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาไปไหนสบายเลย ไม่ต้องถาม ไม่ต้องหา อยู่เฉยๆ ก็ได้กินของอร่อยแน่นอน" ลูก ๆ มีแววเรื่องการทำอาหาร - ธุรกิจอย่างคุณพ่อบ้างรึเปล่า

"น้องเก็ต (ลูกชาย) เขาจะมีความโดดเด่นอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ เขามีพรสวรรค์ในเรื่องการกินมาก ๆ เช่น เครื่องดื่มที่บริษัทจะทำขาย เราจะให้น้องเก็ตชิมตลอดเพราะเขาจะคอมเม้นท์ได้หมดว่า ตัวนี้ขมไปตัวนี้มีกลิ่นไม่หอม เขาวิจารณ์ได้ขนาดนั้นเลยอีกด้านคือเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์ทางธุรกิจเวลาเขาเข้าไปในร้านหรือในโรงงานเราเองเขาจะสอดส่องแล้วมาบอกตลอดว่า หม่าม้าต้องเปลี่ยนตรงนั้นตรงนี้สิ ซึ่งหลายครั้งที่ทำตามที่เขาบอกแล้วมันเวิร์คมาก

"ตัวอย่างเช่น ตอนที่อิงเพิ่งเปิดร้าน Melt Me สาขาแรก เราให้พนักงานนำช็อกโกแลตออกไปให้ลูกค้าชิมหน้าร้าน แล้วบางทีลูกค้ายังเขินไม่กล้าหยิบชิม พนักงานก็จะเดินตามไปพรีเซ้นต์ว่าอร่อยอย่างไร พอน้องเก็ตเห็นเขาก็บอกว่า หม่าม้าอย่างนี้มันไม่ถูกนะ หม่าม้าต้องจำกัดบริเวณในการตามลูกค้าด้วย อย่าเดินตามลูกค้าจนเกินขอบเขต เพราะมันเป็นการล่วงล้ำสิทธิส่วนบุคคลของเขา มันจะทำให้ลูกค้าอึดอัดอิงฟังแล้วทึ่งเลยว่านี่เด็ก 7 ขวบนะเนี่ย เขาคิดได้แบบนี้เลยหรือ

"หรืออย่างการที่ร้านเรามีไอศกรีมเจลาโต้ 16 รสชาติ พอน้องเก็ตมาถึงที่ร้านเขาถามว่ารสชาติไหนขายดีที่สุด อิงตอบว่ารสดาร์กช็อกโกแลต เขาก็บอกว่าถ้าขายดีแล้วทำไมไม่เอาไปวางไว้แถวหน้าตรงกลาง ลูกค้ามาถึงจะได้เห็นเลย นี่แหละคือสิ่งที่เราเองไม่ทันคิดแต่เขาเห็นแล้วคอมเม้นท์ได้ พอเป็นแบบนี้อิงเลยจะชมเขาตลอดว่าเก่งจังลูก พอบอกแบบนั้น เขาก็ยิ่งคิด ยิ่งพัฒนา เป็นการสร้างกำลังใจให้เขากล้าคอมเม้นท์ในสิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นประโยชน์

"ส่วนน้องใกล้ใกล้ (ลูกสาว) จะเหมือนอิงคือเขาสนใจในเรื่องการทำอาหาร เวลาอิงดูรายการทำอาหารในยูทูบเขามาดูด้วยตลอดเวลาไปกินอาหารอร่อย ๆ จะถามตลอดว่า หม่าม้าอันนี้คืออะไร เขาทำยังไงถึงอร่อย อิงเลยมองว่าเขามีแววเรื่องทำอาหารนะทุกวันนี้พอตกเย็นเขาจะมาคอยช่วยอิงหรือแม่บ้านทำอาหารบ่อยมาก อิงเลยเริ่มสอนเขาทำเมนูง่าย ๆ อย่างไข่เจียว ไข่ต้มไปก่อนและคิดว่าถ้าเขาชอบจริง ๆ อาจจะให้เขาไปเรียนทำอาหารที่โรงเรียนสอนทำอาหารสำหรับเด็กด้วย เขาจะได้สนุกขึ้นเพราะมีเพื่อนวัยเดียวกัน" ต้องทำงานนอกบ้านไปด้วย...มีเวลาทำอาหารให้สามี - ลูกกินบ่อยไหม

"ประมาณสัปดาห์ละครั้งค่ะ เพราะเราเองทำงานนอกบ้านด้วยเลยไม่มีเวลาได้ทำอาหารบ่อยนัก แต่เวลาทำทีไรครอบครัวเราตื่นเต้นกันมาก คุณตันกับลูก ๆ จะตื่นมาช่วยกันทำแต่เช้า แต่ทำแล้วล้มเหลวก็มีนะ (หัวเราะ) เช่นล่าสุดเลย เราทำเกี๊ยวซ่าเพราะน้องเก็ตบอกว่าอยากกิน อิงหัดตั้งแต่ร่อนแป้งเลยค่ะ แต่พอทำเสร็จปุ๊บน้องเก็ตบอก หม่าม้า กินไม่ได้เลย เราเลยปรึกษากันว่า งั้นเราไปซื้อแป้งสำเร็จในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วมาทำไส้ใหม่ดีกว่าไหม ทดลองกันไปมาจนสุดท้ายก็ทำได้สำเร็จ

"ครั้งแรกครั้งที่สองลูกส่ายหน้าบอกไม่ผ่าน...แต่เขาก็กินนะ คือมันอาจจะไม่สวยเท่าไรแต่ลูก ๆ เขาให้กำลังใจ โดยเฉพาะลูกคนเล็กอร่อยหรือไม่อร่อยก็บอกว่า หม่าม้าอร่อยจังเลย (แล้วคุณตันละคะ) คุณตันส่วนใหญ่จะตามลูก ๆ นะคะ ลูกว่าอร่อยแล้วคุณตันก็ต้องอร่อยด้วย ไม่ค่อยกล้าบอกว่าเราทำไม่อร่อยหรอก เพราะถ้าบอกอย่างนั้นอาจจะอยู่บ้านไม่ได้" (หัวเราะ) เมนูที่นักธุรกิจพันล้านอย่างคุณตันทำให้ ลูก - ภรรยากิน

"นาน ๆ ทีคุณตันถึงจะเข้าครัวไปทำอาหารง่าย ๆ ให้พวกเรากินค่ะ แต่เวลาเข้าแล้วก็มีเรื่องขำตลอด เพราะด้วยความที่คุณตันไม่ค่อยเข้าครัวเลยหยิบจับอะไรไม่ค่อยถูกมีครั้งหนึ่งเขาทำไข่เจียว แล้วไม่รู้ว่าน้ำปลาขวดไหน เลยหยิบผิด ดันไปหยิบซีอิ๊วดำใส่แทน ทอดออกมาไข่เจียวดำปี๋เลย แต่เชื่อไหมคะว่า ไข่เจียวดำ ๆ แบบนั้นลูกกินหมดเลย อิงเลยรู้สึกว่าไข่เจียวจานนั้นมีค่ามากลูก ๆ ไม่เรียกว่าไข่เจียวนะคะ เขาแซวว่าคุณพ่อทำ ‘ไข่ดำ' ให้กิน แต่ก็แย่งกันกินใหญ่เลย เพราะนาน ๆ ทีพ่อเขาจะทำให้กินอร่อยหรือไม่อร่อยไม่รู้ แต่เป็นฝีมือพ่อตัวเองเลยกินกันใหญ่" ช่วยเล่าถึง 3 เมนูที่นำมาฝากผู้อ่าน H&C หน่อยค่ะ

"เมนูที่เลือกนำมาฝากเป็นเมนูที่อิงทำบ่อยค่ะ ทั้ง 3 เมนูนี้การปรุงจะใช้เวลานานหน่อย ดังนั้นเวลาทำอิงจะเลือกทำตอนที่เราอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา ให้คุณตันและลูกช่วยทำด้วย เพื่อที่เราจะได้มีกิจกรรมที่ทำไปพร้อมๆ กันพ่อแม่ลูกเมนูแรกคือซี่โครงหมูบาร์บีคิว จานนี้เป็นสูตรที่คุณอิงและเชฟร้านโทคิยะร่วมกันคิด คืออิงไปชิมซี่โครงหมูมาหลายที่แล้วก็ลองเอามาปรับสูตรเป็นของตัวเอง จานนี้พิเศษตรงที่เราเติมน้ำโค้กเข้าไปด้วย หมูที่ได้จะนุ่มและหวานอร่อยขึ้น ซุปล็อบสเตอร์ เมนูนี้ลูกๆ ชอบค่ะไปชิมตามร้านต่าง ๆ แล้วนำมาปรับจนได้เป็นสูตรของเราเองเหมือนกัน ซึ่งทั้งซี่โครงหมูบาร์บีคิวและซุปล็อบสเตอร์มีขายที่ร้านโทคิยะนะคะ หากอยากชิมก็แวะไปได้"

"สุดท้ายคือ Fruits Dip คุณอิงอธิบายว่าเป็นเมนูซึ่งรวมเอาสิ่งที่คุณอิงชอบที่สุดทั้งสองอย่าง นั่นคือผลไม้และช็อกโกแลตมารวมไว้ด้วยกัน เมนูนี้ทำครั้งใดจะถือว่าเป็นช่วงเวลาสุขสันต์ของครอบครัวเมื่อนั้น เพราะคุณตันและลูกๆ จะมาล้อมวงทั้งกินและจุ่มผลไม้เล่นกันอย่างสนุกสนานคุณอิงเลยฝากบอกมาว่า อาหารทั้ง 3 เมนูนี้จะอร่อยขึ้นมากถ้าคุณผู้อ่านชวนคนในครอบครัวมาร่วมปรุงและร่วมรับประทานไปพร้อมกันเหมือนครอบครัวเธอ...

"เวลาทำอาหารกินกันเองในบ้านมันไม่ใช่แค่เราได้กินของอร่อย แต่สิ่งที่มีค่ามากกว่าคือการที่คนในครอบครัวได้ทำกิจกรรมร่วมกัน...เพราะในความเป็นจริงอาหารอร่อยหรือเลิศหรูกว่านี้เราก็ซื้อมากินได้ แต่ความอบอุ่นและความสัมพันธ์ในครอบครัวมันต้องสร้างขึ้นเอง มันเป็นสิ่งที่หาซื้อไม่ได้" คุณอิงกล่าวปิดท้าย


ซุปล็อบสเตอร์

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)

เตรียม 20 นาที ปรุง 90 นาที

กุ้งแชบ๊วย 250 กรัม 

แครอตหั่นเต๋าเล็ก  150 กรัม 

หอมหัวใหญ่หั่นเต๋าเล็ก  100  กรัม 

เซเลอรี่ซอยบาง  75  กรัม 

มันฝรั่งหั่นเต๋าเล็ก 150  กรัม 

มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato Paste) 40  กรัม 

เนยจืด  20  กรัม 

ครีมสด ¼ ถ้วย 

นมสดรสจืด  ½ ถ้วย 

ไวน์ขาว  ¼ ถ้วย  น้ำเปล่า 8 

ถ้วย  เบย์ลีฟ  2  ใบ 

เกลือและพริกไทยขาวป่น อย่างละเล็กน้อย

วิธีทำ

1. ล้างกุ้งทั้งเปลือกให้สะอาด วางใส่ถาดทนความร้อนแล้วนำเข้าอบที่อุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียสไฟบน - ล่าง จนกุ้งมีกลิ่นหอม (ใช้เวลา 15 - 20 นาที) พักไว้

2. นำหม้อตั้งไฟปานกลางใส่เนย พอละลายใส่แครอตลงผัดจนนิ่ม จึงใส่หอมหัวใหญ่ เซเลอรี่ ผัดจนหอม ใส่กุ้งลงไป ตามด้วยซอสมะเขือเทศ เร่งไฟผัดจนหอมใส่ไวน์ขาวผัดต่อจนแอลกอฮอล์ระเหย จึงใส่เบย์ลีฟเติมน้ำและมันฝรั่ง เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ประมาณ 70 นาทีโดยไม่ปิดฝาหม้อ เมื่อมันฝรั่งเริ่มนิ่มจึงปิดไฟยกลงจากเตา

3. ตักใบกระวานออก จากนั้นปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้ละเอียด กรองด้วยกระชอนใส่หม้อตั้งไฟอ่อน เติมนมและครีมลงไปเคี่ยวจนเดือด ยกลง ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย เสิร์ฟขณะอุ่น


ซี่โครงหมูบาร์บีคิว

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)

เตรียม 30 นาที ปรุง 90 นาที

ซี่โครงหมูอ่อนล้างสะอาดนึ่งสุก  200 กรัม 

มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato Paste)  300 กรัม  

น้ำอัดลม (โค้ก)  70 กรัม   น้ำส้มเข้มข้น 15 กรัม 

เบคอนทอดกรอบ  40 กรัม   

เบย์ลีฟ 4  ใบ  

พริกไทยดำป่น  ¼ ช้อนชา   

ผักลวกสำหรับเคียงจานตามชอบ


วิธีทำ

1. นำส่วนผสมทุกอย่าง (ยกเว้นผักเคียง)ใส่หม้อ ปิดฝา เคี่ยวด้วยไฟอ่อน 30 นาที จากนั้นตักซี่โครงหมูออกมาพักไว้ แล้วนำน้ำที่เหลือไปปั่นจนละเอียด จะได้เป็นซอสบาร์บีคิว

2. ทาซอสบาร์บีคิวให้ทั่วซี่โครงหมูแล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียลนาน 3 นาที จึงนำออกจากเตา

3. พลิกชิ้นหมูแล้วทาซอสอีกข้างให้ทั่ว จากนั้นนำเข้าอบต่อตามวิธีการในข้อ 2 ทำเช่นนี้สลับกันข้างละ 3 ครั้ง จึงจัดเสิร์ฟพร้อมผักลวก

Fruits Dip

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่)

เตรียม 25 นาที ปรุง 60 นาที (ไม่รวมเวลาแช่เย็น)

สตรอว์เบอรรี่  4 ผล   กีวี  4 ผล  

แอ๊ปเปิ้ลแดง 4 ผล 

แอ๊ปเปิ้ลเขียว  4 ผล

ส่วนผสมสำหรับดิฟ

ดาร์กช็อกโกแลต 60 เปอร์เซ็นต์  150 กรัม

ไวท์ช็อกโกแลต  100 กรัม   

คอร์นไซรัป  120 กรัม  

น้ำตาลทรายขาว  300 กรัม  

เนยจืด 150 กรัม 

เกลือ  3 กรัม

วิธีทำ

1. ล้างผลไม้ให้สะอาด ซับน้ำให้แห้ง พักไว้

2. ละลายช็อกโกแลตและไวท์ช็อกโกแลตแยกถ้วยกันโดยใช้วิธีอบในเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟต่ำสุดนาน 1 นาที จากนั้นนำออกมาคน แล้วอบต่อในเตาไมโครเวฟอีก 1 นาที ทำแบบนี้ 2 - 3 ครั้งจนช็อกโกแลตทั้งสองชนิดละลายได้ที่ พักไว้

3. ทำคาราเมลโดยนำคอร์นไซรัป น้ำตาล-ทรายขาว เนยจืด และเกลือใส่หม้อตั้งไฟอ่อนเคี่ยวจนได้อุณหภูมิ 130 องศาเซลเซียส หากไม่มีเทอร์โมมิเตอร์วัดให้ทดสอบโดยตักคาราเมลขึ้นมาเล็กน้อย รอจนคลายร้อนแล้วลองปั้นดูหากปั้นเป็นก้อนได้แสดงว่าได้ที่แล้ว

4.นำผลไม้ลงไปจุ่มช็อกโกแลต ไวท์ช็อกโกแลตและคาราเมลตามชอบ จากนั้นนำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา 20 นาทีหรือจนดิปที่เคลือบไว้แข็งตัวจึงนำออกมารับประทาน


Tips

เคล็ดลับการล้างผลไม้ให้สะอาดของ "บ้านอิชิตัน" คือ ผสมน้ำส้มสายชู 2 ช้อนชาและเกลือ 1 ช้อนชาเข้ากับน้ำสะอาด 500  มิลลิลิตร แช่ไว้ 20 นาที จึงนำมาล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง *ไวท์ช็อกโกแลตจะเหลวกว่าช็อกโกแลตเมื่อจุ่มแล้วอาจต้องแช่เย็นนานกว่าจึงจะแข็งตัว 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook