เมนูอาหารลูกน้อย "ไอศกรีมโยเกิร์ตมะม่วง" เติมเต็มแคลเซียม และวิตามินซี
EP10. ไอศกรีมโยเกิร์ตมะม่วง
เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านผ่านความกระวนกระวายเวลาลูกน้อยหงุดหงิด งอแง ให้ทานอาหารที่ชอบก็ไม่ค่อยอยากจะทานเหมือนเดิม ปวดหัวตัวร้อนก็ไม่ใช่ หาเท่าไรก็ไม่เจอ บางครั้งจุดไต้ตำตอที่เผยออกมาก็คือ ฟันของเจ้าตัวน้อยกำลังจะขึ้นนั่นเอง ตามตำราต่างๆ จะให้อมน้ำแข็งบ้าง หรือให้กัดยางกัดฟันที่นำไปแช่ช่องแข็งบ้าง ดิฉันก็เคยให้ลองกัดแล้ว แต่น้องไม่ค่อยชอบ เพราะยางกัดของดิฉันไม่มีด้ามจับ ทำให้กัดสักพักแล้วก็วาง น่าจะเพราะทนเย็นไม่ไหว ในที่สุดก็มาลงตัวกับการทานไอศกรีม วันนี้คุณแม่ปอม รัตมา พงศ์พนรัตน์ พรชำนิ ขอเสนอเมนูไอศกรีมโยเกิร์ตมะม่วงมาให้ หวังว่าจะสามารถลดความกังวลใจของแก๊งคุณแม่ลงไปไม่มากก็น้อย เพราะเป็นเมนูที่ง่าย แถมลูกจะได้แคลเซียมจากโยเกิร์ต และวิตามินซีจากมะม่วง การได้รสชาติหวานๆ เย็นๆ สักครั้งต่อวัน เจ้าตัวน้อยจะได้มีความสุขค่ะ
สมัยก่อนไอศกรีมหรือเมนูของหวาน ไม่ใช่คนธรรมดาจะรับประทานได้ ต้องเป็นกษัตริย์ หรือเศรษฐีเท่านั้นถึงจะได้ลิ้มลอง ไอศกรีมนั้นเริ่มมีการพัฒนาขึ้นในวังหลวงของเปอร์เซียเมื่อสองพันกว่าปีที่แล้ว เพื่อคลายร้อนในช่วงฤดูร้อน ในเริ่มแรก ด้วยความที่เป็นอาหารกษัตริย์ ต้องไม่ธรรมดา ต้องหายาก จึงส่งคนไปแบกเกล็ดหิมะจากภูเขาสูง แล้วนำมาราดด้วยเครื่องปรุงที่หรูหราอย่างไซรัปน้ำดอกกุหลาบ และหญ้าฝรั่น เป็นลักษณะคล้ายน้ำแข็งไสที่เรียกว่า ชาบัต Shabat (ภาษาอาหรับแปลว่า ผลไม้น้ำแข็ง และนี่ก็คือที่มาของ เชอเบท Sherbet ที่เราทานอยู่ในปัจจุบัน) จนต่อมาได้พัฒนามาเป็นสูตรไอศกรีมที่ทำจากนมผสมกับไซรัป เรียกว่า บาสตานิ (Bastani เรียกตามชื่อผู้คิดสูตร) โดยมีส่วนผสม จาก นม ไข่ น้ำตาล น้ำดอกกุหลาบ หญ้าฝรั่น วนิลา พิสตาชิโอ ซาเลป (แป้งจากดอกกล้วยไม้) ดูจากเครื่องปรุงแล้วคุณแม่เชื่อเลยค่ะว่า คนจนสมัยก่อนคงได้แค่ได้ยิน คงไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหรือชิม
ต่อมาไอศกรีมได้เดินทางเข้ามาสู่เอเชียใต้ในช่วงจักรวรรดิโมกุลที่มีเชื้อสายเปอร์เซียของอินเดีย ได้รับกลิ่นอายจาก บาสตานิ ผสมผสานกับวัตถุดิบท้องถิ่นคลอดออกมาเป็น คัลฟี่ (Kulfi) ไอศกรีมที่เพิ่มความหวานมันด้วยนมข้น ทำให้แข็งโดยบรรจุในภาชนะพิมพ์รูปกรวยแท่ง ใส่ลงไปแช่แข็งในน้ำแข็งผสมดินประสิว (ทำหน้าที่ลดอุณหภูมิคล้ายเกลือที่ใช้ในปัจจุบัน) ซึ่งดิฉันคาดว่า คัลฟี่ น่าจะมีอิทธิพลต่อเครื่องปรุงและวิธีการทำไอศกรีมตัดของไทยในที่สุด ไม่แน่ใจว่าจะเกิดทันกันไหม ที่ขายในรถเข็นจะมีรสกะทิ ใบเตย กาแฟ ทุเรียน โดยเครื่องปรุงหลักน่าจะมี นม กะทิ น้ำตาล และแป้ง เราก็จะเลือกรสโดยชะโงกหน้าเข้าไปดูในถังที่จะมีแท่งไอศกรีมเป็นท่อนๆ หลากหลายสีออกโทนพาสเทล เรียงเป็นคอนโดไอศกรีมอัดแน่นกันอยู่ คนขายก็จะหยิบแท่งออกมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมวางบนกระดาษ แล้วใช้ไม้ไอศกรีมเสียบลงไปเป็นอันเสร็จ เล่ามานี่บอกอายุคนเขียนเลยค่ะ
หลังจากที่คุณยายหมั่นเคี่ยวเข็ญให้ดิฉันเล่านิทาน เล่าสัพเพเหระ คุยกับลูกบ่อยๆ เลยติดนิสัยทำให้ดิฉันขอพร่ำเพ้อพานั่งไทม์แมชชีนไปไกลถึงเปอร์เซีย (เผื่อคุณแม่จะเอาไปโม้กับลูกต่อได้ว่า วันนี้แม่ทำขนมสูตรสองพันกว่าปีให้ชิม) เพียงเพื่อที่จะบอกว่า วันนี้เราจะปรุงเมนูให้ราชา ราชินีตัวน้อยของบ้านรับประทานกัน จากประสบการณ์ที่เคยรับประทาน บาสตานิ โดยตรง ชอบเนื้อไอศกรีมที่เหนียวหนึบหนับ แต่มันมีรสหวานที่เลยจุดความอร่อยของข้าพเจ้าไปหน่อย รสชาติขนมหวานของแขกขาวและแขกอินเดียจะหวานให้สุด รสชาติชัดเจนเหมือนนิสัยคนมาก ดังนั้น ดิฉันต้องขอลดทอนสูตรที่เก่าแก่ดั่งเดิม โดยเราจะผสมผสานสูตรเชอเบทผลไม้และไอศกรีมนมเข้าด้วยกัน ดิฉันใช้กรีกโยเกิร์ตเป็นตัวหลัก ลดความหวานลงแบบไม่ต้องใช้ตัวช่วย แต่ได้เนื้อสัมผัสครีมเข้มข้นของกรีกโยเกิร์ตที่ต่างจากโยเกิร์ตปกติ มีแต่สีเท่านั้นที่ยังเหมือนเดิมของเขาได้จากไฮโซหญ้าฝรั่น ของเราได้จากพี่มะม่วงไทยหอมหวานธรรมชาติ เต็มไปด้วยวิตามินซี ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหาร ช่วยในการขับถ่าย โดยเพิ่มกลิ่นสดชื่นด้วยใบสาระแหน่ งั้นลองมาดูวิธีทำแบบบ้านๆ ยุคศตวรรษที่ 21 กันค่ะ
เครื่องปรุงสำหรับไอศกรีม 2 ถ้วย
มะม่วงสุก 1 ลูก
กรีกโยเกิร์ต 1 (150) ถ้วย (กรัม)
นมผงของลูก 2 ออนซ์
มะนาว ตามชอม
ใบมิ้นท์หรือใบสาระแหน่ ตามชอบ
เตรียม 5 นาที วิธีทำ 4 ชั่วโมง
หั่นมะม่วงเป็นลูกเต๋า ใส่ลงโถปั่น ตามด้วยโยเกิร์ต นมผง ปั่นที่ความแรงระดับกลาง หรือโปรแกรมสมูทตี้ประมาณ 3 นาที จนละเอียดเข้ากัน
ตักชิม ปรุงรสตามชอบ บีบมะนาวเพื่อตัดเลี่ยนหวานมะม่วง ใส่ใบสะระแหน่หรือใบมิ้นท์ตามชอบเพิ่มความสดชื่น ปั่นต่ออีกนิดหน่อยเป็นอันเสร็จ
เทลงใส่แม่พิมพ์ หรือจะใส่กล่องอาหารก็ได้ ปิดฝาให้เรียบร้อย นำเข้าช่องแช่แข็งอย่างน้อยสามชั่วโมง สามารถนำมาทานกับผลไม้ก็ได้ กับแพนเค้กหรือเครป ก็เข้ากันค่ะ หวังว่าคงจะชอบไอศกรีมที่ง่ายและมีประโยชน์เมนูนี้นะคะ
แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้า ขอให้มีความสุขในการเข้าครัวเพื่อสร้างพื้นฐานในการรับประทานที่ดีของเจ้าตัวน้อยนะคะ