ไม่ธรรมดา ซุป'ตาร์เด็ก

แม้จะสั่งสมแนวคิดกันมายาวนานว่า "เด็ก" เป็น 1 ใน 4 สิ่งพึงระวังสำหรับงานถ่ายทำ ก็น้องๆ หนูๆ ทั้งหลายน่ะช่างเดาใจลำบาก ยากต่อการควบคุม แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าสมัยไหนดาราเด็กก็ดูจะเป็นขวัญใจของคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ

อย่างในยุคนี้ใครไม่คุ้นหน้าซุป"ตาร์ตัวน้อย ทั้ง 4 เห็นทีจะไม่ใช่แฟนทีวีตัวจริง

ปลาวาฬ อชิรวิชช์

"สวัสดีคร้าบบบ น้องปลาวาฬ อายุ 5 ขวบครับ" หนุ่มน้อยหน้าคุ้นจาก "ตะวันฉายในม่านเมฆ" หรือชื่อจริงนอกจอ "ด.ช.อชิรวิชช์ เดชปรอท" ยกมือไหว้ทักทาย พลางยิ้มหวาน

จากนั้นแนะนำตัวด้วยเสียงดัง แต่ฟังไม่ค่อยชัดว่ากำลังจะขึ้นชั้นอนุบาล 2 รร.สารสาสน์วิเทศสายไหม "แต่ถ้าไปสายก็สายนะครับ" ยังไม่ทันไรน้องหนูก็ปล่อยมุข โชว์อารมณ์ขัน

ก่อนจะวิ่งจู๊ดหนีไป ปล่อยให้ "อัจรา เรืองสันติโยธิน" "แม่ปุ๋ม" ของปลาวาฬเล่าถึงเส้นทางในวงการว่า เริ่มมาตั้งแต่อายุแค่ขวบกว่าๆ ด้วยการคว้ารางวัลที่ 1 จากการประกวดหนูน้อยอารมณ์ดีกับเบบี้เลิฟ จากนั้นก็มีถ่ายนิตยสาร แล้วตามมาด้วยงานโฆษณาตอน 2 ขวบกว่าๆ

จนปัจจุบันถ่ายมาได้ 10 กว่าชิ้น รวมกับละครที่ออกอากาศไปแล้ว 1 และกำลังถ่ายทำอีก 2

"จริงๆ มีติดต่อมาเยอะ แต่เราต้องเลือก" เธอบอก ไม่ใช่เพราะหยิ่ง แต่ "ไม่อยากให้เขาเหนื่อยเกินไป" มาถึงตอนนี้ปลาวาฬที่วิ่งกลับมาบอกว่า เรื่องที่ถ่ายทำอยู่คือ "หัวใจเรือพ่วง" กับ "ต้นรักริมรั้ว" "เหนื่อยครับ แต่ไม่ยาก" แม้มีฉากร้องไห้ด้วยก็เถอะ

เนื่องจากเขามีเคล็ดลับ คือ "ให้พ่อไปเลย แม่ก็ทิ้งไปเลย เอาไอแพดไปด้วย แล้วน้องปลาวาฬก็จะร้องไห้"

อย่างไรก็ตาม แม้จะชอบเล่นละคร เพราะสนุกดี แต่ในอนาคตเจ้าตัวก็ว่า "อยากเป็นคุณหมอ ช่วยชีวิตสัตว์ เพราะสงสาร"

ซาฟารีเวิลด์เลยเป็นสถานที่โปรดที่อยากไปในช่วงปิดเทอมนี้ ด้วยมีสัตว์เยอะแยะ ทั้งจระเข้และรวมถึงงูเหลือมสุดโปรด สัตว์ที่หลายคนกลัว แต่หนุ่มน้อยบอกไม่ "สวยดี" ว่าอย่างนั้น

อันดา กุลฑีรา

ขณะที่ "อันดา กุลฑีรา ยอดช่าง" สาวน้อยวัย 7 ขวบกลับ "อยากเป็นพยาบาล" "เพราะได้เงิน"

หากพอโดนทักว่าเป็นดาราก็ได้เหมือนกัน เจ้าตัวเลยขอตอบใหม่ "เปลี่ยนใจล่ะ โตขึ้นขอเป็นแบบเดิมดีกว่า" "ชอบมากที่ได้แสดง" เธอว่า เพราะทั้งสนุก ทั้งได้เจอดารา และยังมีสตางค์เก็บไว้ซื้อบ้านให้อากงกับอาม่ามาอยู่ด้วย เลิกดึกแค่ไหนเลยไม่หวั่น แม้จะสารภาพเสียงอ่อยว่า "บางวันหนูง่วงมาก เคยดึกสุดตี 2 ตอนนั้นจะหลับแล้ว แต่พอ 5-4-3-2 ก็ตื่นเอง ไม่รู้สิมันเป็นเองตามอัตโนมัติ"

"โตขึ้นอยากเป็นเหมือนพี่ชมพู่ (อารยา เอ ฮาร์เก็ต)" นักแสดงหญิงในดวงใจ ขณะที่นักแสดงชายนั้น "ณเดชน์ คูกิมิยะ" มาเป็นอันดับ 1 "เขาหล่อ แสดงเก่ง" คนตัวเล็กบอกไปเขินไป พอเราเดาว่าเป็นชายในฝัน เธอเลยออกอาการ "ทำไมพี่รู้"

ก่อนยอมเล่าเสียงหวานถึงประสบการณ์ (แอบ) รัก "เคยมีครั้งหนึ่งที่แฟนคลับเขาบอกแม่หนูว่า ให้ไปเรียกพี่ณเดชน์ให้หน่อย แต่หนูขอไปบอกเองว่า พี่ณเดชน์ขา แฟนคลับเรียก"

แต่ถึงจะออกอาการขนาดนี้ แต่หนุ่มรุ่นพี่ก็ไม่เคยรู้ เพราะอยู่ต่อหน้าเล่นเงียบ

ผิดกับความรักต่อกลุ่มแฟนคลับที่สาวเจ้าเปิดเผยสุดสุด ว่า "ดีใจ ไม่คิดว่าจะมีคนมองเต็มไปหมด"

เลยไม่แปลกว่าทำไมสาวน้อยจึงอยากทำงานในวงการต่อไป ทั้งที่ "ก็มีเหมือนกันบ่นกับหม่าม้า หนูเหนื่อยแล้ว หยุดรับงานสักทีสิ" "แต่สุดท้ายก็ต้องรับ เพราะเป็นงานของหนู"

เฟรย่า พิชชา

เช่นเดียวกับ "เฟรย่า พิชชา ชินวัตร" วัย 6 ปี ที่หลงรักการแสดงหลังสัมผัสชีวิตในวงการมาได้ 3 ปี

พอให้แจงถึงผลงานเธอว่า "โอ๊ย เยอะแยะเลยค่ะ" แต่ถ้าจำขึ้นใจต้องโฆษณา "หมูคุโรบุตะ" ต่อด้วยพิธีกรรายการ "ดิสคัฟเวอรี่ ไทม์" ละคร"พรพรหมอลเวง", "กากับหงส์" และอีก 3 เรื่องยังไม่ออนแอร์ได้แก่ "ดาวเกี้ยวเดือน", "ฟาร์มเอ๋ยฟาร์มรัก","วิวาห์ป่าช้าแตก" ซึ่งคาแร็กเตอร์แต่ละเรื่องมีทั้งที่เป็นตัวดีและไม่ดี แต่หากเลือกได้สาวเจ้าดันอยากเป็นตัวร้าย

"บทนางเอกเฟรไม่ถนัด มันไม่ใช่เรา ต้องร้องไห้ ไม่ชอบ" เธอว่าพลางทำหน้าร้ายใส่ แต่พอเวลาแสดงกลับทำได้ เพียงเพราะเจอคนตะโกนเสียงดังใส่ แต่หลังจากนั้น "จะโกรธ โป้งเลยนะคนที่บิวท์ให้เฟรย่า" กับนักแสดงทั่วๆ ไปนั้นเฟรย่าบอกว่าเธอชอบ "พี่ชมพู่" "อารยา เอ ฮาร์เก็ต" เพราะ "เขาเก่ง แล้วสวยเหมือนเฟรย่า" ใช่ สวยเหมือนเธอ ฟังไม่ผิดหรอก

โตขึ้นเลยไม่ต้องถามว่าอยากเป็นอะไร เพราะเห็นได้ชัดเจน "อยากเป็นดารา"

"เฟรย่าชอบแสดงออก ไม่ขี้อาย" เวลา รร.สารสาสน์เอกตรา ที่เธอเรียนอยู่ชั้น ป.2 มีงาน จึงขึ้นเวทีเป็นประจำ โดยหากมีเสียงกรี๊ดเกรียวกราวต้อนรับทุกอย่างจะดำเนินได้ราบรื่น แต่ถ้าไร้เสียงปรบมือ "เฟรย่าจะร้องไห้" เธอบอก "น้อยใจ คิดว่าเขาไม่รัก"

ทุกวันนี้เวลาไปไหนแล้วมีแฟนๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเลยชอบใจ "หนูรักแฟนคลับมากค่ะ" เธอส่งเสียงอ้อน

ภู อินทัช

ต่างจากนักเรียนชั้น ป.4 วัย 9 ขวบ รร.สาธิตพัฒนาอย่าง "ภู อินทัช เสริมสุขเจริญชัย" ที่แม้จะรักเหมือนกัน แต่ประสาเด็กก็อดบ่นเบาๆ ไม่ได้ว่า "บางอารมณ์ที่โดนถ่ายรูปเยอะๆ มันจะแบบซี้ดอ่ะ"

แถมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมาถ่าย ทั้งๆ ที่จะว่าไปเขาก็ไม่ได้ดัง หากด้วยคติ "เหนื่อยก็ทนไป" ที่ยึดไว้ประจำใจเลยทำให้อยู่ในวงการมาได้ถึง 4 ปี หลังคุณครูพาไปแคสต์งานแรก หลังรู้ว่าเขาอยากเป็นดารา  นั่นเป็นจุดเริ่มของงานโฆษณาที่ตามมาอีกนับไม่ถ้วน แต่ในด้านละครเขาว่า "รักคุณเท่าฟ้า" เป็นผลงานเรื่องแรก ต่อด้วย "กู้ภัยหัวใจแหวว", "โคกอีเลิ้ง เริงร่า" และหนัง "ปาทังก้าแมน" ซึ่ง 2 เรื่องหลังอยู่ในขั้นตอนการถ่าย "ในปาทังก้าแมนจะมีฉากหนึ่งผมเอ็นร้อยหวายขาด เดินได้ไม่ปกติ ผมต้องขว้างตุ๊กตาไปมุมห้อง แล้วไล่ทุกคนออก ซึ่งผมไม่ใช่คนอย่างนั้น" ด้วย "ผม" น่ะ "เป็นคนอารมณ์ดี"

แถมยังรักสัตว์ ถึงขั้นยกเจ้าหม า"กู๊ดดี้" เป็นน้องแท้ๆ ในไส้ "รักมาก ให้ขึ้นมานอนเลียหน้าทุกวันเลย" หนุ่มน้อยว่าพลางหัวเราะคิกคัก

ส่วนเรื่องเครียดอย่างในหนังแน่นอนว่า "มีบ้าง" "แต่ไม่โยนของ ไม่ได้แรงขนาดนั้น" "ส่วนใหญ่จะเป็นเวลาทำการบ้าน ตัวเลขเยอะๆ แล้วคุณครูให้อยู่เย็น"

ซึ่งกระนั้นก็ต้องทำ เพราะคนตัวกลมตั้งความหวังว่าอยากเป็นนักบิน ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์มีส่วนสำคัญ "ตอนนี้ผมเก็บสตางค์เองในบัญชี ถ้าเก็บได้ 2 ล้าน จะเอาไปเป็นค่าเทอมเรียนนักบิน" หรือไม่เช่นนั้นถ้ายังจะอยู่ในวงการก็ต้องเอาอย่าง "โน้ส-อุดม แต้พานิช" "เขาเก่งที่ไปได้ทุกที่ เพื่อหาความรู้มาพูด" "อยากเป็นอย่างนั้น คือไม่ต้องทำอะไรเลย แค่พูดอย่างเดียวก็มีเงินเยอะแยะ"

แหม, แต่ละคนนี่ไม่ธรรมดา "สมกับเป็นซุป"ตาร์จริงๆ "

หน้า 24,มติชนรายวัน ฉบับวันพุธที่ 8 พฤษภาคม 2556
ขอบคุณภาพประกอบ : https://www.facebook.com/plawarn
https://www.facebook.com/iamundafansclub
https://www.facebook.com/น้องเฟรย่า พิชชา ชินวัตร
https://www.facebook.com/น้องภู อินทัช