5 อาการคนท้องที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เป็นแล้วรีบหาหมอด่วน

เมื่อตั้งครรภ์ คุณแม่ควรจะสังเกตอาการของตนเองอยู่เสมอ เพราะหากมีความผิดปกติเกิดขึ้น ก็จะได้ไปพบแพทย์และทำการรักษาได้ทัน โดยไม่เกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง ซึ่งเราก็จะพาคุณแม่ไปดูกันว่าอาการแบบไหนบ้างที่ควรจะไปหาหมอทันที โดยมี 5 อาการดังต่อไปนี้

1.ลูกดิ้นน้อยลง
คุณแม่ควรสังเกตให้ดีว่าลูกของคุณดิ้นเวลาไหน เวลาไหนดิ้นมากหรือน้อย ถ้ามีวันหนึ่งลูกเกิดไม่ดิ้นหรือดิ้นน้อยกว่าปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที โดยปกติแล้วทารกในครรภ์ควรดิ้นอย่างน้อยวันละ 10 ครั้งขึ้นไป ซึ่งหากดิ้นน้อยกว่านี้ไม่ควรนิ่งนอนใจเด็ดขาด โดยวิธีการนับลูกดิ้น แนะนำให้นับวันละ 3 เวลา คือหลังจากทานอาหารทั้ง 3 มื้อ และนับในเวลาเดียวกันเป็นประจำทุกวันจะดีที่สุด

2.มีเลือดออกทางช่องคลอด
หากมีเลือดออกทางช่องคลอด ไม่ว่ามากหรือน้อย นั่นเป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด เพราะอาจเสี่ยงได้หลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นภาวะแท้งคุกคาม รกเกาะต่ำ ตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก ฯลฯ ดังนั้นเมื่อพบว่ามีเลือดออกให้รีบไปหาหมอทันที อย่าได้รอช้าอยู่เลยเชียว

3.น้ำเดิน
เมื่อมีน้ำเดิน กล่าวคือ มีน้ำใสๆ ออกมาจากช่องคลอด นั่นอาจเป็นอาการของถุงน้ำคร่ำแตก คุณแม่จะต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจเกิดเชื้อโรคลุกลามเข้าไปในโพรงมดลูกจนทำให้ติดเชื้อได้ และอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว

4.บวม
คนท้องอาจมีอาการมือเท้าบวมได้ตามปกติ แต่หากพบว่าบวมมากเกินไป ร่วมกับมีอาการอื่นด้วย สายตาพร่ามัว ปวดหัวตรงหน้าผากและท้ายทอยอย่างมาก แบบนี้แสดงว่าไม่ปกติแล้วล่ะ ซึ่งควรไปหาหมอก่อนจะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อยในครรภ์

5.ปวดท้อง
อาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์ เป็นอาการที่ไม่ควรนิ่งนอนใจอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อมีอาการปวดอย่างรุนแรง และมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ซึ่งก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณอันตราย ที่คุณแม่จะต้องรีบไปหาหมอทันทีเช่นกัน

ทั้งหมดนี้ คือ ข้อควรระวังของคุณแม่ตั้งครรภ์ หากมีอาการผิดปกติดังกล่าว ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยทันที เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ และช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยในครรภ์มีสุขภาพที่ดีและคลอดได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ก็อาจจะมีอาการผิดปกติที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าพบว่ามีอาการแปลกๆ ไม่ว่าอาการใดก็ตาม อย่าได้นิ่งนอนใจเด็ดขาด