ED…ERECTILE DYSFUNCTION...ปัญหาสุดยอดของสุภาพบุรุษนักรัก

ปัญหาการที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวพอที่จะสอดเข้าไปร่วมรัก หรือไม่สามารถแข็งตัวได้นานพอที่จะปฏิบัติกิจกรรมอันสุนทรีย์จนมีความสุขสมร่วมกัน เป็นปัญหาของผู้ชายมาในทุกยุคและไม่เคยลดลงเลย

ข้อมูลทางเพศบ่งบอกว่า...
● ผู้ชายร้อยละ 80 ยอมรับว่าปัญหา ED เป็นปัญหาที่พวกเขากังวลมากที่สุด รองลงมาคือ กลัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากร้อยละ 60 และกลัวเกิดอาการวัยทองหรือพร่องฮอร์โมนเพศชายเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น

● โรค ED หรือการที่อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัวนั้นในปัจจุบันถือว่าเป็นโรคทางกายมากกว่าโรคทางจิตใจ แต่ถ้าไม่ได้รับการบำบัดรักษาอาจมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจตามมาทำให้ขาดความมั่นใจในการร่วมรักและมีผลต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตในสังคมตามมา

● ปัญหาของโรค ED ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลมาจากไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตที่ไม่ดี ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารมากเกินไป แต่ขาดสารอาหารที่จำเป็น สูบบุหรี่ ดื่มสุรา เครียด และทำงานหนักโดยไม่พักผ่อน

● ผลของไลฟ์สไตล์ที่เลว ทำให้เกิดสภาวการณ์พร่องฮอร์โมนเพศชาย เป็นผลทำให้อารมณ์เพศลดลง และเกิดปัญหาทางสุขภาพตามมาคือ มีไขมันในเลือดสูง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง อ้วนลงพุง ในที่สุดเส้นเลือดต่างๆ ก็จะเริ่มอุดตันเริ่มจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชายทำให้ไม่แข็งตัว ต่อมาเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ จะเริ่มตีบเกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา จากนั้นเว้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองก็จะตีบตันเกิดเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต

● การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์จึงเป็นการรักษา และการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับหลอดเลือดต่างๆ โดยต้องออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน รับประทานอาหารพอดีป้องกันโรคอ้วน ลดความเครียดพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตฮอร์โมนเพศชาย

● การรักษาให้อวัยวะเพศแข็งตัวด้วยยาในกลุ่มของ PDE 5 INHIBITOR ที่ปัจจุบันมีอยู่ 3 ชนิดคือ SILDENAFIL, VARDENAFIL และ TALADAFIL นั้นให้ผลใกล้เคียงกัน และผลของการใช้ในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ใช้ชนิดใดได้ผลดีควรใช้ชนิดนั้น

● ผู้ชายทุกคนที่เกิดปัญหาโรค ED ควรจะได้รับการตรวจสภาพของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจทุกคน เพราะส่วนใหญ่จะมีปัญหาตีบตันไม่มากก็น้อย

● ในอดีต ED หมายถึง ERECTILE DYSFUNCTION
ในปัจจุบัน ED หมายถึง ENDOTHELIAL DYSFUNCTION
ในอนาคต ED หมายถึง EARLY DETECTION OF RISK FACTORS

แปลเป็นไทยง่ายๆ ก็คือ ในอดีตโรค ED ที่เกิดขึ้นเป็นโรคที่ทำให้การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายผิดปกติ แต่ในปัจจุบันทราบกันดีว่าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของผนังเส้นเลือด (ENDOTHELIAL) ซึ่งเวลาเกิดความผิดปกติย่อมจะผิดปกติทั้งร่างกายไม่ใช่เฉพาะเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชายอย่างเดียว ในอนาคตเมื่อเกิดโรค ED ขึ้นจึงต้องมีการตรวจหาปัจจัยเสี่ยงของโรคที่ร้ายแรงกว่า เช่น โรคเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน และโรคเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบตันด้วย เพื่อจะได้ให้การรักษาแต่เนิ่นๆ