ตกเลือดหลังคลอด อันตรายที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม

ภาวะของการตกเลือดหลังคลอด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความอันตรายที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม แม้ว่าหลังการคลอดจะมีเลือดเสียจำนวนหนึ่งถูกขับออกมาจากร่างกาย ซึ่งอาจทำให้ดูเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าพบว่าการออกของเลือดนั้นมีปริมาณสูงมากและไม่ยอมหยุดไหล ก็ก่อให้เกิดปัญหาถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน โดยสาเหตุของการตกเลือดหลังคลอดถูกแบ่งออกเป็น 2 สาเหตุหลักๆ ดังนี้

1.กล้ามเนื้อมดลูกหดตัว
ปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อมดลูกหดตัวจะอยู่ในภาวะตกเลือดระยะแรก ที่อาจจะเกิดจากกรณีเด็กมีตัวใหญ่เกินไปหรือเป็นการคลอดแบบลูกแฝด จึงทำให้เกิดการฉีกขาดของปากมดลูกที่มากกว่าปกติ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการพบเนื้องอกภายในมดลูกและการคลอดที่ทิ้งเศษรกไว้ภายในมดลูกด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ยังรวมไปถึงอาการผิดปกติของหลอดเลือดที่แข็งตัวแบบเฉียบพลันอีกด้วย

2.การติดเชื้อรุนแรง
การติดเชื้อรุนแรงจะอยู่ในช่วงของการตกเลือดระยะหลัง คือ เมื่อเกิดการคลอดไปแล้วประมาณ 2 วันไปจนถึง 3 เดือน แล้วเกิดการตกเลือดที่มีปริมาณเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก การติดเชื้ออาจเกิดจากถุงน้ำคร่ำแตกก่อนการคลอดมาเป็นเวลานาน หรือมีการตรวจภายในระหว่างตั้งครรภ์บ่อยครั้ง และในช่วงที่คลอดอาจมีเศษรกยังคงติดอยู่ภายในของโพรงมดลูก นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการทำความสะอาดที่ไม่เพียงพออีกด้วย

รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเสี่ยงต่อภาวะตกเลือดหลังคลอด
การตกเลือดหลังคลอดในระยะแรก ให้คุณสังเกตดูตัวเองว่ามีเลือดออกมากผิดปกติหรือมีจำนวนเลือดออกมาในปริมาณสูงและไหลไม่หยุดจนกระทั่งออกมาเป็นลิ่มเลือดหรือไม่ นอกจากนี้ยังมาพร้อมอาการหมดแรงและคล้ายจะเป็นลมอยู่เสมอ โดยจะมีอาการของไข้ขึ้น, ปวดตัว และปวดท้องน้อยร่วมด้วย

การตกเลือดระยะหลังคลอด จะมาในลักษณะของเลือดที่ออกตั้งแต่ปริมาณน้อยไปจนถึงปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีอาการไข้, ปวดตัว, ปวดท้องน้อย, หมดแรง และอาการแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา

ถ้าพบว่ามีอาการทั้ง 2 แบบนี้หลังการคลอด ที่ไม่ว่าจะคลอดออกมาเพียงแค่ 1 วัน หรือหลัง 3 เดือน คุณควรเข้ารับการตรวจมดลูกจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการรักษาทันที เพื่อไม่ให้คุณเสี่ยงต่อสภาวะการเสียชีวิตจากการเสียเลือดและติดเชื้อรุนแรงได้

เมื่อพบว่าคุณอยู่ในความเสี่ยงของการตกเลือดหลังคลอด สิ่งแรกที่ควรทำคือการเข้าพบแพทย์ทันที เพื่อให้คุณได้รับการรักษาอย่างทันเวลา เพราะแพทย์ต้องวินิจฉัยและเลือกทางรักษาแบบเร่งด่วนเพื่อไม่ให้การตกเลือดนี้มีเพิ่มมากขึ้น การรักษาของแพทย์จะมีตั้งแต่การเย็บซ่อมมดลูก, การขูดมดลูก, การให้เลือด, การให้สารแข็งตัวของเลือด และอาจต้องมีการให้น้ำเกลือเพิ่มเติม ดังนั้นเมื่อพบปัญหาไม่ควรนิ่งนอนใจ แต่ควรรีบจัดการปัญหาโดยด่วนเพื่อให้คุณไม่ต้องเสี่ยงต่อสภาวะเสียชีวิตแบบเฉียบพลัน