แพ้ถุงยาง เรื่องจริงหรือข้ออ้างของผู้ชายไม่อยากใส่ถุง
ยืดอกพกถุง พกไม่ได้เพราะ “แพ้ถุงยาง” อาการแพ้ถุงยางมันมีจริงๆ หรือ แค่อุบายของคุณผู้ชายกันนะ? วันนี้ Hello คุณหมอจะพาไปไขข้อข้องใจกันค่ะ จะจริงหรือไม่นั้น เราไปหาคำตอบพร้อมกันเลย
ผู้ชาย แพ้ถุงยาง ได้จริงหรือไม่
หลายคนสงสัยว่า โรคแพ้ถุงยาง มันมีด้วยหรอ ขอตอบว่า มีจริงค่ะ แต่ส่วนมากสาเหตุที่แพ้เกิดจากการแพ้ยางพารา (latex allergy) ในถุงยาง ถุงยางชนิดที่ทำจากยางพารา เป็นที่นิยมใช้กันมากทีแพ้ถุงยาง
สุดหาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดและมีแจกฟรีทั่วไป ผู้แพ้ถุงยางจะมีลักษณะคัน มีผื่นแดงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ โดยอาการจะเกิดหลังมีเพศสัมพันธ์ภายใน 48 ชั่วโมง แต่อาการดังกล่านี้สามารถหายเองได้ สำหรับคนแพ้ถุงยางแนะนำว่าควรเปลี่ยนชนิดของถุงยางมาใช้เป็นแบบที่ทำจากสารโพลียูเรเธน(polyuretane) ซึ่งทำจากพลาสติค และไม่ผสมสารฆ่าอสุจิ (Spermicide) จะทำให้ไม่ต้องเสี่ยงกับอาการแพ้ระคายเคืองได้
ปัจจัยเสี่ยง : แพ้ถุงยาง
การแพ้ถุงยางอนามัยเกิดได้จาก 2 ปัจจัยดังนี้
แพ้ยางพารา (latex allergy) ในถุงยาง อาจจะต้องเปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยสังเคราะห์ที่ไม่ได้ทำจากยางพารา เช่น ถุงยางอนามัยที่ทำจากพลาสติดโพลียูเรเธน (polyuretane) แพ้สารเคลือบถุงยางอนามัย เช่น สารหล่อลื่นต่างๆ หากแพ้สารเคลือบ การเปลี่ยนยี่ห้อถุงยางอนามัยก็มักจะทำให้อาการแพ้หายไปด้วย อาการสำหรับคนแพ้ถุงยาง
มีอาการคัน รู้สึกเจ็บและแสบ เป็นผื่นคล้ายลมพิษหรือผื่นปื้นแดงหนา โดยเฉพาะบริเวณที่สัมผัสกับถุงยางอนามัย หากอาการแพ้รุนแรงในบางรายอาจพบอาการหายใจขัด หายใจไม่ออก สาเหตุจากหลอดลมเกร็งจนถึงขึ้นเป็นลม หรือหน้ามืด หรือชักได้
รับมืออย่างไรหากคุณแพ้ถุงยาง
หากสงสัยว่าแพ้ถุงยางอนามัย ถ้าเป็นไม่มาก อาจรับประทานหรือทายาแก้แพ้ แต่หากไม่หายก็ควรพบแพทย์ เพราะส่วนใหญ่ของคนที่มีอาการแสบๆ คันๆ ที่อวัยวะเพศหลังจากใช้ถุงยางอนามัยอาจไม่ใช่อาการแพ้ถุงยางอนามัย แต่คือการติดเชื้อรา เชื้อเริม หรือติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ที่กำเริบ หรืออาการรุนแรงขึ้น หลังจากโดนเสียดสี หรืออีกหนึ่งวิธีคือเปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากพลาสติดโพลียูเรเธน (polyuretane) ไม่ผสมสารฆ่าอสุจิ (Spermicide)
ป้องกันอย่างไร หากคุณไม่ใช้ถุงยาง ในการมีเพศสัมพันธ์ การหลั่งนอก
การหลั่งนอกเป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ที่มีประสิทธิภาพน้อยมาก มีโอกาสล้มเหลวทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้สูง ฉะนั้นควรศึกษาและเรียนรู้การหลั่งนอกอย่างถูกวิธีเพื่อลดความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์
ยาฆ่าอสุจิ
เป็นหนึ่งในการคุมกำเนิดแบบชั่วคราว เป็นยารูปแบบครีมหรือแบบเม็ด ใช้สอดเข้าไปในช่องคลอดของฝ่ายหญิง วิธีการนี้จะได้ผลดีที่สุดหลังจากสอดยาไปแล้ว 10 นาที แต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่หลังจากใส่ยาแล้วไม่ควรลุกเดิน เพราะอาจทำให้ยาไหลหลุดออกมาได้ การใช้วิธีนี้จะได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย หรือห่วงอนามัย
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด