แห่งแรกในเอเชีย "ศูนย์จุดซ่อนเร้น" เพิ่มสุขในชีวิตคู่
แห่งแรกในเอเชีย "ศูนย์จุดซ่อนเร้น" รพ.ยันฮี เพิ่มสุขในชีวิตคู่
โดย กฤตยา เชื่อมวราศาสตร์
ความงาม เป็นเรื่องของรสนิยมส่วนบุคคล ต่างคนก็มีรสนิยมต่างกันไป หากความงามนั้นเสริมความสุขและความมั่นใจในชีวิตคู่ได้ จะเลือกไหม แม้ต้องแลกกับการเจ็บตัว
การผ่าตัดตกแต่งอวัยวะให้ได้รูป สวยงาม หรือการศัลยกรรมนั้น ถือเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทยปัจจุบัน ทั้งใบหน้า หน้าอก สะโพก ที่มีการทำอย่างแพร่หลายเพราะแพทย์มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น
ทว่า ด้วยนวัตกรรมและการพัฒนาทางการแพทย์ บวกกับความต้องการเสริมสร้างความมั่นใจของผู้หญิงขณะมีเพศสัมพันธ์อันเป็นส่วนประกอบสำคัญของชีวิตคู่ จึงเกิด ศูนย์ศัลยกรรมอวัยวะเพศหญิง ครั้งแรกของโลกที่สหรัฐอเมริกา
กระทั่งช่วงเมษายนที่ผ่านมา โรงพยาบาลยันฮี เปิด ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวช หรือ ศูนย์จุดซ่อนเร้น แห่งแรกในเอเชียขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) อย่างเป็นทางการในปี 2558 และสนองความต้องการของกลุ่มผู้ใช้บริการเพศหญิง
นายแพทย์สุพจน์ สัมฤทธิวณิชชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมา แผนกสูตินรีเวชในสหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และชาติในยุโรปพบว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มีความทุกข์และขาดความมั่นใจเพราะรูปลักษณ์ของอวัยวะเพศของตัวเอง เช่น แคมเล็กยื่นออกมา แคมใหญ่ห้อยคล้อย อวัยวะเพศดำ ปัสสาวะเล็ด ช่องคลอดขาดความกระชับ เป็นต้น จึงปรึกษาแพทย์ เมื่อแพทย์พบว่าผู้หญิงในปัจจุบันให้ความสำคัญกับอวัยวะเพศของตัวเองมากขึ้น จึงคิดหาเทคนิคการตกแต่งต่างๆ มาแก้ปัญหา เช่น การตัดแคมเล็ก ดึงแคมใหญ่ให้ตึง การทำรีแพร์ เมื่อผู้ใช้บริการหญิงผ่าตัดแล้วมีความพึงพอใจ จึงบอกกันปากต่อปากถึงความทุกข์ใจที่หายไป และความมั่นใจที่กลับคืนมา
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวต่อไปว่า คนที่อวัยวะเพศรูปร่างผิดปกติ มักไม่มีความมั่นใจเวลาร่วมเพศ ไม่กล้าให้คนรักเห็นอวัยวะเพศของตัวเอง เมื่อรักษาแล้วกลับมีความมั่นใจและความสุขในครอบครัวกลับคืนมา โดยผู้ที่มาใช้บริการนั้นเป็นคนไทยร้อยละ 80 อีกร้อยละ 20 เป็นชาวต่างชาติ ทั้งฮ่องกง ไต้หวัน จีน เกาหลี ญี่ปุ่น จุดเด่นหนึ่งคือ การใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อย่างเลเซอร์กระชับจุดซ่อนเร้นแบบไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งไม่เกิดผลข้างเคียงต่อแผล รวมทั้งส่งแพทย์ไปศึกษาเทคนิคเพิ่มเติมจากสถาบันที่เชี่ยวชาญด้านนี้ในอเมริกา
ถึงกระนั้น หลายคนยังมองว่า "ความสวยความงาม" ไม่ใช่หน้าที่ของแพทย์ นั่นอาจเป็นเพราะนโยบายและวิสัยทัศน์ด้านสาธารณสุข
นายแพทย์สุพจน์ กล่าวถึงกรณีนี้ว่าวงการแพทย์ของไทย เน้นการรักษาโรคแต่ไม่เน้นการป้องกัน เช่น ตอนนี้เราแข็งแรง เดินไปปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาล ว่าจะป้องกันเบาหวานต้องทำอย่างไร แพทย์เองก็ไม่มีเวลาแนะนำว่าต้องมีโภชนาการและดูแลตัวเองอย่างไร แล้วบอกว่าคุณสบายดีแล้ว ไม่ต้องทำอะไร
"ต่างกับเมืองที่พัฒนาแล้ว คือ เมื่อรักษาแล้ว คิดถึงการป้องกันต่อ มีการตรวจร่างกายประจำปี เกิดความผิดปกตินิดหน่อยก็รีบรักษา พวกเขาเน้นการป้องกัน แต่เมืองไทยยังไม่ถึงจุดนั้น เรื่องความสวยความงามจึงไกลจากความคิดหรือนโยบายจากภาครัฐ โรงพยาบาลรัฐ หรือโรงเรียนแพทย์ ที่เน้นการรักษาโรค เห็นได้จากคนป่วยรอคิวรักษาตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง เพื่อพบแพทย์เพียง 10 นาที ตัวแพทย์เองอาจอยากให้คำแนะนำในการป้องกันโรคต่างๆ แต่เห็นคิวคนไข้แล้วก็ต้องรีบ
"ฉะนั้นถ้ามองว่าทำไมโรงพยาบาลรัฐไม่ส่งเสริมเรื่องความงาม นั่นเพราะเขาไม่มีเวลา เวลารักษายังแทบไม่มี หากป้องกันตั้งแต่แรกคงไม่เกิดปัญหาตามมา" ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮีกล่าว
พญ.วิทัศศนา เขตต์กลาง อธิบายการทำงานของเครื่อง
ในส่วนของการให้บริการของศูนย์จุดซ่อนเร้น ประกอบด้วย "ศัลยกรรมตกแต่งแคมเล็ก" ให้มีขนาดและรูปร่างสวยงาม ลดความเจ็บปวดจากการเสียดสีกางเกงชั้นในและกางเกงรัดรูป "ศัลยกรรมตกแต่งหนังหุ้มคลิตอริส" ให้มีขนาดเล็กลง ขจัดปัญหาการกระตุ้นเมื่อมีเพศสัมพันธ์ "ศัลยกรรมตกแต่งเยื่อพรหมจารี" เพื่อรักษาเยื่อพรหมจารีที่ฉีกขาด และ "ศัลยกรรมตกแต่งช่องคลอด (รีแพร์)" ช่วยให้ช่องคลอดที่หย่อนยานจากการคลอดบุตรกระชับขึ้น
ระหว่างอธิบาย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮีได้นำแฟ้มภาพอวัยวะเพศของผู้ใช้บริการมาให้ดู แสดงให้เห็นความแตกต่างระหว่างก่อนและหลังทำก่อนจะบอกว่า การศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นนั้นไม่มีผลข้างเคียง เพียงทำความสะอาดตามแพทย์สั่งจะหายเป็นปกติภายใน 2-4 สัปดาห์ และไม่มีผลต่ออารมณ์ทางเพศ การตัดตรงแคมเล็ก แคมใหญ่ และการตกแต่งหนังหุ้มคลิตอริสใช้เวลา 1 เดือนก็สามารถร่วมเพศได้ตามปกติ ส่วนการรีแพร์ต้องพักนาน 2 เดือน ทุกคนสามารถเดินเข้ามาปรึกษาได้ ประมาณร้อยละ 90 ผ่าตัดแก้ไขได้ทันทีเพราะเป็นติ่งเนื้อที่ยื่นออกมาไม่ได้ใช้ประโยชน์และอยู่ด้านนอกร่างกาย ส่วนอีกร้อยละ 10 ที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ทันทีนั้น อาจเป็นโรคเบาหวานหรือความดัน ซึ่งต้องรักษาให้กลับสู่ภาวะปลอดภัยก่อน บางคนไม่สบายก็ต้องรักษาให้ร่างกายแข็งแรงก่อน
ในส่วนของเทคนิค นายแพทย์สุพจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า ใช้ไหมเย็บแผลขนาดเท่าเส้นผมและเย็บแบบซ่อนไหม ดึงหนังมาประกบติดกัน เพราะถ้าเย็บแบบอื่นเมื่อแผลหายจะเป็นรอยย่นเหมือนตีนตะขาบ แค่อุปสรรคสำคัญในเมืองไทย คือ "อาย" ที่จะปรึกษาแพทย์ ส่วนแพทย์บางคนก็บอกว่าคนไข้หมกมุ่นเรื่องเซ็กซ์ แต่สมัยนี้ เรื่องเพศสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ หากฝ่ายหญิงไม่ให้ความสำคัญ ฝ่ายชายอาจนอกใจ
นี่คือสิ่งที่โรงพยาบาลทำ คือ ทำให้คนมีความสุข
ในส่วนของการเป็นเมดิคัลฮับ (Medical hub) ของไทยนั้น ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยันฮี มีนโยบายรองรับ โดยในส่วนของศูนย์จุดซ่อนเร้น ได้ส่งแพทย์ไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหลักสูตรนี้โดยตรง 2 คน เพื่อรองรับความต้องการของคนไข้ เพราะเราเน้นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หากจะเปิดศูนย์อะไรต้องมั่นใจก่อนว่าทำได้ ขณะนี้ ศูนย์ศัลยกรรมตกแต่งทางนรีเวชเพื่อความงาม มีคณะแพทย์ผู้ดูแล 2 ท่านคือ แพทย์หญิงวิทัศศนา เขตต์กลาง นายแพทย์สุชาย ตัณฑวิเชียร ดูแลประจำ ส่วนอีก 5 คนหมุนเวียนกันทำหน้าที่คือ นายแพทย์อำนาจ เตโชวาณิชย์ แพทย์หญิงสุพรรณี คูณแสง แพทย์หญิงสมสมร มังคละวิรัช นายแพทย์บุญชัย ธัญลักษณ์ภาคย์ นายแพทย์สุชาย ตัณฑวิเชียร ทั้งหมดเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชที่มีประสบการณ์ด้านนี้โดยตรง
ด้านคุณแม่ลูกหนึ่งอย่าง ณัชชา พยัคฆา อายุ 25 ปี แสดงความเห็นว่าการศัลยกรรมให้อวัยวะเพศสวยงามขึ้นนั้นจะสร้างความมั่นใจเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคนรักได้ เพราะบางคนชอบเปิดไฟเวลามีเพศสัมพันธ์ ก่อนหน้านั้นอาจจะเขินอายเพราะรูปร่างที่ไม่สวยงามจนหาความสุขทางเพศไม่ได้
"ถ้าเพื่อนมาปรึกษาว่าจะทำดีไหม เพราะสามีเพื่อนแนะให้ทำ เราก็จะส่งเสริมเพราะเพศสัมพันธ์ช่วยให้ชีวิตคู่มีความสุขมากขึ้น ฝ่ายชายจะได้ไม่ไปมีคนอื่น"
"เท่าที่รู้มา คือ เมื่อคลอดลูกคนหนึ่งแล้วช่องคลอดจะหย่อนคล้อย ไม่กระชับ รูปทรงยังเปลี่ยนไป เป็นเหตุผลหนึ่งให้สามีนอกใจ เพราะผู้หญิงที่ผ่านผู้ชายมาเยอะ ยังกระชับกว่าคนที่มีลูกแล้ว" ณัชชาแสดงความเห็นและว่า ไม่ทราบมาก่อนว่าการแพทย์ของไทยก้าวหน้ามาถึงจุดนี้ ดีใจกับผู้หญิงหลายคน ส่วนตัวไม่ปรึกษาแพทย์เรื่องนี้ เพราะมีความสุขกับชีวิตคู่ดีอยู่แล้ว
ในส่วนของสาวโสดอย่าง ปอปลา พนักงานบริษัทเอกชนวัย 25 ปี ที่ไม่ขอเปิดเผยนามสกุลนั้น หัวเราะร่วนก่อนบอกว่า การทำศัลยกรรมจุดซ่อนเร้นดีสำหรับคนที่มีปัญหาด้านนี้ สามารถเสริมความมั่นใจในระดับหนึ่ง แต่ถ้าให้เลือกคงไม่ทำ เพราะสิ่งที่ธรรมชาติให้มาดีที่สุดแล้ว แม้ว่าคนรักบอกให้ไปทำก็ขอปฏิเสธ
"เพราะลักษณะการทำงานหรือการใช้ชีวิตแบบเรา ไม่ได้เปิดเผยรูปร่างหรืออวัยวะส่วนนั้น จึงไม่จำเป็นสำหรับเรา กลุ่มที่เหมาะน่าจะเป็นพริตตี้ นางงามมากกว่า" ปอปลากล่าว
เห็นได้ว่าความงามนั้น ช่วยเพิ่มความสุขในการดำรงชีวิตได้ แต่ทั้งนี้ ย่อมขึ้นอยู่กับความคิด ความพร้อม และรสนิยมส่วนตัวแค่เคารพในการตัดสินใจของคนอื่น ไม่เบียดเบียนกันก็พอ