กระท้อนปุยฝ้าย...เนื้อนุ่มละมุนดุจปุยหิมะ

กระท้อนปุยฝ้าย...เนื้อนุ่มละมุนดุจปุยหิมะ

กระท้อนปุยฝ้าย...เนื้อนุ่มละมุนดุจปุยหิมะ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่หลายคนรอคอย เพราะเป็นเดือนแห่งผลไม้อย่างกระท้อนหลายสายพันธุ์ และที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเห็นจะเป็นกระท้อนปุยฝ้ายที่ทำให้นึกถึงปุยหุ้มเมล็ดฟู ๆ รสหวานนุ่ม กินสดแสนจะอร่อย ส่วนเนื้อรสเปรี้ยวนั้นก็นำไปทำอาหารได้หลายอย่างแน่นอนว่าได้ทั้งคาวหวานเลยทีเดียว

ส่วนสรรพคุณก็น่าสนใจไม่น้อย มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันการเกิดมะเร็ง ช่วยบำรุงโลหิตและแก้ลมจุกเสียดได้ ส่วนเนื้อกระท้อนอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน แคลเซียม วิตามินเอและซี มากประโยชน์แบบนี้ไม่กินไม่ได้แล้ว

มิถุนายน - กรกฎาคม
กระท้อนที่รสชาติอร่อยนั้นมักจะมีผลใหญ่ กลมแป้น ผิวสีเหลืองนวล เปลือกนิ่มมีขนกำมะหยี่ทั่วทั้งลูก ที่สำคัญ ก้นต้องไม่แตก ขั้วกระท้อนไม่เหี่ยวและไม่หลุด ส่วนการเก็บผลที่ขั้วหลุดจะเน่าเสียภายใน 2 วัน แต่หากมีขั้วติดกับผลจะเก็บในอุณหภูมิห้องได้ 4 - 7 วันและถ้าเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 7 - 9 องศาเซลเซียส จะเก็บได้นาน 3 - 4 สัปดาห์

กระท้อนใช้ทำอาหารคาวได้หลายชนิด เช่น แกงคั่ว ผัด ตำกระท้อน และอาหารหวานอย่างกระท้อนทรงเครื่อง กระท้อนลอยแก้ว ไปจนถึงเครื่องดื่มน้ำกระท้อน หรือจะกินสดก็อร่อยไม่แพ้กัน เพียงผ่าครึ่งกลางลูกเพื่อแกะเมล็ดเนื้อฟูกิน ส่วนเนื้อให้ปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ นำไปแช่น้ำผสมเกลือเพื่อไม่ให้ผิวของกระท้อนดำ ก่อนตักไปปรุงเป็นเมนูต่าง ๆ สำหรับความเชื่อที่ว่า ทุบก่อนกินกระท้อนจะมีรสหวานนั้น น่าจะเป็นกุศโลบายของคนโบราณมากกว่า ลองสังเกตดูว่า ถ้าทุบแล้วเม็ดกับเนื้อจะแยกออกจากกันทำให้กินง่ายขึ้นนั่นเอง ตลาด อ.ต.ก. ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดไทและแผงขายผลไม้ทั่วไป

ถนอมไว้กิน
เมืองไทยนึกอยากกินอะไรก็หากินได้สะดวก ผักผลไม้ก็มีให้เลือกกินกันทุกฤดู จนบางครั้งลืมเรื่องถนอมอาหารไปเลยพอคุณเมกุมิเสนอไอเดียดองเค็มพริกไทยเก็บไว้กินกันก็ฉงนอยู่ว่าทำเพื่ออะไร เพราะตลาดบ้านเรามีอยู่ถมไป

นึกย้อนไปว่าทุกทีที่ซื้อพริกไทยสดมาทำกับข้าวก็มักเหลือค้างในตู้ให้เก็บทิ้งอยู่บ่อย การดองเก็บไว้กินอย่างที่คุณเมกุมิว่าก็เข้าท่าดี ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์กับผักสมุนไพรชนิดอื่นที่เราชอบได้ด้วย หลักการคือ ใช้เกลือ 30 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณของที่ต้องการถนอมนั่นเอง ความเค็มจึงจะมากพอให้เก็บไว้ได้นาน

คุณเมกุมิเธอบอกว่า เมื่อทำเสร็จแล้วจะได้พริกไทยเม็ดรสเค็ม ๆ เผ็ด ๆ ที่นำไปปรุงอาหารได้หลายอย่าง ทั้งผัดกับข้าว สปาเกตตี ใส่ข้าวปั้น ขนมปัง ฯลฯ เธอว่ารสเค็มปะแล่ม ๆ ยังทำให้นึกถึงปลาอินทรีเค็มในข้าวผัดและสปาเกตตีผัดปลาเค็มอีกด้วยแอบบอกว่า ผู้เขียนชอบเลยล่ะเค็ม ๆ เผ็ด ๆ อร่อยดี ถ่ายภาพเสร็จก็ได้กลับมาปรุงเมนูอร่อยได้หลายจานเลยเชียว

Salted Pepper
ส่วนผสม (สำหรับพริกไทยสด 100 กรัม)
เม็ดพริกไทยสด          100 กรัม
เกลือ                     33 กรัม
น้ำเปล่าสำหรับต้มเม็ดพริกไทย

วิธีทำ 
ตั้งน้ำให้เดือด นำเม็ดพริกไทยลงต้มประมาณ 4 นาที กรองน้ำออก ผึ่งเม็ดพริกไทยให้คลายร้อน แล้วจึงนำเกลือมาผสมแล้วตักใส่โหลแก้ว ปิดฝา นำเข้าตู้เย็นไว้ให้เกลือดึงน้ำออกจากเม็ดพริกไทย เมื่อสังเกตว่ามีน้ำออกมาพอสมควรให้รินน้ำออก แล้วโรยเกลือลงเล็กน้อยแล้วแช่เย็นเก็บไว้ เท่านี้ก็สามารถเก็บเม็ดพริกไทยไว้กินได้นานเป็นเดือนแล้วค่ะ

สปาเกตตีผัดพริกไทย
วิธีทำแสนง่าย เพียงต้มเส้นสปาเกตตี ลวกผัก เช่น กะหล่ำปลี เห็ด พริกหวาน หรืออื่น ๆ ตามชอบ เตรียมไว้ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก ใส่กระเทียม เม็ดพริกไทยลงผัดพอหอมก็ใส่เส้นสปาเกตตีและผักที่ลวกไว้ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยและโชยุ โรยโหระพา เคล้าให้เข้ากันแล้วเขย่ากระทะอีกทีก็ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook