เคล็ดลับเลี้ยงลูกยุคดิจิทัลเมื่อต้องอยู่บ้านยาวขึ้น
จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลให้สถานศึกษาต้องเลื่อนเปิดเทอมออกไป พ่อแม่หลายคนจึงมองหาวิธีรับมือกับช่วงปิดเทอมของเด็กๆ ที่ยาวนานขึ้น และเพื่อให้เข้ากับยุคดิจิทัลในปัจจุบันที่มีส่วนช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ แอลจี ผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน จึงได้รวบรวมคำแนะนำการเลี้ยงลูกยุคดิจิทัลเพื่อสนับสนุนการใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ของเด็กๆ รวมถึงดูแลสุขภาพของพวกเขาให้แข็งแรงปลอดภัย พร้อมเสริมทักษะการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง แม้จะอยู่ที่บ้าน
การสนับสนุนการใช้งานสื่อออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
สื่อออนไลน์ช่วยให้เด็กๆ ยุคดิจิทัลติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายดายและรวดเร็วขึ้น ทั้งยังช่วยพัฒนาทักษะการเข้าสังคมและผูกมิตรกับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน พ่อแม่ควรคอยให้คำแนะนำแก่ลูกๆ ในการใช้งานสื่อออนไลน์อยู่เสมอ เพื่อสร้างความเข้าใจถึงผลกระทบต่างๆ จากการสร้างรอยเท้าบนโลกดิจิทัล รวมถึงกระตุ้นการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมภายในครอบครัว และควรกำหนดระยะเวลาการใช้งานสื่อออนไลน์ที่เหมาะสม ส่งเสริมการใช้เวลาในการเล่นแบบออฟไลน์ที่มีส่วนสำคัญต่อพัฒนาการความคิดสร้างสรรค์ของเด็กๆ เช่นกัน
ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จากเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ ได้ให้คำแนะนำว่า “พ่อแม่ควรส่งเสริมให้ลูกใช้งานสื่อออนไลน์อย่างเป็นประโยชน์และชาญฉลาด ในยุคดิจิทัลที่เต็มไปด้วยข่าวสาร มีทั้งข้อมูลที่ดีและเป็นประโยชน์ แต่ก็มีข้อมูลเท็จปะปนอยู่ด้วย พ่อแม่จึงต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยีพร้อมพัฒนาทักษะเชิงดิจิทัล กรองข้อมูลเหล่านั้นผ่านการคิดวิเคราะห์ เพื่อให้คำแนะนำกับลูกๆ ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ พ่อแม่ยังควรให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาข้อมูลส่วนตัวบนโลกออนไลน์ของลูกๆ ให้ปลอดภัย เนื่องจากการใช้งานสื่อออนไลน์อาจนำมาซึ่งอันตรายหากไม่ระมัดระวัง เช่น การเช็คอิน เป็นต้น ซึ่งประเด็นนี้จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นอีกในอนาคต จากการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของเอไอ”
ดูแลสุขภาพร่างกายด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
เมื่อต้องใช้เวลาอยู่ในบ้านตลอด 24 ชั่วโมง การสร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยพ่อแม่ยุคดิจิทัลสามารถเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ลูกๆ ผ่านการสูดอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยการเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งมีให้เลือกมากมาย จึงควรพิจารณาคุณสมบัติต่างๆ อย่างถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าในช่วงเวลาที่ต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง
ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ ยังให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า “มลภาวะอากาศภายในบ้านมี 2 ประเภทที่ควรระมัดระวัง ประเภทแรกคือฝุ่นจิ๋วที่มีอนุภาคขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงอนุภาคสารระคายเคืองที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ เชื้อราในอากาศที่เข้าสู่ปอดและกระแสเลือดได้โดยตรง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถกรองได้เมื่อสูดอากาศหายใจเข้าไป โดยเด็กจะได้รับผลกระทบมากกว่าผู้ใหญ่ เพราะปอดยังเติบโตไม่เต็มที่ มลภาวะทางอากาศอีกชนิดที่ควรเฝ้าระวังโดยเฉพาะครัวเรือนที่อยู่ในพื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม คือกลุ่มสารเคมีไนโตรเจนออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และโลหะหนัก เช่น ปรอท แคดเมียม สามารถกระจายได้ในอากาศ การใช้เครื่องฟอกอากาศจึงช่วยลดผลกระทบจากมลภาวะทางอากาศทั้งสองชนิดได้ โดยต้องมั่นใจว่าเครื่องฟอกอากาศที่เลือกใช้นั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้แท้จริง”
ส่งเสริมการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ในด้านการส่งเสริมทักษะและความรู้ของลูกอย่างต่อเนื่องจากที่บ้าน สมาร์ททีวีอาจมีประโยชน์มากกว่าที่คิด ไม่เพียงแค่เพื่อการรับชมรายการความบันเทิงเท่านั้น แต่พ่อแม่ยังสามารถใช้ทีวีเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยเพื่อส่งเสริมพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเข้าเว็บไซต์เพื่อการเรียนรู้ต่างๆ ผ่านบราวเซอร์บนสมาร์ททีวี พร้อมควบคุมผ่านเมจิกรีโมทได้อย่างง่ายดาย หรือเชื่อมต่อแป้นคีย์บอร์ดและเม้าส์ทางช่องเสียบ USB เพื่อความสะดวกสบายยิ่งขึ้น การดูคอนเทนต์สารคดี การ์ตูน หรือความบันเทิงต่าง ๆ จากแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนร่วมกับลูกก็สบายตามากขึ้นด้วยฟังก์ชั่น Screen Mirroring ที่ให้ผู้ใช้งานแชร์คอนเทนต์จากสมาร์ทโฟนไปยังทีวีได้ทันที และยังเปลี่ยนจอทีวีเป็นจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ได้เพียงต่อคอมพิวเตอร์หรือแล็ปท็อปเข้ากับทีวีด้วยสาย HDMI
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ควรให้ความสำคัญกับการถนอมสายตาของลูกด้วยเช่นกัน นอกจากกำหนดระยะเวลาการใช้ทีวีให้เหมาะสมในแต่ละวันแล้ว การเลือกทีวีที่มีเทคโนโลยีช่วยถนอมสายตาก็เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากการได้รับแสงสีฟ้า (Blue Light) จากจอดิจิทัลต่างๆ ในระยะยาวอาจเกิดผลเสียต่อการทำงานของจอประสาทตาและสมอง อาจทำให้เด็กสมาธิสั้นและส่งผลต่อการนอนหลับได้ จึงควรเลือกทีวีที่มีอัตราการเปล่งแสงสีฟ้าอยู่ในระดับต่ำ โดยจากการวิจัยของ TUV Rheinland
องค์กรตรวจสอบอิสระชั้นนำระดับโลก พบว่าทีวี OLED ของแอลจี มีอัตราการเปล่งแสงสีฟ้าเพียงแค่ 29% ต่ำกว่าระดับที่อาจส่งผลต่อสุขภาพซึ่งกำหนดไว้ที่ 50% และต่ำกว่าจอ LCD โดยทั่วไปที่เปล่งแสงสีฟ้ามากถึง 64% ทีวี OLED จากแอลจีจึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับพ่อแม่ที่มองหาทีวีที่เป็นทั้งสื่อความบันเทิง และการศึกษาให้ลูกในช่วงที่ต้องอยู่บ้านนานขึ้นเช่นนี้
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757 หรือ www.lg.com/th