เลี้ยงลูกอย่างไร ให้เป็นเด็กฉลาดและไหวพริบดี

เด็กที่เฉลียวฉลาด ความจำดี และมีไหวพริบที่ดี เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนต้องการอยากจะให้ลูกของตัวเองมีคุณสมบัติเหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งปัจจัยหลักที่ทำให้เด็กฉลาดหรือไม่ฉลาดนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือการสอนนั่นเอง ทั้งการสอนในห้องเรียนจากคุณครู และการสอนที่บ้านจากตัวของพ่อแม่เอง ลองมาดูกันว่ามีวิธีการสอนอย่างไรบ้าง

1.ไม่ปิดกั้นเด็ก
การบังคับให้เด็กทำอะไรเฉพาะที่พ่อแม่ต้องการ จะเป็นการปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของเด็ก การปล่อยให้เด็กได้คิดได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการในเรื่องนั้นๆ เร็วยิ่งขึ้น เช่น เด็กที่ชอบเกี่ยวกับการประดิษฐ์ หากส่งเสริมให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ก็จะยิ่งทำให้พัฒนาการในเรื่องนั้นๆ ของเด็กดีขึ้น

2.หลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์
อย่างสมัยนี้ก็คือ การเสพติดโซเชียลและเกมในโทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านต่างๆ ช้าลงกว่าเดิม และไม่สนใจที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ พ่อแม่จึงต้องควบคุมให้ดี ไม่ให้เด็กเล่นจนเลยเถิดเกินไป นอกจากนี้การที่เด็กติดโซเชียลหรือเกมมากเกินไป ยังส่งผลในเรื่องของสุขภาพของเด็กด้วย เช่น ทำให้สายตาสั้น ทำให้เด็กเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว จากพฤติกรรมการเลียนแบบนั่นเอง

3.ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันกับลูก
การทำกิจกรรมร่วมกันกับเด็ก จะทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่น เด็กจะรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี และเด็กก็จะพยายามทำให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ เช่น การช่วยลูกต่อชุดเลโก้ ช่วยลูกออกแบบสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด และยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับตัวเด็กด้วย

4.หาของเล่นเสริมพัฒนาการ
ของเล่นเสริมพัฒนาการของเด็ก นอกจากจะทำให้เด็กได้ความสนุกแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กให้ดีขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ดังนั้นการหาของเล่นเสริมพัฒนาการที่เหมาะสมกับเด็กในแต่ละวัย จะช่วยให้เด็กมีทักษะในแต่ละด้านดีขึ้นกว่าเดิม คุณพ่อคุณแม่จึงต้องสังเกตว่าลูกชอบอะไร และพยายามหาของเล่นที่เหมาะสมกับเด็กที่เด็กชอบให้เจอ

5.อ่านหนังสือดีๆ ให้ลูกฟัง
การอ่านหนังสือให้ลูกน้อยได้ฟัง เป็นอีกหนึ่งวิธีการเรียนรู้ที่สำคัญ พ่อแม่อาจจะอ่านหนังสือให้ลูกฟังก่อนนอน หรือหาหนังสือดีๆ เอาไว้ให้ลูกอ่านเองก็ได้ เป็นการฝึกให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยตัวเองอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการความคิดและสติปัญญาที่ดีขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถเอาไปปรับใช้ในการสอนให้ลูกเพิ่มเติมได้ หากทำเป็นประจำทุกวันจนเกิดความเคยชิน ไม่นานก็จะเห็นความแตกต่างในตัวเด็กในทางที่ดีขึ้น