ปิดเทอมนานแค่ไหนก็ไม่เหงา! กับไอเดียจัดกิจกรรมให้ลูกช่วงอยู่บ้าน

ปิดเทอมนานแค่ไหนก็ไม่เหงา! กับไอเดียจัดกิจกรรมให้ลูกช่วงอยู่บ้าน

ปิดเทอมนานแค่ไหนก็ไม่เหงา! กับไอเดียจัดกิจกรรมให้ลูกช่วงอยู่บ้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถึงปิดเทอมครั้งนี้จะกินเวลายาวนานกว่าปีไหน ๆ แถมเด็ก ๆ ยังไม่สามารถออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านได้เหมือนเดิม แต่โลกแห่งการเรียนรู้ของเด็กก็ไม่หยุดนิ่ง เพราะต่อให้ไม่ได้ไปโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถจัดตารางกิจกรรมในแต่ละวันเพื่อให้ลูกใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จากที่บ้านได้เช่นกัน

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน เนสท์เล่ มีไอเดียในการสร้างสรรค์กิจกรรมสนุก ๆ ตามหลักคนไทยแข็งแรง ด้วย 3 อ. คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ง่าย ๆ มาฝาก รับรองว่าปิดเทอมครั้งนี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่น่าจดจำของทุกครอบครัว


08.00 น. สตาร์ทวันใหม่ด้วยมื้อเช้าแสนอร่อยแถมประโยชน์ล้น


ใครจะคิดว่า เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเวลาตื่นนอน ก็สามารถสร้างวินัยให้ลูกได้เช่นกัน ช่วงปิดเทอมที่ยาวกว่าปกตินี้ แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะใจดีให้ลูกนอนตื่นสาย ลองเปลี่ยนมาตั้งนาฬิกาชีวิตให้ลูก ๆ ตื่นเป็นเวลา โดยหลังจากตื่นนอน อาจเพิ่มความรับผิดชอบให้ลูกด้วยการให้เก็บที่นอนให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนลงมากินมื้อเช้า กับ อ. อาหาร ซึ่งเป็นมื้อสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพื่อเติมพลังงานให้พร้อมสำหรับการทำกิจกรรมและการเรียนรู้ตลอดวัน ด้วยอาหารที่มีโภชนาการครบ 5 หมู่ เช่น โปรตีนจากปลา ไข่ นม และ คาร์โบไฮเดรตจากข้าวกล้อง ธัญพืชขัดสีน้อย ขนมปังโฮลวีท หรือ ซีเรียลโฮลเกรนที่ไม่ผ่านการขัดสี เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เหมาะสำหรับเด็กวัยเรียน อุดมไปด้วยใยอาหาร โปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ มากกว่าธัญพืชที่ผ่านการขัดสี


10.00 น. เติมอาหารสมอง ผ่านคอร์สเรียนออนไลน์


เติมพลังด้วยอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาเติมอาหารสมอง คุณพ่อคุณแม่ควรใช้เวลาทองช่วงเช้าที่สมองลูกยังปลอดโปร่ง จัดสรรให้เป็นชั่วโมงแห่งการเรียนรู้ ด้วยการหาการ์ตูนสอนภาษา หรือ คอร์สเรียนออนไลน์สนุก ๆ ให้ลูกเติมความรู้ ถือเป็นการอุ่นเครื่อง หากในอนาคตต้องมีการเรียนออนไลน์ เด็ก ๆ  จะได้คุ้นเคย และถือเป็นการทบทวนบทเรียนและเพิ่มทักษะใหม่ ๆ ก่อนเปิดเทอมไปในตัว


11.30 น. เข้าครัว ทำมื้อเที่ยง เรียนรู้เรื่องโภชนาการ


แทนที่คุณพ่อคุณแม่จะใช้เวลาที่เด็ก ๆ กำลังท่องโลกแห่งการเรียนรู้ ไปเตรียมอาหารมื้อกลางวัน อาจลองเปลี่ยนบรรยากาศ ให้เด็ก ๆ มาสวมบทเชฟตัวจิ๋วเข้าครัว เป็นลูกมือช่วยเตรียมวัตถุดิบหรือเตรียมจานชาม เพื่อฝึกหยิบจับสิ่งรอบตัว และได้เรียนรู้วิชาชั่ง ตวง วัด จากประสบการณ์จริง พร้อมฝึกนิสัยรักความสะอาด ด้วยการล้างมือบ่อย ๆ ทั้งก่อนและหลังทำอาหาร รับรองว่าหลังจากเตรียมอาหารมื้อนี้เสร็จ นอกจากจะฟินที่ได้เห็นฝีมือของตัวเอง ยังรู้สึกเจริญอาหารขึ้นเป็นกอง เพราะภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการทำอาหารมื้อนี้ด้วยตัวเอง


13.00 น. เสริมสร้างทักษะสร้างสรรค์


บ่ายนี้จะไม่เหงาและชวนง่วงอีกต่อไป หากคุณพ่อคุณแม่จัดหากิจกรรมที่เด็ก ๆ ชอบหรือสนใจมาช่วยเสริมทักษะและความคิดสร้างสรรค์ให้เด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็น การวาดรูป เล่นดนตรี พับ/ตัดกระดาษ ทำของเล่น DIY จากของเหลือใช้ ไปจนถึงการต่อเลโก้ หรือบอร์ดเกม เพราะกิจกรรมเหล่านี้ล้วนแต่ช่วยพัฒนาทั้งความคิด สมอง และจินตนาการให้เด็ก ๆ เพลิดเพลิน ไม่รู้เบื่อ


15.00 น. เบรกมื้อว่าง ชั่วโมงแห่งการเล่นอย่างอิสระ


ได้เวลาเติมพลังกันอีกรอบ ด้วยอาหารว่างที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันอย่างแซนด์วิชทูน่า นมที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ถั่ว หรือผลไม้สด เช่น ฝรั่ง แอปเปิ้ล แก้วมังกร เป็นต้น หลังจากเติมพลังช่วงบ่าย คุณพ่อคุณแม่อาจให้เด็ก ๆ ผ่อนคลาย มีเวลาเล่นอิสระในแบบที่ชอบ สนุกได้เต็มที่แบบที่ต้องการ


16.00 น. ชวนกันมา Fit & Fun


แดดร่มลมเย็นแล้ว มาต่อด้วยกิจกรรมที่เด็ก ๆ หลายคนต้องชื่นชอบกับ อ. ออกกำลังกาย การยืดเส้นยืดสาย โดยเฉพาะถ้าเป็นเด็กวัยเรียน แนะนำให้เน้นกิจกรรมที่มีแรงกระแทกแนวดิ่ง เช่น วิ่ง กระโดด เพื่อกระตุ้นข้อต่อกระดูก ช่วยเพิ่มความสูง ส่งเสริมการเจริญเติบโต พร้อมช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งกิจกรรมนี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะถือโอกาสออกกำลังกายในท่าง่าย ๆ ร่วมกัน เพื่อให้ลูกรู้สึกสนุก ไม่เบื่อ โดยควรใช้เวลาอย่างน้อย 20 นาทีต่อครั้ง ทำให้ได้อย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์


17.00 น. มื้อเย็นพร้อมหน้า เวลาทองของครอบครัว


จัดเต็มกิจกรรมมาทั้งวัน จะมีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งล้อมวงกินอาหารเย็นพร้อมหน้า อีกช่วงเวลาคุณภาพสำหรับ อ. อารมณ์ ที่ส่งผลต่ออารมณ์ของเด็ก ที่จะสามารถสัมผัสได้ถึงความรัก และความอบอุ่นในครอบครัว ซึ่งในช่วง Social Distancing เช่นนี้ อาจจะไม่ได้มีแขกหรือญาติมาร่วมมื้อเย็นด้วย คุณพ่อคุณแม่อาจจะชวนลูกมาวิดีโอคอลไปหาญาติผู้ใหญ่ หรือเพื่อน ๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ อย่างน้อยตัวห่าง
ใจไม่ห่าง


19.00 น. ดื่มนม ฟังนิทาน ก่อนนอน


เหนื่อยล้ามาทั้งวัน มาถึงการพักผ่อน อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดี นอกจากเด็ก ๆ จะควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 8-10 ชั่วโมง ยังควรเข้านอนไม่เกิน 3 ทุ่ม เพื่อให้ร่างกายผลิตโกรทฮอร์โมนได้เต็มที่ ทำให้เจริญเติบโตได้
อย่างสมวัย ช่วยกระตุ้นการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ และเสริมพัฒนาการด้านสมองให้ลูกพร้อมเรียนรู้อย่างเต็มที่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกเข้านอนเป็นเวลา เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย นอนหลับง่าย และหลับอย่างมีคุณภาพ ตื่นเช้ามาอย่างสดใส โดยก่อนเข้านอน อาจจะให้ดื่มนมอุ่น ๆ จากนั้นอาจชวนทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย อย่างการชวนคุย เล่านิทานให้ฟัง ไปจนถึงการบอกรัก และแสดงความรัก เพื่อให้เด็ก ๆ มีอารมณ์แจ่มใสก่อนนอน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของไอเดียในการจัดตารางกิจกรรมประจำวันให้เด็ก ๆ คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกปรับให้เหมาะสมกับครอบครัวและความสนใจของลูก โดยข้อดีของการมีตารางกิจกรรมประจำวันที่มีพื้นฐานตามหลัก 3 อ. คือ อาหาร ออกกำลังกาย และอารมณ์เป็นตัวช่วยในช่วงเวลาที่เด็ก ๆ ต้องอยู่บ้านนาน ๆ เช่นนี้ นอกจากจะช่วยให้เด็ก ๆ มีวินัยในการเรียนและการทำกิจกรรมให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ทุกวัน ยังส่งผลดีต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจอีกด้วย

สามารถติดตามบทความดี ๆ เพิ่มเติม เพื่อสร้างสุขภาพดีที่บ้าน ได้ที่ https://www.nestle.co.th/th/nhw/health-care-during-outbreak 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook