ลูกน้อยเลือดกำเดาไหล เช็กด่วนอันตรายหรือไม่

เมื่อลูกน้อยมีอาการเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะรู้สึกกังวลใจใช่ไหมว่าลูกกำลังป่วยเป็นอะไรหรือเปล่า ดังนั้นเราจึงจะพาคุณไปดูกันว่าสาเหตุที่เลือดกำเดาไหลนั้นเกิดจากอะไร และอันตรายหรือไม่ โดยมีข้อมูลดังนี้

สาเหตุของเลือดกำเดาไหล
เลือดกำเดาไหล อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้

1.อากาศแห้ง
ส่วนใหญ่จะเกิดในช่วงหน้าหนาวเพราะมีสภาพอากาศที่แห้งกว่าปกติ จึงทำให้ภายในโพรงจมูกจึงมีความแห้ง เมื่อถูกกระทบกระเทือนนิดหน่อยก็อาจจะทำให้เลือดออกได้นั่นเอง

2.การแคะแกะเกา
เพราะด้วยความที่เป็นเด็กความอดทนย่อมน้อยกว่าผู้ใหญ่มากนัก เมื่อเกิดมีน้ำมูกแข็งเด็กๆ ก็จะรำคาญจึงทำการแคะบ้าง สะกิดบ้าง ซึ่งบ้างครั้งอาจทำรุนแรงจนทำให้ผนังจมูกได้รับความเสียหายจนกระทบถึงเส้นเลือดในโพรงจมูก และมีเลือดกำเดาไหลออกมาได้

3.ร่างกายขาดวิตามิน
การที่ร่างกายขาดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินซีจะทำให้เลือดกำเดาไหลได้ง่าย เพราะฉะนั้นควรให้ลูกน้อยได้รับวิตามินอย่างครบถ้วน ด้วยการให้ลูกทานพวกผักผลไม้เยอะๆ นั่นเอง

4.อากาศร้อนจัด
เมื่ออากาศร้อนมากๆ จะทำให้ความดันสูงขึ้น เพราะร่างกายต้องเร่งระบายความร้อนออกมา แต่ในเด็กๆ การระบายความร้อนอาจยังไม่ดีเท่าผู้ใหญ่ จึงทำความดันเลือดสูงฉับพลัน และส่งผลให้เส้นเลือดฝอยในจมูกแตกได้

5.ความผิดปกติของเด็ก
การที่ลูกมีเลือดกำเดาไหลบ่อยๆ ก็อาจเกิดจากความผิดปกติบางอย่างได้เหมือนกัน เช่น ในรายที่มีโรคจากพันธุกรรมอย่างเช่น

-          โรควอลลินด์แบรนด์ หรือ VWD ที่ทำให้เลือดออกง่ายและหยุดยาก
-          โรคเกล็ดเลือดต่ำ ที่เกิดจากภูมิต้านทานตัวเองต่ำ ซึ่งจะแสดงอาการหลังติดเชื้อ 1-3 สัปดาห์ หรือหลังการฉีดวัคซีน
-          โรคไขกระดูกฝ่อ ซึ่งจะทำให้ร่างกายผลิตเลือดทุกชนิดได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เด็กติดเชื้อง่าย เลือดออกเองบ่อยๆ
-          โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว  เพราะการสร้างเม็ดเลือดขาวที่มากจนเกินไป จึงทำให้เม็ดเลือดขาวทำลายเม็ดเลือดแดง จึงเกิดส่งผลให้ร่างกาย ไม่สามารถผลิตเม็ดเลือดแดงได้มากพอจนทำให้เด็กมีอาการเลือดกำเดาไหลง่ายนั่นเอง

ในรายที่น่าเป็นห่วงก็คือเมื่อเลือดกำเดาออกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ได้ทำการห้ามเลือดแล้วแต่ยังไม่ยอมหยุดไหล ร่วมกับร่างกายมีอาการที่เรียกว่า รอยพรายจ้ำ แบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว ต้องรีบหาหมอด่วน

อาการเลือดกำเดาไหลบ่อยในเด็ก อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่ไม่เป็นอันตรายและเป็นอันตราย ดังนั้นควรสังเกตให้ดีว่าลูกเลือดกำเดาไหลเพราะอะไรกันแน่ จะได้ทำการรักษาได้ถูกวิธีและทันท่วงทีนั่นเอง