3 ทริคเลือกใช้แปรงแต่งหน้าเพื่อให้ใบหน้าสวยปังอย่างมืออาชีพ

อุปกรณ์ในการแต่งหน้าอย่างหนึ่งที่สาวๆ ขาดไม่ได้เลยก็คือ แปรงแต่งหน้า เพราะการใช้แปรงย่อมดีกว่าการใช้มือแต้มเครื่องสำอางมากกว่าเป็นไหนๆ ซึ่งแปรงนั้นก็มีให้เลือกใช้ตามตำแหน่งของการแต่งหน้าในแต่ละจุดต่างๆ มากมาย ดังนั้น ใครที่อยากรู้ว่าแปรงแต่งหน้าแต่ละแบบมีอะไรใดบ้าง และควรใช้อย่างไร ลองมาดูข้อมูลด้านล่างนี้กันได้เลยค่ะ

1.แปรงสำหรับลงเมคอัพเบส หรือรองพื้น
แปรงแต่งหน้าชนิดนี้มักทำมาจากขนสังเคราะห์ หรือขนสัตว์ โดยจะมี 2 แบบให้สาวๆ ได้เลือกใช้คือชนิดขนแปรงแบน ซึ่งจะเน้นการใช้แบบแตะกับเครื่องสำอางแล้วกดไปบนใบหน้ามากกว่าการระบาย และมักใช้สำหรับเก็บรายละเอียดตามซอกจมูก ขอบตา ขอบปาก ส่วนแปรงอีกแบบหนึ่งนั้นจะมีลักษณะเป็นทรงกลมแบบพุ่ม มีขนหนาเหมาะแก่การทาเบส หรือรองพื้นได้ทั่วทั้งใบหน้า นิยมใช้แปรงทั้ง 2 แบบนี้ควบคู่กัน ซึ่งจะช่วยให้ผิวหน้าเนียนกริบ ไม่ทิ้งรอยเบสรองพื้นเอาไว้ให้เห็นง่ายๆ

2.แปรงสำหรับปัดแก้ม หรือทำไฮไลท์
แปรงสำหรับปัดแก้ม หรือทำไฮไลท์ที่ดีนั้นจะต้องใช้ขนแปรงแบบหัวตัด ซึ่งจะมีวิธีการทำไฮไลท์ด้วยกัน 2 แบบคือ การกำหนดรูปหน้าโดยเริ่มจากบริเวณกลางหูปัดเข้ามายังใบหน้าและจะต้องไม่เลยบริเวณหางตา หรือต่ำกว่ามุมปาก จากนั้นให้กำหนดโครงเริ่มตั้งแต่บริเวณหลังหูปัดมายังกรามและไล่ลงมาใต้คาง ส่วนแบบที่ 2 คือการทำไฮไลท์สันจมูก โดยให้เริ่มจากหัวคิ้วลงมายังปีกจมูกทั้ง 2 ข้าง จากนั้นทำการไล่เฉดดิ้งเพื่อใหใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น ส่วนการปัดแก้มนั้นให้ปัดไปตามแนวโครงโหนกแก้ม เท่านี้ขั้นตอนของการทำไฮไลท์และปัดแก้มเพื่อเติมสีสัน ก็จะช่วยสร้างมิติที่ชัดเจน ให้ความสวยงามได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว

3.แปรงทาลิปสติก
การแต่งหน้าในขั้นตอนสุดท้ายมักจะเป็นการเติมสีสันให้กับริมฝีปาก โดยการใช้แปรงทาลิปสติกซึ่งจะมีลักษณะเป็นทรงแบน ขนาดเล็ก พอดีกับรูปปาก แปรงสำหรับทาลิปสติกนั้นจะช่วยให้การเติมสีลงบนริมฝีปากมีความคมสวยและสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า เมื่อเทียบกับการไม่ได้ใช้แปรง แถมยังกำหนดขอบเขต ปรับรูปลักษณ์ของริมฝีปากให้สวยโดดเด่นมากขึ้นได้อีกทางหนึ่งด้วย

จะเห็นได้ว่าแปรงแต่งหน้าแบบต่างๆ มีความสำคัญต่อการทำหน้าที่ตามประเภทของตัวเองโดยเฉพาะ สาวๆ มือใหม่จึงควรทำความเข้าใจการเลือกใช้แปรงให้เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่งของผิวหน้า จะได้ช่วยให้การแต่งหน้าดูเรียบเนียน สวยได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกลัวเครื่องสำอางเปรอะจนเป็นคราบตามมานั่นเอง