New Normal ด้านความงามของสาวๆ ญี่ปุ่นที่เปลี่ยนไปหลังต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น
@cosme เว็บไซต์ด้านความงามยอดนิยมของประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยเทรนด์คีย์เวิร์ดความงามประจำครึ่งปีแรกไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจะเห็นได้ว่าเทรนด์ความงามของสาวๆ ญี่ปุ่นเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ซึ่งน่าจะเกิดจากผลกระทบของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ ที่ทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นเปลี่ยนไปไม่ใช่น้อย โดยเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความสนใจมากที่สุดในครึ่งปีที่ผ่านมาคือ “ความงามที่บ้าน” และ “การดูแลมือ” นั่นเอง
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 ที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน และการทำงานแบบ Work from Home เริ่มได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น ทำให้คนที่เปลี่ยนมามีไลฟ์สไตล์แบบใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้านมีเพิ่มมากขึ้น การดูแลตัวเองที่บ้าน การเสริมสวยที่ทำได้เองที่บ้านจึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
สาวๆ ญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ในโตเกียวกว่า 65% ต่างรู้สึกว่าตัวเองใช้เวลาในการเสริมสวยดูแลตัวเองที่บ้านเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปสถานเสริมความงามหรือร้านเสริมสวยได้เหมือนปกติ ทำให้สาวๆ ทุก 1 ใน 3 คน เลือกที่จะลองแต่งหน้า ดูแลผิวพรรณด้วยวิธีที่ไม่เหมือนที่เคยทำซึ่งสามารถทำเองได้ที่บ้าน และกว่าครึ่งของสมาชิกเว็บไซต์ @cosme ก็หันมาซื้อสินค้าความงามผ่านทางร้านออนไลน์กัน
อีกหนึ่งเทรนด์ความงามที่มาแรงมากๆ ในครึ่งปีนี้ก็คือ การดูแลผิวมือ เนื่องจากสาว ๆ ต้องล้างมือกันบ่อยขึ้น และใช้เวลานานขึ้น ทำให้จำนวนของคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับผิวบริเวณแห้งและแตกมีเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทางเว็บไซต์เปิดเผยอีกว่า จำนวนการรีวิวสินค้าประเภทครีมทามือเพิ่มสูงขึ้นกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 3 เท่าตัว
โดยแนวโน้มของเทรนด์การดูแลผิวบริเวณมือที่ได้รับความนิยมคือ การใช้งานสะดวก และไม่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันนั่นเองส่วนรางวัลสุดยอดไอเท็มความงามที่ได้รับคะแนนสูงสุดในช่วงครึ่งปีแรก ตกเป็นของโลชั่นบำรุงผิว CLARIFIQUE DUAL ESSENCE LOTION ของแบรนด์ LANCOME ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่สกินแคร์ได้รับเลือกให้ได้รางวัลสุดยอดไอเท็มความงามของเว็บไซต์ ความนิยมของสินค้าด้านสกินแคร์นั้นเพิ่มสูงมากขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีก่อน และมาได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในปีนี้
โดยหลายคนให้เหตุผลว่า เมื่อต้องล้างมือบ่อยขึ้น จึงมีเวลาอยู่หน้ากระจกมากขึ้น ทำให้ตัวเองหันมาสนใจดูแลสุขภาพผิวพรรณเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง อีกทั้งโอกาสในการแต่งหน้าก็น้อยลง ทำให้ความสนใจต่อสินค้าประเภทเครื่องสำอางลดลง กว่า 25% ของกลุ่มเป้าหมายเลิกซื้อสินค้าประเภทลิปสติก ตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของไวรัส และหันไปให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทครีมบำรุงผิวเพื่อป้องกันผิวหยาบกระด้างจากการใส่มาสก์เป็นเวลานาน หรือเลือกซื้อแป้งและรองพื้นที่ไม่เลอะติดหน้ากากอนามัย รวมถึงหันไปซื้อเครื่องสำอางในจุดที่ไม่ถูกหน้ากากอนามัยปิดบัง เช่น อายไลเนอร์ และไฮไลท์ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์อีกว่า จากการที่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ยังอยู่ในระยะที่ประมาทไม่ได้แบบนี้ การใส่หน้ากากอนามัยเป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะอย่างแน่นอน ทำให้ในอนาคตไอเท็มความงามที่ช่วยทำให้ดูดีแม้ใส่หน้ากากอนามัย หรือแก้ปัญหาผิวที่เกิดจากการใส่หน้ากาก หรือแก้ปัญหาเครื่องสำอางเลอะหน้ากากอนามัย อาจจะเป็นสินค้าขายดีและมาแรงในอนาคตได้ไม่ยาก