หินลับคม ของ "ครีม ศุภากร" ผู้จัดหญิงดาวเด่น แข่งเซปักตระกร้อไทย ให้ดังไกลระดับโลก

หินลับคม ของ "ครีม ศุภากร" ผู้จัดหญิงดาวเด่น แข่งเซปักตระกร้อไทย ให้ดังไกลระดับโลก

หินลับคม ของ "ครีม ศุภากร" ผู้จัดหญิงดาวเด่น แข่งเซปักตระกร้อไทย ให้ดังไกลระดับโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“มองว่าทุกอย่างที่เราพบเจอ จะเตรียมพร้อมให้เราเป็นเวอร์ชันที่ดีขึ้นในวันข้างหน้า เหมือนเป็นหินที่ลับเราให้เราคมขึ้น ในฐานะที่เราเป็นผู้หญิงเอเชียที่ไปเติบโตต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่ผู้หญิงเป็นชนกลุ่มน้อย เราเคยเจอคำสบประมาทหรือการกระทำที่ไม่ให้เกียรติระหว่างทางมาเยอะ แต่เราเรียนรู้จากการกระทำเหล่านั้นว่า เป็นสิ่งที่เราไม่อยากเป็นและไม่อยากทำกับใคร เราตั้งใจไว้ว่าจะให้ความสำเร็จของเราพูดด้วยตัวของมันเอง โดยที่เราจะไม่เบียดเบียนใครเหมือนที่เขาทำกับเรา เหมือนที่มีสำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า "Take the high road" ซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกความแตกต่างระหว่างเราและเขาค่ะ”

 

เมื่อถามถึงวิธีสร้างกำลังใจของตัวเอง หลังจากเห็นประวัติและจุดมุ่งหมายของเธอ ซึ่งถ้าวัดจากคนทั่วไปแล้ว การเรียนปริญญาตรีเภสัชศาสตร์ ข้ามสายไปด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพและบริหารด้านการกีฬา อาจดูไม่แปลก แต่สิ่งที่น่าชื่นชม คือ การเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง เหมือนสันดาปที่กระหายหินผามาลับความคมอยู่ร่ำไป


คาแรคเตอร์และความมุ่งมั่นที่โดดเด่นแบบนี้ คงไม่แปลกที่จะบอกว่า สาวคนนี้เป็น “ผู้จัด” การแข่งขัน ตะกร้อไทยแลนด์ลีก หรือ “เดอะ ตะกร้อ ลีก” พร้อมนำระบบการดราฟต์ตัวผู้เล่น แบบเดียวกับอเมริกันฟุตบอลเข้ามาใช้ในการแข่งขันครั้งนี้ด้วย “เดอะ ตะกร้อ ลีก” ครั้งที่ 19 (เริ่มวันที่ 15 ส.ค. ถึง 12 ธ.ค. 2563) วัตถุประสงค์ คือ มุ่งผลักดันกีฬาพื้นบ้านของไทยให้เป็นที่รู้จักระดับโลก พร้อมกับการผลักดันให้นักกีฬาสามารถเล่นเป็นอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตัวเหมือนกับนักกีฬาอาชีพประเภทอื่นๆ ในต่างประเทศ

 

“ครีม-ศุภากร หล่อพิพัฒน์” เผยถึงชีวิตวัยเด็ก เส้นทางการเติบโตของเธอว่า?

            คุณพ่อคุณแม่ทำงานอยู่ในวงการสุขภาพและกีฬา เราก็เล่นกีฬาและดูกีฬามาแต่เด็กค่ะ เริ่มว่ายน้ำตั้งแต่ 4 ขวบ และอยู่ชมรมว่ายน้ำ ชมรมกรีฑาของโรงเรียน และมีเล่นกีฬาประเภทอื่นๆ บ้าง เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล วอลเลย์บอล และเต้น โดยเราค่อนข้างโตมาแบบมีความ Unisex เยอะ เพราะมีทั้งพี่ชายและน้องสาว ดังนั้น ทั้งชอบเล่นเกม อ่านการ์ตูน เล่นกีตาร์เหมือนพี่ชาย แต่ก็มีมุมรักการแต่งตัว ช้อปปิ้ง วาดภาพศิลปะ และเต้นกับน้องสาว

 

เบื้องหลังชีวิตคือการเรียนรู้

            จบปริญญาตรีฯ เภสัชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Purdue สหรัฐอเมริกา เพราะเราถนัดวิชา ชีววิทยา เคมี และชอบเรื่องสุขภาพอยู่แล้วค่ะ ซึ่งคณะเภสัชฯ ของมหาวิทยาลัยนี้ค่อนข้างมีชื่อ มีรุ่นพี่คนไทยที่จบมาเป็นอาจารย์เภสัชฯ ก็เยอะค่ะ ข้อดีของการเรียนปริญญาตรีที่นี่คือ เราสามารถเลือกวิชาโทได้ ครีมเลือกเรียนภาษาจีน เพราะเป็นคนชอบทั้งวิทย์ทั้งศิลป์มาตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว สนุกค่ะแต่ตารางเรียนก็จะแน่นๆ หน่อย เพราะเราทำกิจกรรมเยอะด้วย

            พอจบตรีฯ ก็ต่อ ปริญญาโทเลย เพราะอยากเปลี่ยนไปเรียนเสริมทางด้านธุรกิจก่อนออกมาทำงาน เต็มตัว จึงเรียนปริญญาโท ใบแรกด้าน Innovation Management & Entrepreneurship (การบริหารนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ) ที่มหาวิทยาลัย Brown จบกลับมาเมืองไทยก็ทำงานเป็นที่ปรึกษาอยู่ 3 ปี เริ่มจากบริษัทเล็กๆ ที่ให้คำปรึกษาเฉพาะด้านเกี่ยวกับ ทุนมนุษย์ และย้ายมาบริษัทที่ใหญ่ขึ้นอย่าง PricewaterhouseCoopers (PwC) เป็นที่ปรึกษาด้าน People & Organization ซึ่งงานหนักมาก แต่สนุกมากเลยค่ะ เหมือนเราได้ต่อยอดจากสิ่งที่เรียนมาว่า ร่างกายมนุษย์ทำงานอย่างไร และนำมาเชื่อมโยงกับระบบการทำงานในองค์กรโดยการนำจิตวิทยามาเสริม งานของเราคือวางระบบและสนับสนุนให้เพิ่มประสิทธิภาพของงานและเพิ่มศักยภาพของคนในองค์กร

 

สร้าง New Normal ใหม่ๆ ให้กับชีวิต

            พอทำงานหนักได้สักพักสุขภาพเราเริ่มแย่ เลยมานั่งคิดว่างานที่เราอยากทำจริงๆ ในชีวิตคืออะไร แล้วค้นพบว่า เราชอบเรื่องของสุขภาพ และ performance ของคน มานึกย้อนว่าก่อนที่จะเราไปเรียนปริญญาตรี ได้มีโอกาสทำงานพาร์ทไทม์เป็นล่ามไทย-จีน-อังกฤษ ให้กับการแข่งขันตะกร้อคิงส์คัพ และประทับใจบรรยากาศการแข่งขันมากๆ เลยค่ะ เป็นการทำงานที่มีความสุข จึงตัดสินใจออกจากงานไปเรียนต่อปริญญาโทใบที่สอง ทางด้าน Sport Management ที่มหาวิทยาลัย Columbia ในรัฐนิวยอร์ค   พอได้สัมผัสแล้วรู้เลยว่าเรามาถูกทางแล้ว เป็นอุตสาหกรรมที่รวมทุกอย่างที่เราชอบไว้รวมกันทั้งหมดเลยจริงๆ

            สิ่งที่เราภูมิใจและสนุกมากที่สุด คือ การได้ไปฝึกงานกับทีมฟุตบอล New York Red Bulls ทำงานเป็นนักวิเคราะห์ด้านกลยุทธ์ โดยการประเมินข้อมูลเชิงลึกต่างๆ จาก data และ feedback ที่เราได้เก็บมา และกำหนดกลยุทธ์ที่ทางสนามและทีมจะใช้ต่อไปในอนาคต ซึ่งรวมไปถึงปัจจัยต่างๆ ที่อาจจับต้องไม่ได้แต่มี นัยสำคัญมากๆ เช่น ผลการแพ้ชนะ อุณหภูมิ สภาพอากาศของสนาม การตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค กระแสสังคม และ สังคมศาสตร์ ทุกอย่างเกี่ยวข้องกันหมดเลย และหัวหน้าทีมของครีมก็น่ารักมากๆ เป็นคนที่อายุไม่เยอะ แต่มีภาวะผู้นำสูงมาก ทำให้เราเรียนรู้สไตล์การทำงานของเขามาเยอะ  

 

ก่อร่างสร้างฝัน

            เมื่อเรากลับมาเมืองไทย จึงมองว่าการทำงานกีฬาสามารถตอบโจทย์ปัญหาสังคมอะไรได้บ้าง หากเรามองประเทศไทยเสมือนองค์กรหนึ่ง จะเห็นว่าเรามีสินทรัพย์ที่มีศักยภาพมากมายที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ หนึ่งในนั้นคือกีฬาที่เป็นมรดกตกทอดของบ้านเรา จึงมีความคิดที่จะมาจัดการแข่งขันตะกร้อลีก เริ่มต้นด้วยทีมจาก 9 จังหวัดในประเทศไทย (อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ แพร่ พิษณุโลก เลย ชัยภูมิ ปทุมธานี ชลบุรี นครปฐม)

            ครีมคิดว่า ประเทศเราในปัจจุบันมีนักกีฬาตะกร้อที่เก่งๆ อยู่มาก แต่เนื่องจากไม่มีระบบเส้นทางอาชีพ ทำให้แม้มีฝีมือดี ก็เล่นตะกร้อได้แค่พาร์ทไทม์ และไม่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงจากอาชีพนี้ได้ เราเห็นกีฬาอเมริกันฟุตบอลเกิดและเติบโตอยู่ในประเทศๆ เดียว แต่สามารถสร้างอาชีพ สร้างมูลค่า และพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศของเขาได้อย่างมหาศาล หากจะแย้งว่าเขาเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วจึงทำได้ เราก็เห็นกีฬามวยไทยเกิดและเติบโตไปสู่ตลาดโลกได้เช่นกัน จากที่เคยเป็นล่ามให้กับงาน ตะกร้อคิงส์คัพ ทำให้รู้ว่ามีกว่า 30 ประเทศทั่วโลกที่ส่งนักกีฬามาแข่งขันกับเรา แม้แต่ สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือประเทศในทวีปยุโรป อย่าง เยอรมนี และฝรั่งเศส ก็เล่นตะกร้อกับเราเช่นกัน แถมยังส่งนักกีฬามาฝึกกับโค้ชไทยอีกด้วย ซึ่งทำให้โค้ชไทยของเรามีรายได้เพิ่มไม่น้อยเลย

            ครีมมองว่าเรามีทรัพยากรมนุษย์ที่ดีมากอยู่แล้วในวงการตะกร้อบ้านเรา ขาดก็แต่ระบบลีกที่จะสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนเส้นเลือดที่จะส่งเลือดไปเลี้ยงจังหวัดต่างๆ ที่ส่งทีมมาเข้าร่วม ทำให้แต่ละจังหวัดและชุมชนในประเทศของเรามีอาชีพและรายได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงกีฬา และหากกีฬาเป็นที่นิยมมากขึ้นก็ยิ่งทำให้สุขภาพของคนที่หันมาเล่นตะกร้อดีมากขึ้นอีกด้วย เป็นการเสริมสร้างทุนมนุษย์ทางด้านกีฬา สุขภาพ และธุรกิจท้องถิ่นไปด้วยในคราวเดียวกัน

            นี่เป็นภาพความสำเร็จที่ครีมอยากเห็นเกิดกับขึ้นกับประเทศไทย และเป็นนิยามของงานที่มีความหมายสำหรับตัวเรา หากในอนาคตต่างชาติหันมาเสพหรือแม้แต่ฝึกเล่นกีฬาที่เกิดในบ้านเรา คงเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่เราอยากทำให้กับประเทศไทย เพราะเมื่อลองให้เพื่อนต่างชาติและอาจารย์มหาวิทยาลัยดูคลิปการแข่งขันเซปักตะกร้อ ต่างก็บอกว่าน่าสนใจ แปลกใหม่ และเป็นกีฬาที่น่าติดตามมาก

            เธอพูดพร้อมโชว์คลิปวิดิโอ 10 นักตะกร้อชาย เป็นหลักฐาน ผู้ชม 475k แต่ reach ประมาณ 800k โดยที่ไม่ได้ boost ยอดวิวใดๆ https://www.facebook.com/takrawworld/videos/2498436950430267/?

 

ด้านไลฟ์สไตล์อื่นๆ

            ครีมเป็นคนที่เที่ยวได้ทุกแนว หรูได้ลุยได้ ขึ้นบกได้ลงน้ำก็ได้ สายกินหรือสายบุญก็ได้ค่ะ ล่าสุดเดินทางไปเตรียมความพร้อมของสนามตะกร้อทั่วประเทศก็มีโอกาสได้แวะเยี่ยมเยียนอุทยานแห่งชาติหลายที่ ชอบใกล้ชิดกับธรรมชาติ และเก็บตราประทับพาสปอร์ตอุทยานแห่งชาติอยู่ ว่างๆ ก็มีทำคลิปออกมาบ้าง ช่องยูทูปชื่อว่า CAPP

            ส่วนของสะสมก็มีเสื้อทีมฟุตบอลที่เราชื่นชอบและมีความทรงจำที่ดี ทุกตัวซื้อมาจากสนามหรือประเทศที่เป็นเจ้าของทีมเท่านั้น เช่น ทีม New York Red Bulls ที่ได้ไปฝึกงานด้วยที่รัฐ New Jersey เสื้อทีม Barcelona จากสนาม Camp Nou ที่สเปน และเสื้อทีม Argentina จากอาร์เจนตินาเพราะชอบ Lionel Messi มาก รวมถึงทีม Manchester City ที่ซื้อจากสนาม Etihad ด้วย เพราะเป็นทีมบอลอังกฤษที่ชื่นชอบ

            ท้ายสุด ผู้จัดหญิงคนสวย กล่าวทิ้งท้ายว่า “เป็นคนมองว่า งานที่มีความหมาย คือ การสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนเพื่อสังคม และการใช้ชีวิตที่มีคุณค่า คือการสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนเพื่อครอบครัวและเพื่อนร่วมโลกและในทุกๆ วัน คือโอกาสที่เราจะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดีที่สุด”

          เชื่อว่าอีกไม่นานผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็น “ดาวเด่น” ในแวดวงเบื้องหลังวงการกีฬา อีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook