The LAB บูทีคฟิตเนสชั้นนำใจกลางกรุง เผยเคล็ดลับกู้หุ่นพังให้กลับมาปัง หลังโควิด

The LAB บูทีคฟิตเนสชั้นนำใจกลางกรุง เผยเคล็ดลับกู้หุ่นพังให้กลับมาปัง หลังโควิด

The LAB บูทีคฟิตเนสชั้นนำใจกลางกรุง เผยเคล็ดลับกู้หุ่นพังให้กลับมาปัง หลังโควิด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เดอะ แล็บ (The LAB) ยิมและฟิตเนสสุดหรูชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ จัดเวิร์คช็อปออกกำลังกายให้สายสุขภาพได้เพิ่มความแข็งแกร่ง พร้อมเผยเคล็ดลับการกินอย่างถูกต้อง ให้ทุกคนกลับมาฟิตแอนด์เฟิร์มได้อย่างรวดเร็วหลังคลายล็อกดาวน์

The LAB จึงชวนสายสุขภาพกลับมาเช็คความฟิต ประเมินสมรรถภาพความแข็งแรง ด้วยเวิร์คช็อปออกกำลังกาย เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องหลังคลายล็อกดาวน์ พร้อมเผยเคล็ดลับการกินเพื่อกู้คืนหุ่นสวยเฟิร์มแบบไม่ต้องอด จากนักโภชนาการของ The LAB


มร. ริชาร์ด โคเฮน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง The LAB รู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับการเปิดให้บริการยิมอีกครั้งหลังคลายล็อกดาวน์ พร้อมให้ความมั่นใจแก่ลูกค้าทุกท่านว่า ยิมแห่งนี้ได้รับการทำความสะอาดอย่างดีที่สุด พร้อมบังคับใช้มาตรการด้านความปลอดภัยที่สอดคล้องกับแนวทางการป้องกันและควบคุมโควิด-19 เพื่อให้ทั้งพนักงานและผู้มาใช้บริการ มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่างในการออกกำลังกาย การจำกัดจำนวนคนต่อคลาส และการเช็ดอุปกรณ์ด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังเล่นเสร็จ เนื่องจากสุขภาพและความปลอดภัยของสมาชิก เป็นสิ่งที่ The LAB ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง

“ในช่วงที่ยิมของเราต้องปิดตัวชั่วคราวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราได้ริเริ่มหาทางออกใหม่ๆ เพื่อให้สมาชิกของเรายังคงมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งเราได้นำเสนอคลาสออกกำลังกาย และการฝึกส่วนตัวแบบออนไลน์ โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานี้ เราจัดเทรนนิ่งส่วนตัวแบบออนไลน์ ไปมากกว่า 150 ชั่วโมง และคลาสออนไลน์แบบกลุ่มไปกว่า 185 ครั้ง รวมแล้วมีผู้เข้าร่วมกว่า 200 คน จาก 7 ประเทศเลยทีเดียว” ริชาร์ด กล่าวเสริม

ด้าน พัทนี สำราญจิตร หรือ โค้ชเบลล์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการของ The LAB ได้แนะนำเคล็ดลับกู้หุ่นพังหลังโควิด ดังนี้ 

1.      ไม่อดอาหาร! ทานอาหารให้ครบสามมื้อ และทานให้ครบทุกหมวดหมู่
การอดอาหาร หรือการปล่อยให้ร่างกายขาดอาหาร หรือปล่อยให้หิวบ่อยๆ เป็นเวลานานๆ ถึงแม้ว่าจะช่วยลดน้ำหนักตัวได้รวดเร็วก็จริงในช่วงแรกๆ แต่ผลเสียของการอดอาหารในระยะยาวนั้น คือ จะทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายพัง และเกิดการโยโย่ได้ (YOYO Effect คือ การเหวี่ยงตัวขึ้นของน้ำหนักหลังจากทำการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วโดยการลดอาหารมากเกินไป) ดังนั้น แทนที่จะงดหรืออดอาหาร ให้เพื่อนๆ ลองแบ่งทานอาหารเป็นมื้อเล็กๆ แต่ทานบ่อยๆ ไม่ปล่อยให้ท้องว่างเป็นเวลานานๆ จิบน้ำบ่อยๆ มีสติเวลาทาน งดการดูทีวี ดูยูทูป หรือเล่นโทรศัพท์ระหว่างช่วงทานอาหาร และหยุดทานอาหารเมื่อเริ่มรู้สึกว่าอิ่ม เท่านี้ก็จะช่วยให้เพื่อนๆ ลดความหิวระหว่างวัน และช่วงลดความเสี่ยงในการ “หลุด” หรือทานแบบไม่ยั้ง เมื่อปล่อยให้ร่างกายหิวเกินไป


2.      งดและลดของหวาน
เพื่อนๆ สายหวานที่ชอบทานขนมหวาน เบเกอรี่ หรือ น้ำหวานๆ ทั้งหลาย ต้องเริ่มที่ลดปริมาณและความถี่ในการทานลง หรือปรับเปลี่ยนไปทานเป็นพวก healthy snack เช่น ถั่ว นม ดาร์คช็อกโกแลต (>70%) หรือ ผลไม้ในปริมาณที่เหมาะสมแทน น้ำตาลและไขมันที่ได้มาจากของหวาน พวกเบเกอรี่ เค้ก และ น้ำหวาน ในระยะยาวเจ้าน้ำตาลและไขมันตัวร้ายนี้ ก็จะสะสมอยู่ใต้ผิวหนังเป็นพุงน้อยๆ ที่เกาะอยู่กับเราไปนานแสนนาน


3.      ทานโปรตีนในทุกมื้ออาหาร
โปรตีนถือว่าเป็นสารอาหารที่สำคัญมากๆ สำหรับร่างกาย แต่มักจะเป็นสิ่งที่ถูกละเลยเสมอ โปรตีนนั้นนอกจากจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอแล้ว โปรตีนยังช่วยให้เราอิ่มท้องได้นาน และโปรตีนก็ยังใช้พลังงานจากร่างกายในการย่อยสูง และแปลงเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้ยากกว่าอาหารประเภทแป้งและไขมัน ดังนั้น เราควรที่จะทานโปรตีนให้ได้ในทุกๆ มื้อ โดยผู้หญิงควรทานโปรตีนอย่างน้อยๆขนาดเท่ากับ 1 ฝ่ามือของตัวเอง ต่อ 1 มื้ออาหาร และ ผู้ชายควรจะทานให้ได้อย่างน้อยๆ 2 ฝ่ามือ ต่อ 1 มื้ออาหาร


4.      รับประทานผักและผลไม้ในทุกๆ วัน
ผัก-ผลไม้ส่วนมากนั้น จะมีแคลอรี่ต่ำ และมีวิตามิน รวมถึงแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง การเลือกทานผักและผลไม้ที่ถูกต้อง ก็ควรเลือกทานผัก-ผลไม้ที่มีหลากหลายสี มีกากใยสูง และมีน้ำตาลต่ำ เพื่อป้องกันการทานน้ำตาลมากเกินไปในแต่ละวัน และควรทานในปริมาณพอเหมาะพอดี ไม่มากจนเกินไปในแต่ละวัน


5.      ดื่มน้ำให้เพียงพอ
น้ำ นอกจากจะเป็นองค์ประกอบสำคัญของเซลล์ในร่างกายแล้ว น้ำก็ยังมีความสำคัญในการลำเลียง ดูดซึม และ ย่อยอาหาร และยังช่วยให้ความชุ่มชื้นและช่วยให้ผิวพรรณเราดีอีกด้วย การดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะช่วยรักษาระดับความพอดีของของเหลวภายในและนอกเซลล์ ซึ่งเป็นการช่วยลดอาการบวมน้ำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดอาการอยากอาหาร รวมถึงของหวาน ขนมจุบจิบ ได้เช่นกัน โดยทั่วๆ ไปแล้ว ผู้หญิงควรดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์อย่างน้อย วันละ 2 ลิตร และผู้ชายควรดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 3 ลิตรต่อวัน


6.      Keep Active
นอกเหนือจากการทานอาหารที่ดีและพอเพียงแล้ว การเคลื่อนไหวบ่อยๆ อย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นการ เดินขึ้นบันไดทดแทนการใช้ลิฟท์ หรือการเดินให้ได้วันละอย่างน้อย 5,000-7,000 ก้าว จะช่วยทำให้ร่างกายเบิร์นแคลอรี่ได้มากขึ้น และทำให้น้ำหนักส่วนเกินลดลงได้อย่างรวดเร็วกว่าเดิม แต่ถ้าหากเพื่อนๆ คนไหนที่ยังต้อง work from home อยู่ โค้ชแนะนำให้ลองตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเตือนตัวเองให้ลุกขึ้นมาเดินยืดเส้นยืดสายทุกๆ 1 ชั่วโมง หรือเลือกที่จะยืนหรือเดินในช่วงที่ประชุมผ่านโทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งการเลือกใช้ห้องน้ำที่อยู่ไกลที่สุดในบ้าน เพื่อบังคับให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวมากยิ่งขึ้น


7.      ไปออกกำลังกายกันเถอะ!
แน่นอนว่า การออกกำลังกายนอกจากจะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ดีแล้วนั้น การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ยังสามารถช่วยให้เพื่อนๆ มีสุขภาพที่แข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกายอาจจะเริ่มต้นจากการเดินเร็ว-สลับวิ่งเหยาะๆ หรือออกกำลังกายง่ายๆ ตามวีดีโอในยูทูปให้ได้วันละ 30-60 นาที อย่างน้อย 2-3 วันต่อสัปดาห์ และค่อยๆ ปรับเพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการออกกำลังกายขึ้นเรื่อยๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook