รวม 5 แบรนด์รักษ์โลกสัญชาติไทย สร้างปรากฏการณ์ Sustainability ครั้งใหญ่ระดับโลก!
ทุกวันนี้อุตสาหกรรมแฟชั่นเริ่มหันมาสนใจในแง่มุมธรรมชาติและกระแสการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่วงการละเลยมานานปีอย่างจริงจัง แม้จะยังไม่ครอบคลุมทุกส่วนในทันที เพราะอย่างไรแฟชั่นก็หนีไม่พ้นการเป็นรูปแบบของธุรกิจแขนงหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องสร้างเม็ดเงินเพื่อการอยู่รอด แต่อย่างน้อยการปรับเปลี่ยนวิถีหรือการสร้างนโยบายเพื่อคงไว้ซึ่งสภาพแวดล้อมและการตอบแทนสังคมรูปแบบต่างๆ ก็เท่ากับความก้าวหน้าของอนาคตที่น่าจะสดใสและปลอดภัยกับเรากว่าเดิม
ทั้งหมดทั้งมวลนี้เพื่อเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับโลกยุคใหม่ ก็ในเมื่อทุกความยิ่งใหญ่ต่างเริ่มต้นจากก้าวเล็กๆ ก้าวแรกเสมอ คุณเองก็สามารถเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจรักษ์โลกได้ ผ่านการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โลกแฟชั่นกำลังมุ่งหน้าสู่วิถีของสาวนักช็อปคนฉลาด ผู้เลือกจ่ายสตางค์ซื้อสไตล์ ซึ่งส่งผลอันงดงามกับสภาพแวดล้อมที่เธออาศัย
โว้กประเทศไทยขอพาคุณไปรู้จักกับเรื่องราวของแบรนด์มากหน้าหลายตาในปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่นี้ ตลอดจนพูดคุยถึงเหตุการณ์กับรายละเอียดที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน อันเกี่ยวเนื่องกับเทรนด์ Sustainability ที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างยั่งยืนในโลกแฟชั่นของเรา เริ่มต้นด้วย 5 แบรนด์ไทยดังนี้...
Dry Clean Only
หนึ่งในรายชื่อแบรนด์เสื้อผ้าฝีมือคนไทยที่ดังไกลถึงต่างประเทศต้องมียี่ห้อมากความคิดสร้างสรรค์รายนี้ติดโผแน่นอน จุดเริ่มต้นเกิดจากความหลงใหลในเสื้อผ้าวินเทจของปฏิพัทธ์ ชัยภักดี ตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาแฟชั่น และความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการสร้างความแปลกใหม่ด้วยการปัก เย็บ ดัดแปลงเสื้อผ้าเก่าให้ฟื้นคืนชีพและกลายเป็นชิ้นงานใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าหาซื้อไม่ได้จากบรรดาแบรนด์ชั้นนำ
เราคงไม่ต้องถามว่าแบรนด์นี้สอดคล้องอย่างไรกับเทรนด์ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เนื่องจากแนวคิดหลักสะท้อนชัดอยู่แล้ว ผลผลิตทั้งหมดของแบรนด์เกิดจากการต่อยอดของเก่า โดยไม่ได้จับต้องหรือซื้อเสื้อผ้าสำเร็จรูปใดๆ มาดัดแปลง ส่วนการเลือกใช้วัตถุดิบก็มีกฎระเบียบว่าต้องไม่ผ่านการพึ่งพากระบวนการเคมี หรือย้อมสีใดๆ จากอุตสาหกรรมซึ่งปล่อยมลพิษเข้าสู่ธรรมชาติ จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ตลาดนัดจตุจักรขยายวงกว้างอย่างต่อเนื่องเมื่อศิลปินระดับโลกปรากฏตัวในผลงานออกแบบของเขา โดยไม่มีกลยุทธ์พีอาร์ใดๆ มาเกี่ยวข้อง ก่อนนำพาความสำเร็จขั้นสูงของแบรนด์ไปสู่ตลาดสากลผ่านคอนเซปต์สโตร์มหากาฬในต่างประเทศ ทั้งหมดทั้งหมดคือเส้นทางที่ดำเนินไปบนทิศทางที่ “ออร์แกนิก” ล้วนๆ
Renim Project
ริเริ่มตั้งต้นจากความชอบยีนส์เก่า ทรงวุฒิ ทองทั่วพาแบรนด์ชื่อเก่าคือ Denim Project ของเขาเข้าสู่โหมดหลักประจำแบรนด์ ด้วยการยึดโยงเข้าไว้กับแนวคิดสำคัญคือ Remade / Reduce / Redesign ก่อนก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เข้าแข่งขันในโครงการ Vogue Who’s On Next, The Vogue Fashion Fund 2018 และคว้ารางวัลรองชนะเลิศไปครองด้วยชื่อใหม่ที่ปรับเปลี่ยนกลางรายการคือ Renim Project พยางค์แรกในเวอร์ชั่นใหม่ของแบรนด์สะท้อนถึงการนำเอาวัสดุที่มีอยู่แล้วมาดัดแปลงโครงสร้าง เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ จนสามารถเติบโตก้าวกระโดดไปอวดโฉมสู่สากลในงานสัปดาห์แฟชั่นที่มหานครลอสแอนเจลิส
Repleat
ผู้พิชิตชัยในโครงการ Vogue Who’s On Next, The Vogue Fashion Fund ประจำปี 2018 สื่อสารความเชื่อข องโว้กประเทศไทยในแง่มุมแฟชั่นรักษ์โลกในจังหวะที่อุตสาหกรรมในบ้านเรายังไม่ตื่นตัวเต็มที่ ณิชารีย์ ประสิทธิ์รัตนพร ม้ามืดในเกมการแข่งขันผู้พิสูจน์ชัดแล้วในวันนี้ว่าเธอมีวิสัยทัศน์และคุณอนันต์ต่อแวดวงแฟชั่นเพียงใด บุกเบิกธุรกิจของเธอขึ้นจากวัตถุดิบเหลือใช้จากโรงงานทำร่วมกันฝน ก่อนต่อยอดสู่กระเป๋าผ้าไนลอนสีสดแสบตา ซึ่งมาพร้อมจังหวะการวางสีอันเป็นเอกลักษณ์และความคงทนต่อสภาพอากาศ แม้ในขณะที่แบรนด์จะเติบโตไปสู่แนวคิดที่ล่วงเลยไปจากจุดเริ่มต้นเดิม แต่ผู้ก่อตั้งยังยืนยันว่าการพัฒนาของเธอนั้นยังยึดมั่นอยู่กับ “หัวใจสีเขียว”
Rubber Killer
แบรนด์กระเป๋าและเครื่องประดับสัญชาติไทยของ สเริงรงค์ วงษ์สวรรค์ บุตรชายของสุดยอดนักเขียนดีกรีศิลปินแห่งชาติ รงษ์ วงษ์สวรรค์ เขาเน้นหนักในการใช้วัสดุอย่าง “ยางในรถยนต์” ที่เป็นวัตถุดิบเหลือใช้มาสร้างสรรค์เป็นผลงานชิ้นใหม่ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าหรือแอคเซสเซอรี่ตกแต่งต่างๆ บทสรุปคือแนวคิดการออกแบบร่วมสมัย เหมาะสมกับคอนเซปต์รักษ์โลก ที่ผู้ก่อตั้งหมายใจไว้ตั้งแต่ต้น ผลผลิตที่ได้ทั้งคงทน แข็งแรงจากคุณสมบัติเดิมของยาง และมอบความแตกต่างอันเหนือชั้น เพราะแต่ละผลลัพธ์ล้วนพิเศษด้วยร่องรอย ซึ่งไม่เหมือนกัน แถมยังใส่สัมภาระได้ทีละมากๆ นับเป็นอีกแบรนด์ฝีมือคนไทยที่ครบครันทั้งในด้านแนวคิด ความเหมาะสมของการใช้งาน และความสวยงามที่ไม่ทำร้ายโลก
SackItem
อีกแบรนด์กระเป๋าที่โดดเด่นตั้งแต่วัสดุเกิดจากไอเดียของ ธนารักษ์ วรฤทธานนท์ ผู้นำถุงปูนเหลือใช้ลายต่างๆ มาทำความสะอาดและใช้เป็นวัตถุดิบในการสร้างสรรค์กระเป๋าแทนผ้าใบหรือหนังสัตว์ ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจึงมีเพียงชิ้นเดียวเนื่องจากลวดลายและจังหวะที่ไม่มีทางซ้ำตำแหน่งกัน และน้อยคนนักจะทราบว่าแบรนด์นี้คือแรงสำคัญที่ช่วยลดปริมาณขยะเหลือใช้ในโลกของเราได้ถึงปีละ 4-5 ตันเลยทีเดียว
ติดตามเรื่องราวของเหล่า "ผู้กล้า" ในวงการแฟชั่นที่พร้อมจะเปลี่ยนโลก และรายละเอียดน้อยใหญ่เกี่ยวกับประเด็น Sustainability ได้ทุกเดือนในโว้กประเทศไทยทุกช่องทางตลอดปีนี้...