"อร อรอนงค์" คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจสุดแกร่ง เผยชีวิตนี้ที่เหลืออยู่ขอทุ่มเทเพื่อลูก
กลายเป็นคุณแม่สุดสตรองของจริง สำหรับ อร-อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ อดีตนางสาวไทยปี 2535 หลังจากผ่านมรสุมชีวิตคู่หย่าร้างกับอดีตสามีนักธุรกิจที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมายาวนานกว่า 20 ปี ต้องกลายมาเป็น Single Mom ซะอย่างนั้น แต่ถึงจะกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณแม่อร ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ก็ไม่ได้รู้สึกว่าความโชคร้ายในความรักคืออุปสรรคในชีวิต แต่กลับกันมันคือเป็นแรงผลักให้ตัวเอง มั่นใจ สบายใจ และมีความสุขในการใช้ชีวิตมากขึ้น และส่วนลมหายใจที่เหลืออยู่ขอทุ่มเทให้กับลูกชาย อองตอง และ อองรี พร้อมสารภาพรับหวงลูกชายมากถึงขั้นไม่ยอมให้มีแฟนจนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย
อร อรอนงค์ : ตอนนี้สถานะภาพก็คือ หย่า มาประมาณ 1 ปีแล้วค่ะ หลังจากที่มีเรื่องมีราวกับอดีตสามี ก็หย่าอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว 1 ปีกว่าแล้วค่ะ เพราะว่าเดือน กรกฎา ปีที่แล้วที่เราหย่ากัน
เพราะอะไรทำไมถึงตัดสินใจแบบนั้น ??
อร อรอนงค์ : คือ ด้วยความที่ว่าระหว่างที่เราใช้ชีวิตคู่ อร ก็ให้เกียรติสามีเขาไปทำงานเราก็ไม่ตาม ไม่จี้ ด้วยความที่เรามีลูกด้วย บางครั้งเราอาจจะเผลอไปบางครั้งเราก็ลืมที่จะเทคแคร์เขา เราอาจจะมัวแต่เทคแคร์ลูก มันอาจจะเป็นช่องว่างที่ความต้องการของผู้ชายกับผู้หญิงมันห่างกันในช่วงหนึ่ง แต่ว่าเรารู้มาสักระยะหนึ่งแต่ว่ามันกินเวลามานาน เป็นเรื่องมือที่สาม แต่หลังจากที่เรารู้เราก็ให้เวลาเขาประมาณหนึ่งปี ว่าจะเปลี่ยนแปลงไหม แต่ว่าเราทิ้งไว้นานเกิน 2 ปี มันก็คงจูนกันไม่ติดแล้วเลยตัดสินใจว่าทางออกที่ดีที่สุดเราสามารถมูฟออนไปได้ทางออกที่ดีที่สุดและทำให้ชีวิตของเรามีทางออกที่มีความสุขมากที่สุด
อร อรอนงค์ : เราก็ได้มีโอกาสได้คุยกับลูกเหมือนกันค่ะ ถ้าพ่อกับแม่หย่ากันลูกจะว่ายังไง ตอนนั้นน้องก็อายุ 12 / 13 ประมาณนี้ค่ะ ตอนนี้ปัจจุบันคือ คนโตอายุ 15 คนเล็กคือ 13 แต่คือเรื่องราวมันเกิดขึ้นมา 3 ปีก่อนที่แม่จะหย่าในระหว่างเริ่มต้นมันก็มีที่ลูกอาจจะแบบไปเจอบุคคลนั้นบ้างเลยทำให้ลูกรู้สึกว่า มีความเปลี่ยนแปลงไปกับสิ่งที่พ่อทำ และพอแม่พูดลูกก็รับรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าสิ่งนี้ ลูกเข้าใจโดยอัตโนมัติได้
พอถึงเวลาที่ต้องหยุดความสัมพันธ์ของการเป็นสามี ภรรยา พ่อกับพ่อก็ต้องเลิกกัน ลูกคนโต บอกว่าคุณแม่ๆ รู้หรือเปล่าที่โรงเรียนอองลี มีวิทยากรมาพูดว่าปัจจุบันนี้ภาพของคนโดยส่วนใหญ่แล้วครอบครัวบางครอบครัวอาจจะมีความแตกย้ายกันแต่เขาไม่หย่าขาดจากกัน เขาอยู่ด้วยกันเพราะมีความจำเป็น หรือเพราะเหตุผลใดๆ ลูกมีความเป็นผู้ใหญ่มาก คนโตเขาจะมีเหตุผลค่ะ ต้องยกความดีให้พี่อ้อย พี่ฉอดนะคะ เพราะ เพราะวิทยากรที่ไปพูดในโรงเรียนคือ พี่อ้อย พี่ฉอด ค่ะ ลูกชายคนโตเขาก็เก็บเกี่ยวข้อมูลมาแล้วก็เอามาเล่าให้แม่ฟัง
อร อรอนงค์ : คือถ้าวันนั้นที่ เรา ตัดสินใจจะหย่า หรือวันแรกที่เรารู้ว่าสามีเรามีผู้หญิงถ้าไม่มีลูกเราอาจจะเคว้งด้วย ต้องขอบคุณที่มีลูกที่คอยเป็นกำลังใจให้เรา และเราสามารถเดินเคียงคู่ไปกับลูกได้และลูกเองก็รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มันมีการกระทำที่เขาได้เห็น
อร อรอนงค์ : และพอเราไปพูดว่าพ่อกับแม่ต้องแยกทางกันจะต้องไปหย่านะ รู้ใช่ไหมว่าคุณแม่เป็นคนที่อยู่ในวงการนะ (เราบอกลูกแบบนี้ค่ะ) อย่างน้อยๆมันต้องมีข่าวออกมา มีคนมาถามอะไรแบบนี้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเราเป็นคนในวงการ แต่เมื่อสถานะภาพ หรือ เกิดเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้นย่อมมีข่าวแพร่ออกไป เราก็บอกลูกว่าถ้ามีข่าวออกไปลูกไม่ต้องตกใจนะ เพราะอันนี้มันเป็นเรื่องของคนที่อยู่ในวงการอยู่แล้ว เขาก็โอเคกับเรา ยิ่งลูกคนโตเขาเข้าใจอยู่แล้วเขาบอกเราว่า ถ้าคุณแม่ทำแล้วมีความสุข คือ ก็ทำได้เลย
เหงาไหมทุกวันนี้
อร อรอนงค์ : ไม่เหงาค่ะ ด้วยความที่เราโชคดีที่เราก็ยังมีงานในวงการบันเทิง ผู้ใหญ่ได้ให้ความเอ็นดูเราอยู่ให้งานเราทำ เรายังดูแลลูก ทำร้านเสื้อผ้าชื่อแบรนด์ อรอนงค์ เป็นเสื้อผ้าสวมใส่ง่ายๆ สบายๆ มีหน้าร้านอยู่ที่ตลาดบองมาร์เช่ มันก็เลยทำให้เราไม่ได้อยู่นิ่งแล้วมีเวลาว่างๆ
จะเหงาก็มีใครไม่ได้ เพราะว่า ลูกชาย หวงมาก
อร อรอนงค์ : คนเล็ก คือ หวงมาก เพราะเราถามเขาว่าถ้ามีผู้ชายเขามาจีบแม่ได้ไหมเขาตอบเราเลยว่า ไม่ ส่วนคนโตเขาจะแนวมีเหตุผล ถ้าเขามาดีก็ลองคุยๆ ดู
ไม่ใช่แค่ลูกที่หวงแม่ แต่แม่ก็หวงลูกเหมือนกัน ถึงขนาดที่ว่ายื่นคำขาดเลย
อร อรอนงค์ : ถ้ายังไม่เข้ามหาวิทยาลัยห้ามมีแฟน บอกอย่างนี้เลย เพราะว่าเราก็บอกเขาด้วยเหตุผลว่าเห็นไหมขนาดคุณแม่มีแฟนในขนาดที่คุณแม่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่การตัดสินใจก็อาจจะผิดพลาดได้ เพราะฉะนั้น ลูกยังอยู่ในวัยเรียน ความคิดความอ่านความรับผิดชอบตัวเองมันยังไม่มี
อร อรอนงค์ : ที่เราสอนแบบนั้น ด้วยความที่บ้านเรายากจนเราต้องแบบว่าช่วยเหลือครอบครัวเราคือ ตั้งแต่เราเรียนนาฏศิลป์ ตั้งแต่มอสองเราก็ทำงานเป็นนางรำ อยู่ศูนย์วัฒนธรรม เรามีความรู้สึกว่าเรามีหน้าที่ในการดูแล แล้วเราก็ยังเป็นเด็ก เราไม่มีเวลาไปสนใจในเรื่องของความรัก เพราะเราเห็นเพื่อนที่มีความรักในวัยเรียนมันไม่ประสบความสำเร็จเลย ทุกคนต้องร้องไห้แล้วมาปรึกษาเราเหมือนเราเป็นศิราณี ก็เลยเอาประสบการณ์นี้มาเล่าให้ลูกฟัง เพราะว่าความรักในวัยเรียนเรารู้สึกว่าเป็นความรักแบบฉาบฉวย แต่เราก็บอกลูกว่าถ้ามีเพื่อนเป็นหญิงก็คุยกันได้นะ แต่เราก็ต้องเว้นช่องว่างของการเป็นเพื่อนเท่านั้น เป็นแฟน กิ๊กกัน พากันไปเที่ยว จับมือ จับแขนอะไรไม่ได้ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนที่อยู่ในกรอบอยู่แล้วเราเลยมีความรู้สึกที่ว่า สิ่งที่ผู้ใหญ่ปลูกฝังคือความรักที่เขามีให้เรา เขาคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างถ้าเราออกนอกกรอบ เขามีประสบการณ์มาก่อนเขาก็จะรู้ก่อน เขาบอก เขาสอนเพราะเขาเป็นห่วงใยเรา
แล้วจริงๆ แล้วมีคนมาจีบไหม
อร อรอนงค์ : ยังไม่มีค่ะ เพราะด้วยความที่เราเป็นคนนิ่งๆแบบนี้ คนก็เลยไม่กล้าเข้ามา
เป็นคุณแม่ที่รักลูกมาก ช่วงนี้ ลูกบอกว่าอยากจะเป็นเชฟทำทุกอย่างเพื่อเก็บเงินให้ลูกได้เรียน
อร อรอนงค์ : ประมาณนั้นค่ะ เพราะเรารู้ว่าการไปเรียนเชฟจะต้องใช้เงินลงทุนพอสมควร ในการเรียน การฝึกทำเองที่บ้านมันก็ต้องมีการลงทุน ทุกอย่างมันก็เป็นเม็ดเงิน ก็จะบอกลงเหมือนกันว่าถ้าเราตั้งใจจะทำ ถ้าเราสามารถทำได้ด้วยตัวเองมันก็จะเป็นสิ่งที่ดี บางครั้งก็ให้เขาเก็บค่าขนมอะไรของเขาเองด้วย เวลาจะซื้ออุปกรณ์ เราก็จะบอกลูกว่า ลูกออกครึ่งหนึ่ง แม่ออกครึ่งหนึ่งนะลูกก็จะได้รักของของตัวเองด้วย ถ้าแม่ซื้อให้หมดเลย ลูกเขาก็จะไม่มีความภูมิใจหรือรักของสิ่งนั้นๆ
ทำทุกอย่างถึงขนาดที่ว่าเอาเสื้อผ้าของตัวเองไปขายจริงหรือเปล่า
อร อรอนงค์ : คือเขาอาจจะคิดว่าเราไม่เคยไปขายของตามตลาดนัด ซึ่งตลาดนัด เป็นตลาดนัดที่รุ่นพี่ที่สาธิตเกษตร เขาชวนเราไปขาย เป็นตลาดเฉพาะกิจ ไม่ใช่ตลาดนัดทั่วๆ ไป เวลาขายของเราก็ขายในสไตล์นิ่งๆ แบบนี้
แล้วตอนที่เราตัดสินใจไปขายกังวลไหมว่าจะมีคนเห็นเราไหม
อร อรอนงค์ : ไม่เลยค่ะ เพราะต้องบอกก่อนเลยว่าก่อนหน้านี้ เรา เคยไปเปิดท้ายขายของตลาดนัดดาราอะไรแบบนี้อยู่แล้ว พอเรามีอะไรเราก็เอาไปขาย เราเป็นลูกแม่ค้าเก่าเราไม่อายทำกินอยู่แล้ว เราคิดว่าเราทำงานสุจริตแล้วก็มันเป็นน้ำพักน้ำแรงจริงๆ เงินมาเราก็ภูมิใจเราไม่ได้ไปแบมือขอใคร
มีคนเยอะมากที่อยู่ใน ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในภาวะความสัมพันธ์ ไม่กล้าเดินออกมาสารพัดจะไม่กล้า อยากบอกอะไรกับคนเหล่านี้บ้าง??
อรอนงค์ : ถ้ามองในมุมที่เรารักตัวเองนะคะ จริงๆแล้ว ทุกคนต้องรักตัวเอง ทุกคนต้องก้าวเดิน อย่างมีความสุข เราถึงอยู่ในสังคมนี้ได้ ถ้าเราอมทุกข์ เรายังแบกรับภาระที่มันไม่ใช่ความผิดของเรา หรือว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่อาจจะติดค้างอยู่ในใจเรามันไม่สามารถ ที่จะไปบอกใครได้หน้าชื่นอกตรม ดูแล้วไม่มีความสุข เราควรที่จะมูฟออนออกมา แล้วก็ทำชีวิตของเราให้ดี ไม่ต้องมีผู้ชายมาดูแลเรา เราดูแลตัวเองได้ ยิ่งถ้าใคร เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แล้วมีลูกยิ่งต้องมีความสุขกับลูกให้มากต้องมีสุขภาพที่ดี ในการดูแลตัวเอง ดูแลลูก แต่เราก็ต้องมีเหตุผลในการคุยกับลูก แล้วก็การ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว บางคนจะบอกว่าบางคนเลือกว่าจะอยู่กับแม่ บางคนเลือกที่จะอยู่กับพ่อ แล้วพอมีปมในใจ มักจะไปลงอะไรกับลูก ก็อยากจะให้เขาคิดก่อนก่อนที่จะทำอะไรลงไปเพราะว่าผลกระทบมันเป็นระยะยาว แล้วเราไม่รู้ด้วยว่า มันจะติดค้างไปในใจลูกไหม
อรอนงค์ : อย่างเราก็มีอารมณ์โกรธว่าทำไมเขาถึงทำกับเราแบบนี้ แต่เราก็ตั้งสติคิด ยังไงเขาก็ยังเป็นพ่อลูกกัน เราก็จะบอกลูกว่า ลูกไม่ต้องไปโกรธพ่อเขานะ เพราะว่าพ่อเขาก็อยากไปมีชีวิตของเขา มีความสุขของเขา เราก็ปล่อยเขาไปเถอะ เราก็มีความสุขในแบบของเรา คือเวลาไปไหนมาไหนกับพ่อก็ไปเถอะ แต่จะบอกว่าแม่ไม่ไปด้วยนะ เพราะเหตุผลอะไรลูกก็น่าจะรู้ดี ถ้าเราบอกด้วยเหตุและผล เด็กปัจจุบันถือว่า เป็นยุคที่เด็กรับฟังเหตุผลได้ดี
รักลูกทุ่มเทเวลาให้ลูกขนาดนี้ ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก เห็นล่าสุด ลูกคนเล็กมีแววเป็น ยูทูปเบอร์ คุณแม่เลยสนับสนุนเต็มที่ สร้างช่องยูทูปขึ้นมา ??
อร อรอนงค์ : เผื่ออนาคต ลูก เขาต้องการแบบนี้จริงๆ มันก็มีช่องไว้แล้ว ชื่อคือ มูฟกับอร ชื่อก็เป็นชื่อแม่ด้วย อนาคตถ้าเขาเริ่มโตเริ่มเรียนรู้ เรื่องของเทคนิคอะไรพวกนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ลูกสามารถต่อยอดทำงานได้
อรอนงค์ : ฝากด้วยนะคะ ช่อง มูฟกับอร ชื่อก็มีความหมายตรงตัวเลยค่ะ ในช่องก็เหมือนพูดเรื่องราวประสบการณ์ของตัวเองให้กำลังใจทุกคนไม่ว่าจะเกิดมรสุมอะไรก็แล้วแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ต้องดูแลตัวเอง คนที่เรารัก คนที่อยู่รอบข้างเรา คอนเทนท์ทุกอย่างเราคิดเองหมดค่ะ หรือ ไม่ก็มีช่องทำอาหารเหนือเพราะมีแฟนๆถามถึงมาว่าคิดถึง
เรียกว่าเป็นคุณแม่ที่คิวฮอตอีกคนเพราะนอกจากจะลูกและคุณลูกแล้ว ทำช่องยูทูป ตอนนี้ ก็ยังมีละครอีกด้วย ??
อร อรอนงค์ : ละคร เพลิงนาง กระแสดีมากๆเลย มันบอกเล่าถึงเรื่องราวของครอบครัวจริงๆปมที่เกิดขึ้นกับน้องพลอยในเรื่องคือ พ่อ มีภรรยาสองคนมีพี่ตั๊ก คือภรรยาที่ออกหน้าตาทางสังคม แต่กับอร คือ แม่บ้านที่อยู่ดูแลบ้าน ซึ่งสามีในเรื่องคือ ถ้าชีวิตจริงมีนะคะ คงแบบเลิกกันไปนานแล้ว แต่ที่ตัดสินใจรับเล่นเรื่องนี้เพราะบทเลยค่ะ คือเขาเป็นคนที่ยอมไปหมดเลย ยอมเพื่อลูก เป็นเมียก้นครัว ทั้งๆที่รักกับสามีแต่รักผิดๆเพราะเรายอมเป็นน้อยเขา แต่พอลูกเราโตเขาเลยมีปมว่าเพราะพ่อแม่เป็นแบบนี้เขาเลยโหยหาในความรัก ยังไงฝากติดตามชมละครเรื่อง เพลิงนาง ด้วยนะคะ ทุกเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 22.00 น. ทางช่อง อมรินทร์ เอชดี 34 นะคะ เป็นละครสะท้อนปัญหาสังคมได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
สามารถชมรายการ ต้มยำอมรินทร์ ย้อนหลังได้ทาง ยูทูป : https://youtu.be/5CEUmzgZt_I
อัลบั้มภาพ 41 ภาพ