ไม่อยากป่วยง่ายต้องระวัง 5 พฤติกรรมทำลายภูมิคุ้มกันพังไม่รู้ตัว

ไม่อยากป่วยง่ายต้องระวัง 5 พฤติกรรมทำลายภูมิคุ้มกันพังไม่รู้ตัว

ไม่อยากป่วยง่ายต้องระวัง 5 พฤติกรรมทำลายภูมิคุ้มกันพังไม่รู้ตัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นอกจากการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์จะส่งผลเสียต่อร่างกายแล้ว การกินอาหารแบบผิดๆ โดยไม่เฉลี่ยสารอาหารให้เหมาะสมก็สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันได้เช่นกัน บางคนอาจมีพฤติกรรมการกินที่หวานมาก เผ็ดมาก เค็มมาก หรือไม่ก็ลดจำนวนผักลงมาจนแทบไม่เห็นสีผักในจานเลย วันนี้เราขอนำ 5 พฤติกรรมการกินที่หลายคนมักละเลย ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมาแชร์ให้ทุกท่านได้ทราบกันค่ะ มาดูกันว่าพฤติกรรมเหล่านั้นจะมีอะไรกันบ้าง


1.กินรสหวานจัด
เข้าใจว่าบางครั้งร่างกายก็เรียกร้องรสชาติหวานบ่อยมาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มก็ตาม แต่การกินอาหารรสชาติหวานจัด หรือมีพฤติกรรมการกินของหวานบ่อยจนเกินไป ก็สามารถทำลายระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้ ในขณะที่การกินหวานในปริมาณที่น้อยนิด กลับเป็นการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายแทน สำหรับใครที่ชอบกินหวาน เราขอแนะนำให้กินไม่เกิน 6-9 ช้อนชาต่อวันจึงจะถือว่าเหมาะสมค่ะ


2.กินรสเค็มจนติดเป็นนิสัย
สำหรับบางคนที่รักการกินอาหารรสเค็ม ไม่ว่าจะเป็นกับข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว ก็ขอเติมเกลือหรือน้ำปลาให้เต็มที่ไว้ก่อน ขอบอกเลยว่าการที่ร่างกายได้รับปริมาณโซเดียมมากเกินไป จะส่งผลทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง จนทำให้ไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียตัวร้ายในร่างกายได้ ดังนั้น แนะนำให้กินโซเดียมวันละไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะแทนการกินรสเค็มจะดีกว่า


3.ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
แม้จะมีปาร์ตี้บ่อยแค่ไหน ก็ควรคำนึงถึงสุขภาพร่างกายไว้ก่อน ดังนั้นทุกครั้งที่ออกไปเจอเพื่อนหรือไปงานปาร์ตี้ ก็ควรดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรดื่มมากเกินไป เพราะแอลกอฮอล์จะเข้าไปทำลายประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายนั่นเอง หากชอบดื่มก็ควรดื่มไม่เกิน 8-15 แก้วต่อสัปดาห์


4.ดื่มชากาแฟทุกวัน
การดื่มชากาแฟ หรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่มีสารคาเฟอีน ควรดื่มในปริมาณที่พอดี ดื่มให้พอเหมาะเพื่อให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉง ไม่ควรดื่มมากและบ่อยจนเกินไป จนวันไหนที่ไม่ได้ดื่มรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เพราะการที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มาก จะลดประสิทธิภาพในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันภายในร่างกายได้ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการดื่มชากาแฟประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะอาจส่งผลต่อการนอนได้


5.กินอาหารประเภทไฟเบอร์น้อยมาก
ถามว่าไฟเบอร์มีความสำคัญอย่างไรต่อร่างกาย คำตอบคือ จะช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้ดี และที่สำคัญไฟเบอร์มีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยป้องกันเชื้อไวรัส และทำให้นอนหลับได้ง่าย การกินไฟเบอร์ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินผักผลไม้หรือธัญพืชก็ควรกินให้ร่างกายได้รับในปริมาณ 25-38 กรัมต่อวันถือเป็นการดีที่สุด

อาหารบางชนิดมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ในขณะที่อาหารบางชนิดก็พร้อมที่จะทำลายระบบภูมิคุ้มกันให้เสื่อมลงได้เช่นกัน ดังนั้น เราจึงต้องเลือกกินแต่อาหารที่ดีมีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง ดีกว่ากินอาหารแคลอรีสูง หรืออาหารไร้ประโยชน์ต่างๆ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook