คุยกับ "ซามีน่า สิริลักษณ์" นางงามนักสู้ ถูกบูลลี่ ไม่มีเงิน แต่คิดบวกชีวิตมีความสุข
ไม่แปลกใจเลย ที่ชื่อของ ซามีน่า-สิริลักษณ์ ทรงศรี สาวลูกครึ่งไทย-แอฟริกัน-อเมริกัน ติด 30 คนสุดท้ายของการประกวด Miss Universe Thailand 2020 และถูกแฟนนางงามยกให้เป็น "นางงามนักสู้" เนื่องจากชีวิตหลังเวทีประกวดไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
หลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊ก คุณ โอ ได้เผยภาพบ้านในปัจจุบันของ "ซามีน่า" ซึ่งอาศัยอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เธอมีเลือดนักสู้อยู่เต็มตัว เดินหน้ามาประกวด มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 เพียงคนเดียว และทุกวันที่ต้องเดินทางมาทำกิจกรรมกับทางกองประกวดเธอมาด้วยรถโดยสาร
"ซามีน่า" มาพร้อมความมั่นใจ ตอบคำถามได้อย่างฉะฉาน สร้างรอยยิ้มอยู่ตลอด แต่ภายใต้ความสวยงาม มั่นใจ ใครจะรู้บ้างว่า ซามีน่า เกิดมาในครอบครัวฐานะยากจน ถึงขั้นไม่มี เธอต้องสู้ชีวิตมาโดยตลอด ในวัยเด็กทำงานรับจ้างตัดอ้อย เก็บข้าวโพด จนภายหลังโตขึ้นขยับมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ และเมื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัยก็ทำงานเป็นเซลล์ขายของหาเงินส่งตัวเองเรียนเรื่อยมา
ส่วนเส้นทางในวงการนางงาม เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธออยากก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเอง และมุมมองของหลายคนๆ ที่ว่า สาวผิวสีแบบเธอไม่สามารถประสบความสำเร็จบนเวทีประกวดนางงามในเมืองไทยได้ จนเธอพัฒนาตัวเอง พร้อมกับใช้เงินที่มีอยู่อย่างจำกัดในการเข้ามาเก็บตัวที่กรุงเทพฯ
เมื่อไม่นานมานี้ภาพห้องเช่าราคา 1,500 บาท ที่เธออาศัยอยู่ถูกแชร์มากมาย เธอเองถูกยกให้เป็นนางงามนักสู้ เรื่องราวของความลำบากและการถูกบูลลี่ ที่ดูเหมือนเป็นปัญหาใหญ่ของใครหลายคน แต่ "ซามีน่า" รับมือได้อย่างดี
มีคนบอกว่าคุณลำบากมาก ที่ว่าลำบากมันขนาดไหน
มันคือ ลำบากมาก คำว่าไม่มีเงินสักบาทมันคือเรื่องจริง ขึ้นรถไปโรงเรียนค่ารถ 10 บาท เรายังไม่มี แต่เรายังต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป เหมือนตอนมากองประกวดฯ เราถามตัวเองว่าจะเอาเงินที่ไหนมา แต่ที่สุดเมื่อเราเข้ามาได้ มันจะไปบอกเขาได้ไหมว่า วันนี้หนูไม่มานะเพราะว่าหนูไม่มีเงิน มันไม่ได้ มันต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด เพราะว่าชีวิตเราก็ต้องไปข้างหน้า ถ้าเราอยากก้าวหน้าเราก็ต้องจัดการตัวเองให้ได้ จะไปบอกคนอื่นว่าเราไม่พร้อมในเรื่องนั้น ขาดตรงนี้ แต่ว่าตัวเราเองยังไม่สู้เพื่อตัวเราเองเลย แล้วใครจะสู้เพื่อเรา
ความเข้มแข็งและมุมมองชีวิตแบบนี้คุณได้มาจากไหน
มันมีอยู่ครั้งหนึ่งหนูโดนแกล้งมาหนักมาก กลับมาที่บ้าน แม่หนูไม่อยากไปโรงเรียนแล้วมันไม่สนุกแล้ว สำหรับเด็กนะคะ แม่ก็บอกว่าไปโดนอะไรมา หนูก็เล่าๆ ว่าโดนแบบนี้มานะ แม่ก็บอกว่าถ้าเกิดเธอไม่สู้ เธอไม่ดูแลตัวเอง เธอไม่ปกป้องตัวเอง เธอคาดหวังให้ใครปกป้อง แม่อยู่กับเธอไม่ได้ 24 ชั่วโมง เธอต้องดูตัวแลตัวเอง ถ้าอะไรที่มันใหญ่เกินกำลังของเธอ เธอค่อยมาคุยกับฉัน ถ้าเกิดโดนแกล้ง โดนล้อ แล้วหนูไม่ดูแลและปกป้องตัวเองกลับมาเขาจะตี ก็เลยต้องสู้ในหลากหลายวิธี
การที่ต้องเกิดมาสู้ชีวิตแบบนี้เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตหรือไม่?
มันปฏิเสธไม่ได้นะคะว่ามันเป็นอุปสรรคเพราะว่า เงิน มันอาจจะไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ว่ามันสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีได้ แต่ท้ายที่สุดซาไม่ได้มองว่า มันลำบากเหลือเกินหรือว่ามันไม่มีทางที่จะไป เพราะถามหน่อยถ้าเกิดซาเกิดมาพร้อมทุกอย่าง ซาจะสู้ขนาดนี้ไหม ซาว่า ไม่ มันก็เป็นบทพิสูจน์ชีวิตในแต่ละวันไป แต่ท้ายที่สุดเราก็จะเข้มแข็ง ด้วยหลายๆ อย่างที่มันหล่อหลอมเราให้เป็นเราอยู่ดี
หลายคนแค่พูดถึงเรื่องความจนก็ท้อแล้ว แต่คุณยังมองเห็นข้อดีอยู่?
เห็นหลายๆ อย่างเลย อย่างแรก เราจะไม่ร้ายกับใครเลย เพราะเรารู้สึกว่า ยิ่งไม่มีใครเห็นประโยชน์ของเรา ยิ่งเราทำตัวไม่ดี มันหมายความว่า เราจะต้องโดนเขาทบไปอีกหลายเท่า ที่สำคัญเรารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เราไม่มี มันทำให้เราว่าวางแผนชีวิตได้ดี รู้จักการบริหารจัดการ หนูรู้ว่าหนูควรจะทำอะไร มันมาจากความที่หนูไม่มีทั้งหมดเลย แล้ววันหนึ่งหนูมีมากขึ้น มันช่วยได้เยอะตรงนี้ มันเหมือนเป็นด่านแต่ละด่านที่หนูจะต้องฝ่าฟันไปในทุกๆ วัน
อยู่ในสังคมกับคนที่รายล้อมไปด้วยวัตถุนิยม อะไรทำให้เรามีความสุขในทุกวัน
ก็ได้มาจากแม่ล่ะค่ะ คนเราเกิดมาไม่ได้เพียบพร้อมไปหมดทุกอย่าง บางคนอาจจะฐานะทางบ้านพร้อม แต่ไม่ได้หมายความว่า ครอบครัวเขาจะอบอุ่น อย่างตัวซาเองอาจจะไม่ได้ครบเรื่องเงิน แต่ครอบครัวซาอบอุ่นสนับสนุนซามาก มันก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่มันแตกต่าง คือธรรมชาติมันออกแบบมาให้อย่างสมดุลอยู่แล้ว ซาก็เลยมองว่าเราขาดตรงนั้น แต่เรามีสิ่งนี้ เราขาดตรงนี้แต่ก็ยังมีตรงนั้นอยู่ ซาก็เลยไม่ได้คิดว่ามันเป็นสิ่งที่เราผ่านไปไม่ได้สักที
หลายคนมีข้อจำกัดในเรื่องต่างๆ และยังไม่สามารถก้าวข้ามสิ่งเหล่านั้นมาได้ คุณอยากบอกอะไรกับคนเหล่านั้น
คุณต้องคิดก่อนว่าคำว่า "ข้อจำกัดมันไม่มีอยู่จริง" มันเป็นเพียงบททดสอบที่คุณต้องผ่านไปให้ได้ในแต่ละวันเท่านั้น ถ้าคุณตั้งแง่แล้วว่ามันเป็นความลำบาก เป็นข้อจำกัด คุณจะผ่านมันไปไม่ได้ อย่างเราเราไม่ได้มองว่าการที่เราไม่มีทุนทรัพย์หรือการที่เราแตกต่างจากคนอื่นมันเป็นข้อจำกัด กลับกันเรามองว่ามันเป็นชาเลนจ์ เรามองว่าเราพิเศษ มันทำให้เราผ่านอะไรได้มากกว่าคนอื่น มันทำให้เราเข้มแข็งกว่าคนอื่น ตัวคุณก็เหมือนกันถ้าคุณยังไม่รู้ว่า โอเคล่ะมันยาก แต่ที่สุดแล้ว คุณผ่านไปได้แน่ๆ วันหนึ่งมันจะผ่านไป และมันจะผ่านไปได้
คุณทำงานเพื่อสังคมด้วย เพราะอะไรคุณถึงช่วยเหลือคนอื่นทั้งที่คุณก็ยังขาดอยู่
ซาเดินสายพูดเกี่ยวกับการให้กำลังใจ เป็นพลังบวกให้กับน้องๆ ในมหาวิทยาลัย แต่พอดีช่วงที่ผ่านมามันติดช่วงโควิด มันก็เลยต้องพักไป โครงการที่ซาทำมันเริ่มจากมหาวิทยาลัย เด็กในกลุ่มอายุ 18-23 ปี ซึ่งตอนนี้ซาคิดว่ามันควรจะปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็กไปเลยให้เขาเข้าใจว่าการที่เรียนรู้ หรือการที่จะเคารพในตัวเองมันเริ่มจากอะไร ซาก็เลยคิดว่า ตอนนี้ซาจะไม่ได้ทำงานแค่กับกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัยเท่านั้น ซาจะลงไปลึกตั้งแต่เด็กเล็กเลยให้เขารู้สึกว่า เขามองซาแล้วไม่รู้สึกว่าซาแตกต่าง เขามองเพื่อนแล้วไม่ได้รู้สึกว่าเพื่อนแตกต่าง ให้เขาเคารพทุกคน ท้ายที่สุดเมื่อเขาเรียนรู้ที่จะเคารพคนอื่น เขาจะเคารพตัวเองเป็น
เป้าหมายสำหรับในการลงประกวดปีนี้คืออะไร
อย่างที่บอกค่ะ ที่ซามาประกวด ซาไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนมาเคารพซา มารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้สวยจังเลย ฉันจะต้องติดตามคนนี้ ซามาในฐานะคนที่จะให้แล้ว ให้ในที่นี้หมายความว่า ซาอยากจะให้น้องๆ รุ่นใหม่ หรือใครก็แล้วแต่ที่รู้สึกว่า คุณยังก้าวผ่านไม่ได้คุณยังไม่ภาคภูมิในในตัวเอง รู้สึกว่ายังไม่สตรองมากพอ ณ จุดนี้มันไม่มีเวลาแล้ว เพราะถ้าคุณคิดช้า คุณเสียเวลาชีวิต ไปเท่าตัว ซาเองเคยอยู่ในจุดที่เสียเวลาชีวิตเพราะเรามัวแต่กังวลกับสิ่งที่เราอยากจะทำ แต่มันติดที่ ผม ผิว หรือ อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นข้อจำกัด ท้ายที่สุดแล้วทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ไม่มีข้อจำกัดไม่ว่าเรื่องใด
ปิดท้ายด้วยประโยคที่นางงามคนนี้ยึดมาโดยตลอด "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน อันนี้มันใช้ได้จริง เราเริ่มจากศูนย์หรือติดลบด้วยซ้ำ แต่ที่เรามาถึงจุดนี้ได้ มันคือมานะจริงๆ มานะ บากบั่น พยายาม อดทน มันมาได้จริงๆ เรามายืนตรงนี้ได้ ไม่ได้เพราะใคร มันความมานะของเรา"
ร่วมเป็นกำลังใจให้เธอไปด้วยกันค่ะ ซามีน่า-สิริลักษณ์ ทรงศรี MUT50
>> มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 ในชุดว่ายน้ำแบรนด์ไทย สวยสดใส และแซ่บมาก
อัลบั้มภาพ 67 ภาพ