เมนูอาหารลูกน้อย "ไข่เจียวอะโวคาโดทรงเครื่อง"

EP39 ไข่เจียวอะโวคาโดทรงเครื่อง เทคนิคซ่อนความขมสำหรับเด็กไม่โปรดอาหารสีเขียว

คุณแม่เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ของหลายๆ บ้านเจอะเจอปัญหาลูกน้อยไม่ค่อยจะเป็นมิตรกับผักสักเท่าไหร่ จะว่ากันไปมีหลากหลายสาเหตุเลยทีเดียว ไม่ว่าจะรสชาติ รสสัมผัส และกลิ่นของพี่เขียวจำเลยเจ้ากรรม ที่จริง ๆแล้วเป็นแหล่งวิตามินและแร่ธาตุอันมีประโยชน์ต่อร่างกายสำหรับทุกช่วงวัย จากที่คุยกับเหล่าคุณแม่มักจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าจะเป็นในเรื่องของสี โดยเฉพาะสีเขียวซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ความขมจนทำให้น้องไม่ยอมทานผัก ถึงจะพยายามซ่อนไว้ในอาหาร แต่ก็จะคายออกมาทุกครั้งทันทีที่ได้เคี้ยว ผักสีเขียวคงมีเอกลักษณ์ความขมเฉพาะตัวที่ขนาดหลานสุดที่รักยังโบกธงขาวตลอด ถึงแม้จะเป็นเด็กชอบรับประทานทุกอย่างก็ตาม เห็นเมื่อใดถึงกับเมินอย่างไร้เยื่อใยกันเลยทีเดียว อ่านจากบทความต่างประเทศพบว่าต่อมรับรู้ความขมของเด็กนั้น สามารถจับความขมได้รวดเร็วและมากกว่าผู้ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กที่มียีนที่ไวต่อความขมที่เรียกว่า Super- Taster วันนี้ คุณแม่ปอม รัตมา พงศ์พนรัตน์ พรชำนิ เลยจะมาแนะนำวิธีแปลงรสขมในผักเขียวจากเมนู ไข่เจียวอะโวคาโดทรงเครื่อง โดยใช้ผลไม้อย่างอะโวคาโดที่เป็นแหล่งไขมันดีเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ แถมรสชาติน่าจะถูกปากหนูๆ คุณแม่เลยอยากให้ทุกคนมาลองทำกันค่ะ

 

ให้ผลไม้อย่างอะโวคาโดมาเป็นกาวใจ 

เห็นช่วงนี้อะโวคาโดไทยเต็มตลาดราคาก็ดี จะนำไปทานสดกับสลัดก็ได้ ปั่นกับนมสดและน้ำผึ้งก็อร่อย อบกับไข่เป็นอาหารเช้าก็ดี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเมนูจากต่างแดนทั้งนั้น แต่มีครั้งหนึ่งพลาดตัดมาแล้วยังไม่สุกเต็มที่ เราก็ไงดีน้า ปิดคืนไปแบบเดิมไว้คงไม่ดีแน่ เลยคิดว่าลองมาทำให้สุกดีกว่า เนื้อจะได้นิ่มลง คิดอะไรไม่ออก ก็ไข่เจียวสิคะ ยังไงก็ต้องมีเครื่องครบ โดยนำมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปตอนเทไข่ลงไปในกระทะแล้ว ปรากฏว่าเกิดเป็นที่โปรดปรานของคนในครอบครัว อาจจะด้วยรสชาติที่มีความครีมมี่ เลยทำให้ รสชาตินวลๆ ตามกันไป หลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็นำอะโวคาโดมาปรุงสุกในอีกหลายๆ จานเลยทีเดียว จะว่าไปประโยชน์อันมากมายของไขมันไม่อิ่มตัวในอะโวคาโดสำหรับเด็กมีมากมาย แต่สำหรับเด็กไม่รักผักแล้ว ผลไม้ที่มีปริมาณไฟเบอร์สูงอย่างอะโวคาโด (1 ออนซ์ = ไฟเบอร์ 2 กรัม) ยังช่วยเพิ่มไฟเบอร์จากผักที่หนูๆ ไม่ยอมทานได้อีก ทำให้ลดปัญหาด้านขับถ่ายลง ข้อดีอีกอย่างที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงคือ อะโวคาโดช่วยดูดซึมวิตามินซึ่งละลายในไขมัน (วิตามินเอ, ดี, อี, เค) ที่มีอยู่ในผักผลไม้อื่นๆ ได้ดีอีกด้วย วันนี้คุณแม่เลือกพี่ผักในตระกูลกะหล่ำปลี (Cruciferous Vegetable) ที่ขึ้นชื่อว่ามีรสขมจากส่วนประกอบของแคลเซียมเอย แร่ธาตุฟลาเวนอยด์เอย อย่างพี่บรอกโคลี นอกจากจะมีประโยชน์ต่อวัยกำลังเติบโต รสสัมผัสกรุบกรอบไม่แหยะ คุณแม่ว่าน่าจะนวลไปกับอะโวคาโดได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญถ้าทานบรอกโคลีได้ ก็จะทานผักอื่นได้ตามมาด้วย

 

อร่อยได้โดยไม่ง้อเครื่องปรุง

เป็นที่ทราบกันดีว่าอาหารของคุณแม่ปอม จะพยายามหลีกเลี่ยงไม่ใช้เกลือน้ำตาลและซอสปรุงรสใดๆ ในอาหารจนกว่าริมาจะมีอายุครบ 1000 วันแรก คุณแม่เชื่อว่ารสจากเครื่องปรุงธรรมชาติน่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีที่จะปูเส้นทางรสชาติความชอบของน้องริมาที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ จะได้ไม่ติดหวาน ติดเค็ม สำหรับไข่เจียวจานนี้ คุณแม่ปรุงรสเค็มธรรมชาติจาก อะโวคาโด บล็อกโคลี่และเบคอน หวานจากหอมแดง รสอุมามิจากมะเขือเทศ ซึ่งเพียงเท่านี้ก็ครบรสชาติความอร่อยที่เด็กต้องการแล้ว สำหรับผักที่มีรสขม รสเขียว ที่คาดว่าจะเป็นสาเหตุของความเกลียดชังครั้งนี้ เราแค่ต้องขจัดหรือลดความขมออกไปเพื่อให้ความสัมพันธ์ที่ดีกับผักกลับคืนมาให้ได้ค่ะ อย่างจานนี้คุณแม่หั่นผักเป็นชิ้นเล็กๆ ไปปรุงให้สุกกับรสหวานเค็มของหอมแดงและเบคอนก่อนนำมาผสมกับไข่ ทำให้ความขมเจือจางลง ลองไปดูวิธีทำกันค่ะ

เครื่องปรุง
บรอกโคลี ¼ ถ้วย
หอมแดง 1 ลูก
เบคอน ตามชอบ
น้ำมันคาโนล่า 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ 1 ใบ
นมสด ¼ ถ้วย
มะเขือเทศ  ตามชอบ
อะโวคาโด ตามชอบ

วิธีเตรียม        
นำเครื่องปรุงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอคำเตรียมไว้ผัด จุดกระทะตั้งไฟ เราจะลดรสชาติความเป็นผักของบรอกโคลีโดยนำไปผัดกับหอมแดงและเบคอนจนสุกพักเตรียมไว้ จากนั้นเราตีไข่ผสมกับนมสดซึ่งเป็นตัวเพิ่มความนุ่มให้ไข่เจียว ใส่เครื่องบรอกโคลีที่ผัดสุกแล้วตามด้วยมะเขือเทศคนให้เข้ากัน พักไว้สักสิบนาทีให้รสซึมเข้ากัน

วิธีทำ

1.        นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมัน เทส่วนผสมของไข่ลงไป พอข้างล่างเริ่มสุก ใส่อะโวคาโด แกว่งกระทะจนไข่สุกแล้วเลื่อนไข่ไปมาเตรียมกลับครั้งที่หนึ่ง

2.        คอยดูว่าไข่เริ่มเป็นสีน้ำตาล จึงกลับไข่ครั้งที่สอง นับ 1-10 ตักเสิร์ฟบนข้าวสวยร้อนๆ เป็นอันเสร็จ

คุณแม่ปอมหวังว่าเมนูนี้จะสามารถซ่อนผักบรอกโคลีได้สำเร็จเหมือนที่ซ่อนคุณหลานบ้านนี้ได้ เทคนิคสำคัญคือการหั่นผักให้เล็กไว้ก่อน แล้วค่อยทำให้สุกก่อนนำไปผสมกับส่วนผสมของไข่นะคะ เทคนิคนี้สามารถเอาไปใช้ได้กับจานอื่นๆ กลิ่นและรสชาติเขียวๆ จะได้เจือจางลง

ไว้จะพยายามหาเมนูเป็นมิตรกับพี่ผักมาให้อีกนะคะ ขอให้มีความสุขกับการทำอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเป็นพื้นฐานที่ดีในการรับประทานอาหารอย่างยั่งยืนของลูกน้อยในอนาคต แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้านะคะ