เปิดใจอดีตโสเภณี ขายตัว รับแขกวันละ 50 คน ผันตัวเป็นยูทูปเบอร์ - วิทยากร

เปิดใจอดีตโสเภณี ขายตัว รับแขกวันละ 50 คน ผันตัวเป็นยูทูปเบอร์ - วิทยากร

เปิดใจอดีตโสเภณี ขายตัว รับแขกวันละ 50 คน ผันตัวเป็นยูทูปเบอร์ - วิทยากร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รายการ ถามสุดซอยWeekend ออกอากาศทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 22.40 น. ทางช่องเนชั่น ช่อง 22 ดำเนินรายการโดย "หนุ่ม ศรราม เทพพิทักษ์" ได้เปิดใจสัมภาษณ์ "คุณหนิง" อดีตโสเภณี กับชีวิตที่เหมือนตกนรก ติดคุก ถูกซ้อม บังคับให้รับแขกวันละ 50 คน!


ทำอาชีพขายบริการตั้งแต่อายุเท่าไหร่?
"18 ได้ค่ะ"


เหตุผลที่เราทำอาชีพนี้?
"ตอนนั้นเพิ่งคลอดลูกใหม่ๆ แล้วเราไม่มีเงินเลี้ยงลูก ที่บ้านฐานะไม่ค่อยดี ไม่อยากเอาตัวเองไปเป็นภาระพ่อแม่ ไหนจะลูกอีก เราเลยมาทำงานนี้ ไม่ใช่อยู่ดีๆ เราอยากขายนะ เราทำงานหลายอย่าง เราเป็นเด็กเสิร์ฟ ทำงานห้างแต่เงินไม่พอ  จนวันนึงเพื่อนชวนไปทำงานที่พัทยา บอกว่าไปชงเหล้า ไม่ได้บอกว่าไปขายตัว เราก็เลยไป แล้วได้เงินเดือน 5 พัน มีทิปต่างหาก แต่พอไปถึงจริงๆ เราไปนั่งอยู่ในตู้ 3-4 วันเราไม่รู้ว่าเราขายตัว หนิงไม่เคยเห็นสังคมแบบนี้ บ้านเราปิดหูปิดตา เราคิดว่าถ้าแขกเลือกเรา เราก็ออกไปชงเหล้า แต่เราไม่รู้ว่าไปไหน แล้วมีคาราโอเกะอยู่ข้างใน เราก็คิดแค่นั้น"


ครั้งแรกรู้สึกยังไง?
"เราก็ตกใจ เราชงเหล้าเสร็จเขาก็พาเราไปโรงแรม บอกว่าจะนอนกับเรา เราก็บอกว่าไม่ได้ หนูไม่ได้จะมาขายตัว พี่เขาบอกว่านี่คืองานขายตัว เราก็บอกว่าไม่ได้ๆ เราร้องไห้จะกลับบ้านแล้วอ้อนวอนเขาว่าอย่าทำอะไรหนูเลย เพราะเราไม่เคยนอนกับใคร นอกจากพ่อของลูก แล้วจังหวะน้ำนมไหล เขาก็ถามว่าอ้าว ทำไมน้ำนมไหล ก็เลยบอกว่าเพิ่งคลอดลูก หาเงินมาเลี้ยงลูก กะว่าทำงานเสิร์ฟ ไม่รู้จริงๆ ว่านี่คือขายตัว เขาก็บอกว่าให้เรานอน ตื่นเช้ามาให้เงิน 4 พันให้กลับกรุงเทพฯ เราก็ทำไมได้เงินเยอะ เพราะตอนนั้นได้เงินสูงสุด 3,500 บาท เราก็เริ่มคิดการณ์ไกล ถ้าทำงานอย่างนี้สักพัก เรามีเงินให้ลูก ให้ที่บ้าน ซื้อบ้านให้พ่อแม่อยู่ เราก็เลยเอาวะ ยินยอมพร้อมใจที่จะทำ"


ได้แต่ละคืนเท่าไหร่?
"สมัยก่อนขายบริการในเมืองไทยไม่ใช่ 400-500 นะ สมัยนี้มันถูก เมื่อก่อน 5000-6000 สามสิบปีที่แล้ว"


พอตัดสินใจเริ่มทำงาน มีระยะเวลาในใจมั้ยว่ากี่ปีจะเลิก?
"ตอนแรกตั้งใจทำไม่กี่เดือนแล้วเลิก แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ มันก็ไหลไปเรื่อยๆ ออกไม่ได้ จนอยู่มา 7-8 เดือนไม่ทำแล้ว กลับบ้าน แต่อีกสักพักก็ขออีกสักปีสองปี พอปีสองปีผ่านไปก็เลิกไม่ได้อีก เพราะไม่มีตังค์ เราก็ตั้งเป้าว่าจะซื้อบ้านให้ได้ก่อน แต่พอถึงเวลาก็ไม่ได้อีก เพราะเงินที่ได้มาง่ายๆ มันหมดไปกับอะไรก็ไม่รู้ กินเที่ยวเล่นช็อปปิ้ง พอไปอยู่เมืองนอกชีวิตเละมาก ติดการพนัน ลืมเป้าหมาย"


ทำทั้งหมดกี่ปี?
"วนเข้าวนออก 20 กว่าปี"


ทำไมวงการนี้เข้าแล้วออกยาก?
"ทุกคนมีเป้าหมายหมด แต่พอเข้าไปแล้วเลิกไม่ได้ มันเหมือนมีบางอย่างทำให้เราติดใจหลงใหล เงินได้มาง่ายๆ กับการไปรับกติกาการเป็นมนุษย์เงินเดือน เขาทนกันไม่ได้ พอออกมาแบบนี้มันเสรี ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ หรือฟลุคมีสามีฝรั่ง แต่อยู่มา 20 ปีก็ไม่เห็นใครขายตัวแล้วรวย นอกจากได้สามีรวย แต่งงานแล้วเลิกอาชีพนี้ไปเลย เงินได้ง่าย พอได้ง่ายก็ทำให้เราติดใจ ซึ่งตอนเราเข้าไปเราก็คิดว่าง่าย แต่ไม่ง่ายนะ เพราะเวลาทำงานเราเจอแขกสารพัดรูปแบบ ทั้งคนแก่งี่เง่า ขี้เมาซาดิสต์ วิตถาร โสโครก เจอคนตบตีทำร้าย ขโมยตังค์ สารพัด สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครออกมาพูดมาเล่า จะเห็นแค่คนขายบริการใช้ของแบรนด์เนม ใช้ชีวิตหรูหราฟุ้งเฟ้อ แต่สิ่งที่เขาโดนเขาก็ไม่ได้มาเล่าเพราะอาย ไม่อยากเล่าให้ใครฟัง ก็จะโชว์แต่ภาพลักษณ์ดีๆ ทำให้คนอื่นอยากเป็นแบบนี้บ้าง แต่พอเข้ามาแล้วไม่ได้จะออกไปได้ง่ายๆ"


พี่ทำงานขายบริการทั้งหมดกี่ประเทศ?
"4-5 ประเทศค่ะ ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุุ่น บาเรนห์"


แต่ละประเทศแตกต่างกันยังไง?
"ก็เริ่มจากการทำงาน ฮ่องกงกับสิงคโปร์เราทำงานใช้หนี้เป็นรายหัว ระยะการทำงานสั้นไม่เกิน 1 เดือน สิงคโปร์ใช้หนี้ประมาณ 80 คน ระยะการทำงานคือสองอาทิตย์ขึ้น สองอาทิตย์คุณต้องใช้หนี้ให้หมด 80 คนหรือ 150 คน อันนี้เราจะไม่ได้ค่าตัวแม้แต่บาทเดียว เราต้องใช้หนี้ให้หมดก่อนแล้วมาหารแบ่งกันอีก"


หนี้อะไร?
"ค่าแท็กค่ะ คือค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่พ่อแท็กหรือแม่แท็กจัดส่งเราไป ญี่ปุ่นเราใช้หนี้เป็นตัวเงิน เราอยู่ได้ยาวนานเป็นโรบินฮู้ด บางคนอยู่ได้ 7-10 ปีก็มี"


ไม่โดนตร.หรือตม.?
"มีค่ะ ถ้าวันไหนซวยก็จะโดนจับ เพราะเวลาเราไป เราจะมีวีซ่า 3 เดือน ถ้าเกิน 3 เดือนวันไหนตร.ขึ้นร้านก็รวบเราไป หรือบาเรนห์ ตร.มาล่อซื้อแล้วจับเราไป เราก็ซวยแล้วส่งกลับ เราเองแทบทุกครั้งที่โดนจับไม่เคยมีเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ไม่เคยพกตังค์ ไม่มีเงินติดตัว ก็ถูกส่งกลับ"


มีประสบการณ์หนักหนาสาหัส?
"ญี่ปุ่นหนัก เพราะเราไปอยู่กับแก๊งมาเฟีย เราเข้าไปโดยไม่รู้ตัว แล้วเราถูกบังคับให้ทำโน่นนี่นั่น โชคดีตรงที่คนเอาเราไปอยู่กับยากูซ่า ซึ่งหนิงไม่ได้ถูกบังคับให้ทำงาน แต่หนิงต้องดูแลคนในร้าน เรารู้สึกถูกตีกรอบ ไปไหนไม่ได้ เราเลยหนีไปหาอิสระของเราเอง อยากทำงานหาเงินเก็บเงินเอง เราถูกจับได้ ก็ถูกตีถูกซ้อม การทำงานในญี่ปุ่น ไปเจอมาเฟีย ยากูซ่า หรือแขกวิตถาร ตีเรา ก่อนทำร้ายร่างกายมันเกิดจากเราไม่ยอมทำตามใจเขา เขาก็บันดาลโทสะ ตบตีกัน เจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยมาก ตื่นมาแขกขโมยตังค์ก็มี ถ้าคิดจะมาขายตัวคุณเตรียมใจไว้เลย สิ่งพวกนี้เขาไม่เคยรู้ เขาไม่เคยมาขาย ได้แต่เห็นคนพวกนี้แต่งตัวดี แต่ไม่รู้ว่าโดนอะไรมาบ้าง เพราะไม่มีใครพูด เราไม่มีโอกาสเลือกแขกนะ ถ้าคุณไปทำงานต่างประเทศคุณจะเลือกแขกไม่ได้ เขาจับยัดอะไรให้ก็ต้องไป ไม่ทำก็ไม่ได้ บางทีเข้าไปเจอแขกเล่นยา เราก็ต้องอยู่ให้ได้"


ขณะทำงาน มีที่พักอาศัยเป็นของเรามั้ย?

"แรกๆ เป็นเด็กแท็ก แม่แท็กจะมีบ้านให้อยู่รวมกันแออัด แต่ถ้าเราใช้หนี้หมดแล้ว เราก็ไปห้องเช่าที่พักที่อาศัยเอง บางคนเลือกไปอยู่ซ่อง หนิงก็เลือกลงซ่องเพราะได้เงินดีที่ญี่ปุ่น แต่สภาพความเป็นอยู่นอนในซ่อง ลองคิดดู ไม่รู้จะไปไหน แต่ก็โอเคไม่ต้องเช่าบ้าน หน้าที่เราคือตื่นมาก็ทำงานรับแขก หรือซ่องในบาเรนห์ จะมีเดินงานในตึก เขาจะเอาเราไปปล่อยไว้ในโรงแรม ให้อยู่รวมกันเยอะๆ หลายคนในห้อง พอแขกมาก็กดออด หรือโทรว่าแขกมา แขกก็จะเดินมาเลือก เราอยู่กันห้าคนสิบคนในห้อง แขกเลือกเสร็จก็ไปทำงานตามห้อง หรืออาจอยู่ห้องนอนห้องใครห้องมัน แขกเข้ามาปุ๊บก็รับแขกเลย ไม่ต้องตกลงอะไรกัน"


ต่อวันเคยรับแขกมากที่สุดกี่คน?
"ฮ่องกงเราต้องทำรอบให้ได้มาก 40-50 ก็ต้องทำ วันนึงเราทำงานตั้งแต่ 10 โมงเช้า เลิกงานตีสามตีสี่"


ถูกตร.จับกี่ครั้ง?
"ไปทุกประเทศโดนจับทุกที่ หนิงติดคุกทุกประเทศที่ไป สูงสุดเกือบเดือน สามอาทิตย์ อย่างญี่ปุ่นติดสองรอบ รอบแรกเกือบเดือน รอบสองสองอาทิตย์กว่า ฮ่องกงไม่ได้ติด แต่โดนจับ ตร.ส่งเรากลับเลย สิงคโปร์ก็ติดเกือบเดือนเหมือนกัน การที่คนไปติดคุกนานๆ หมายถึงไม่มีเงินค่าตั๋วเครื่องบิน ต้องรอไปเรื่อยๆ จนกว่าญาติจะส่งเงินมา หรือรอจนกว่าใครจะบริจาคเรี่ยไรให้เรา  ออกช้าออกไวก็อยู่ที่เรามีเงินประกันตัวหรือเปล่า"


มีประเทศนึงเห็นว่าไปให้ตร.จับเอง?
"ที่ฮ่องกงค่ะ วันนั้นเป็นครั้งแรกที่เราเดินทางไปนอกประเทศแล้วรับแขกเยอะมากมายขนาดนั้น มันไม่ไหวจริงๆ ขาสั่นไปหมดแล้ว วันนึงเยอะมาก หนิงก็ไม่เอาแล้ว อยากกลับบ้าน ถึงแม้ที่ทำมาจะฟรีหมดก็ช่างมัน วันนี้ต้องกลับบ้าน ก็เดินไปหาตร.ในเครื่องแบบ ตร.ในเครื่องแบบในฮ่องกงเขาไม่ได้มีหน้าที่มาไล่จับผู้หญิง เขาก็ไม่ได้อยากจะจับหนิงเพราะไม่ใช่หน้าที่ของเขา เราก็บอกเขาว่าฉันอยากกลับบ้าน เขาก็ถามว่าทำไมเพราะอะไร ก็เลยบอกเขาว่าเราทำงานเยอะมาก เหนื่อย ไม่ไหว อยากกลับเมืองไทย"


เลิกอาชีพขายบริการได้ยังไง?
"ก่อนหน้าที่หนิงจะไปบาเรนห์ เคยเลิก 7 ปี เพราะมีแฟนเป็นคนไทย หนิงบอกเลยคนขายบริการทุกคนจะเลิกอาชีพนี้ได้ก็ต่อเมื่อเรามีคนที่เรารัก พออยู่กับคนที่รักไม่ว่าทำอะไรเราก็อยู่ได้ หนิงไปอยู่แม่กลองมา 7-8 ปีกับผู้ชายคนนี้ แล้วหนิงก็ทำทุกอย่างที่ตัวเองไม่เคยทำ ไปขายของตลาดนัด ขายข้าวแกงขายเสื้อผ้า ทำทุกอย่าง บอกตรงๆ ตอนนั้นรู้สึกมันเหนื่อยและอายที่ต้องยืนขายของ แต่เราอยู่ได้เพราะรักผู้ชาย จนวันนึงเขาเจอผู้หญิงคนใหม่เขาก็ทิ้งเรา หนิงก็วนกลับมา แต่ยังไม่ได้ขายตัวนะ จริงๆ ไม่ได้อยากทำอาชีพนี้เลย ก็ไปขายขนม เป็นพนักงานปูเตียงอยู่ 2 ปี แต่ชีวิตไม่ได้ดีขึ้น ก็เลยขออีกสักครั้ง อยากมีที่อยู่อาศัย ก็เลยไปบาเรนห์ จนไปบาเรนห์ 3 ปีแล้วโดนจับกลับมา มันเลิกได้จริงๆ หลังเราเขียนหนังสือเราเริ่มเห็นคุณค่าของตัวเองว่ามีนักศึกษาเขาให้เกียรติเราไปเป็นวิทยากร เอาเรื่องของเราไปทำวิทยานิพนธ์ แทบจะทุกสถาบันเลยนะ เริ่มเห็นคุณค่า ก็เลยไม่ไปแล้ว เลิกขายดีกว่า ไม่อยากขายตัวอีกแล้ว"


ประเทศที่ไป มีหญิงไทยขายบริการเยอะมั้ย?
"เยอะมาก ทุกประเทศทั่วโลก มีคนไทยไปขายบริการ ขณะที่บางประเทศชาติโน้นชาตินี้เข้าไม่ได้ แต่ไทยเข้าได้ หญิงทำอาชีพนี้แต่ก่อนคิดว่าจีนเยอะที่สุดแต่ไม่ใช่ โสเภณีไทยบ้านเราเยอะกว่า ใน 100 คนมีแล้ว 5-10 คน ลองคิดดูว่าเยอะแค่ไหน"


พอเลิกจากอาชีพนี้ก็มาเป็นนักเขียนและเป็นยูทูปเบอร์ แต่ไม่วาย มีเรื่องที่เกิดกับตัวเองคือถูกว่า ถูกบูลลี่ขณะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้คลินิกแห่งหนึ่ง?
"เจ้าของคลินิกแห่งนี้จริงๆ เขาดีมากนะ เขาเป็นแฟนคลับพี่หนิงเอง แล้วเขาเชิญให้หนิงเป็นพรีเซ็นเตอร์ โฆษณาโน่นนี่นั่น ทำหน้าให้หนิง ทีนี้จะมีนักพยากรณ์ในคลินิกเขาบอกว่าพี่หนิงทำจมูกดีกว่า เพราะจมูกพี่หนิงมันทรัพย์ไม่ดี เราก็เลยขึ้นเตียง เสร็จแล้วมีพนักงานสองคนอยู่ในห้อง คนนึงเดินออกไป อีกคนก็ถูกเรียกออกไปข้างนอก หมอเรียก แล้วน้องกลับเข้ามาว่าหมอไม่ผ่านะ ให้พี่หนิงไปตรวจเลือดก่อนเผื่อมีโรคแทรกซ้อน ให้ไปหาค่า HIV หนิงก็อ้าว กำลังจะผ่าอยู่แล้ว แล้วให้ไปตรวจเลือด เจาะเลือดตรวจเลยก็ได้ เพราะเราเพิ่งผ่าตัดปีที่แล้ว เจาะเลือดก็ไม่ได้เป็นอะไร พี่หนิงไม่ได้มีแฟน ไม่ได้นอนกับใคร เรากลับจากต่างประเทศเราตรวจเอดส์ตรวจร่างกายหมด เราไม่ได้เป็นอะไร จนหนิงกลับบ้านไปสองวันก็รู้สึกแย่มาก เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรง ทางคลินิกเลยโทรมาบอกว่าถ้าพูดอะไรต้องรับให้ได้ อย่าโกรธ ที่เขาไม่ได้ทำเพราะน้องคนนึงบอกว่าพี่หนิงเคยเป็นโสเภณี เคยขายตัวมา ไม่เหมาะเป็นพรีเซ็นเตอร์ เราก็อ๋อ โอเค เก็ตแล้วเข้าใจ คงคิดว่าเราไม่เหมาะเป็นพรีเซ็นเตอร์ จุดจบอยู่ตรงที่เราเคยขายบริการ ซึ่งใช้คำที่แรงกว่านี้ เราก็เลยรู้สึกว่าเขาบูลลี่เรา สองมาตรฐาน 10 ปีที่ออกมา พยายามบอกน้องๆ ทุกคนให้หยุดขายแล้วมาทำอาชีพสุจริต ขณะที่ไม่มีพื้นที่ให้พวกเรา หนิงก็ไม่แปลกใจว่าทำไมผู้หญิงพวกนี้ถึงวนเข้าวนออกทำไมคนติดคุกถึงต้องวนเข้าวนออก เพราะไม่มีพื้นที่ให้คนเหล่านี้ สังคมไม่ให้โอกาส"


รู้สึกยังไง?
"รู้สึกแย่มาก เสียใจ ไม่ได้เหมารวมนะคะ แต่รู้สึกว่าก็สมควรแล้วที่โสเภณีไทย มีเยอะมากมายขนาดนี้ เพราะไม่มีพื้นที่ ไม่มีใครอยากบอก อย่างพี่หนิงบอกแล้วผลลัพธ์ก็จะเป็นแบบนี้ อยู่ที่พี่หนิงจะรับได้มากน้อยแค่ไหน จริงๆ อาชีพนี้ไม่ควรเข้ามา ยังมีอาชีพอื่นที่ได้เงินดีกว่านี้ หนิงไม่เคยคิดว่าอาชีพที่ได้เงินดีคืออาชีพขายของออนไลน์ เมื่อก่อนใครชวนขายของโคตรโกรธเลย แต่พอขายของดีกว่าขายตัวอีก ไม่ต้องเหนื่อย ตื่นมาเปิดโทรศัพท์รับออเดอร์ บางวันขายได้เป็นหมื่นโดยไม่ต้องทำอะไร เรานอนอยู่ในบ้าน ขายของแล้วรวยนะคะ แล้วก็มีเกียรติกว่า"


20 กว่าปีที่ผ่านมาเรียกว่าเป็นชีวิตที่ตกนรกได้มั้ย?
"มากค่ะ มันตกนรกแล้วดิ่งมาก พี่หนิงติดคุกทุกที่ ติดคุกเพราะเป็นโสเภณีไม่มีอะไรแย่กว่านี้อีกแล้ว การถูกจองจำ ไม่มีอิสรภาพ ใครขายตัวจะถูกตีตราไปจนตายนะถ้าเขารู้ คุณมีสามี ทะเลาะกันวันไหน สามีคุณจะขุดเรื่องนี้ขึ้นมา คุณอย่ามาทำเลย ไปทำอย่างอื่นดีกว่า"


ปิดเว็บพอร์นฮับคิดว่าเป็นยังไง?

"หนิงว่ามันไม่น่าเสียหาย คนดูก็ดูแต่ไม่ได้ใช้บริการ อาจช่วยตัวเองก็แล้วแต่ หนิงว่าไม่น่าเสียหายอะไร ดีด้วยไม่ต้องเสียตังค์ไปใช้บริการ แค่ดูแล้วจัดการกับตัวเอง(หัวเราะ)"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook