ข้อควรรู้เกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกขณะตั้งครรภ์ เรื่องสำคัญที่คุณแม่ต้องใส่ใจ
ผู้หญิงเราทราบกันดีว่ามะเร็งปากมดลูกเป็นโรคมะเร็งที่พบได้มากที่สุดในสตรีเป็นอันดับ 2 ของโลก และยังเป็นโรคมะเร็งที่มักเกิดกับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุประมาณ 30-35 ปี ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะแรก เพราะในช่วงฝากครรภ์นั้นจะมีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนั่นเอง วันนี้เราจึงขอนำข้อควรรู้เกี่ยวกับโรคชนิดนี้ที่เกิดกับหญิงตั้งครรภ์มาให้ได้ทำความเข้าใจ เพื่อที่จะสามารถรับมือป้องกันได้อย่างทันท่วงทีกันค่ะ
สาเหตุและอันตรายจากการเป็นมะเร็งปากมดลูก
สาเหตุของการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้นมาจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งจากการวิจัยพบว่า 99.7% ของผู้ป่วยโรคชนิดนี้จะพบเชื้อไวรัสชนิด HPV ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ในส่วนของอันตรายจากการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกนั้นก็คือ ผู้ป่วยไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายได้รับเชื้อไวรัสชนิดดังกล่าว และมักไม่มีการแสดงอาการของโรคแต่อย่างใดจนกว่าจะเข้าสู่ระยะสุดท้าย และที่สำคัญผู้หญิงมักจำเป็นต้องตัดมดลูกทิ้งเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อการลุกลามของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่นๆ
อาการของโรคมะเร็งปากมดลูกที่เกิดขึ้นในขณะตั้งครรภ์
ในส่วนของอาการโรคมะเร็งปากมดลูกที่เกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์นั้น จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงและระยะของโรคที่เกิดขึ้น ซึ่งในระยะแรกยังไม่มีอาการผิดปกติที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกตัว แต่จะเริ่มเข้าพบแพทย์เมื่อเริ่มมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด มีตกขาวผิดปกติไปจากเดิม และมีหนองเหม็นคล้ายกลิ่นเน่า
วิธีรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกในขณะตั้งครรภ์
สำหรับวิธีการรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกในขณะตั้งครรภ์นั้นจะมีทั้งการผ่าตัดบริเวณปากมดลูก การให้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง การให้เคมีบำบัดโดยเคมีจะเข้าในเลือดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง และการสร้างภูมิคุ้มกันโดยการใช้ยาบางชนิดเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายในการทำลายมะเร็ง
วิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก
การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูกที่แนะนำให้ผู้หญิงใส่ใจอย่างมากก็คือ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่ถึงวัยเจริญพันธุ์ซึ่งมีเพศสัมพันธ์แล้ว ผู้หญิงในช่วงอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรตรวจอย่างน้อยปีละครั้ง ส่วนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากพบเจอเซลล์ผิดปกติที่บริเวณปากมดลูกในระยะแรกก็สามารถรักษาก่อนจะลุกลาม นอกจากนี้ยังมีวิธีการป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก รวมทั้งการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ทั้งการสูบบุหรี่ การมีคู่นอนไม่ซ้ำ และการมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
แน่นอนว่าผู้หญิงไทยยังคงมีการตรวจพบมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคมะเร็งชนิดนี้ แนะนำให้ทำการตรวจมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในกลุ่มคุณแม่ควรหมั่นใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากๆ เพื่อเป็นการลดอัตราการเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้นได้กับทั้งคุณแม่และลูกนั่นเอง