เปลี่ยนหุ่นพัง ให้ปังรับปีใหม่ ด้วย Hypoxi นวัตกรรมการออกกำลังกายสุดเจ๋ง

เปลี่ยนหุ่นพัง ให้ปังรับปีใหม่ ด้วย Hypoxi นวัตกรรมการออกกำลังกายสุดเจ๋ง

เปลี่ยนหุ่นพัง ให้ปังรับปีใหม่ ด้วย Hypoxi นวัตกรรมการออกกำลังกายสุดเจ๋ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ช่วงเวลาที่หลายคนมีความสุขกับการปาร์ตี้ กิน ดื่ม เที่ยว จนลืมตัว น้ำหนักพุ่งสูงขึ้น จนอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว สำหรับสาวๆ ที่ยังไม่อยากปล่อยตัวให้หุ่นพังไปเรื่อยๆ Sanook Women มีเคล็ดลับดูแลตัวเองมาแนะนำ

ครั้งนี้เราได้ไปลอง HYPOXI นวัตกรรมการออกกำลังกายรูปแบบใหม่ ที่ช่วยเสริมให้ร่างกายทำงานได้มีประสิทธิภาพ เผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น ลดไขมันเฉพาะจุดและส่วนที่ลดได้ยากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมให้มีหุ่นฟิตปังต้อนรับปีใหม่


ตัวนี้เป็นเทคโนโลยีการออกกำลังกายในระดับเบาถึงปานกลาง (Low Impact) รูปแบบใหม่ ซึ่งคิดค้นโดย Dr. Norbert Egger นักวิทยาศาสตร์การกีฬาชาวออสเตรีย ที่ได้ผสานประสบการณ์และองค์ความรู้เกี่ยวกับการออกกำลังกายและกายภาพบำบัดเข้ากับเทคโนโลยีการบีบอัด โดยมีทีมนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรเครื่องกลร่วมพัฒนาอุปกรณ์ออกกำลังกายแนวใหม่นี้ จนเกิดเป็นอุปกรณ์สุดล้ำอุปกรณ์แรกและอุปกรณ์เดียวที่ใช้เทคโนโลยีการบีบอัดร่วมกับการออกกำลังกาย ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ HYPOXI เหมาะสำหรับคนที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย มีอาการบาดเจ็บ หรือเคยได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัดต่างๆ รวมไปถึงคนที่อยู่ในกลุ่มโครงสร้างร่างกายใหญ่ หรือมีกรรมพันธุ์ช่วงล่างของลำตัวใหญ่


ภายในเครื่องจะติดตั้งระบบสุญญากาศที่มีแรงดันขั้วบวกขั้วลบ ช่วยในการกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือด เพิ่มระดับออกซิเจนในเลือด ให้เกิดการเผาผลาญไขมันในจุดที่สะสมและกำจัดได้ยาก ทำให้สามารถเผาผลาญไขมันเฉพาะส่วนได้ตรงจุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ลดได้ยาก อย่างเช่น ท้องล่าง สะโพก ต้นขา หรือแม้กระทั่งผู้ชายที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องจากการดื่ม ช่วยลดเซลลูไลท์ นับเป็นวิธีการปรับรูปร่างที่อย่างเฉพาะเจาะจงตรงจุด

โดยการออกกำลังด้วย HYPOXI จะอยู่ภายใต้การดูแลของโค้ชผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด เริ่มจากการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ และออกแบบโปรแกรม HYPOXI รวมถึงการดูแลโภชนาการเฉพาะบุคคล เพื่อผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และยั่งยืน

ได้เวลาลองของจริงแล้ว มาเริ่มกันเลย กับการทดลองเจ้าตัว HYPOX


ที่นี่เขาจะมีหลายเครื่องให้ลอง ต้องเลือกตัวที่เหมาะกับตัวเองจะดีที่สุดค่ะ ตัวแรกที่เราลองคือเครื่อง Dermology ก่อนทำทุกสิ่งอย่างคือการใส่ชุดของเขาค่ะ เป็นชุดคล้ายชุดนักประดาน้ำ สวมคลุมไปตั้งแต่ต้นคอจนถึงปลายเท้า ชุดจะค่อนข้างรัด จากนั้นก็มีสายระโยงระยางเต็มตัวไปหมด แต่ไม่น่ากลัวใดๆ เลยนะคะ ใช้เวลานอนนิ่งๆ อยู่บนเครื่องประมาณ 20 นาที ตัวอุปกรณ์จะทำงานเน้นๆ ช่วงหน้าท้องถึงต้นขาบน จะเป็นเหมือนอารมณ์บับเบิ้ลค่อยๆ ฟู ค่อยๆ ลด รู้สึกเพียงแค่ตุบๆ เท่านั้นค่ะ ไม่รู้สึกเจ็บใดๆ ระหว่างทำจะปล่อยตัวให้หลับสบายไปเลย หรือเล่นมือถือเพลินๆ ก็ได้ ไม่เป็นอันตราย

สำหรับเครื่องนี้จะใช้ระบบสูญญากาศ และความดันอากาศแบบอ่อนโยน ในการกระตุ้นการเผาผลาญบริเวณที่ต้องการจะลดได้ค่ะ



จากนั้นต่อที่เครื่องที่ 2 ที่เราได้ลองคือเครื่อง VACUNAUT ตัวนี้จะเป็นลู่วิ่ง ให้ระดับความเหนื่อยขึ้นมาอีกนิด แต่ไม่หนักเกินไป เริ่มแรกเลยคือใส่ชุดของเขาเหมือนเดิมค่ะ ตัวชุดค่อนข้างจะมีน้ำหนักพอควร แต่จะไม่ใช่ชุดเต็มตัวเหมือนชุดแรก จากนั้นก็ติดอุปกรณ์ พ่วงด้วยสายระโยงระยางเหมือนเดิม แล้วเราก็ใช้เวลาอยู่บนเครื่องนี้ประมาณ 30 นาที โดยวิ่งช้าๆ บนลู่เพื่อให้การเบิร์นไปสู่เป้าหมายที่ต้องการค่ะ
 
จะให้เห็นผลที่ชัดเจนที่สุด ควรทำต่อเนื่อง 4 สัปดาห์ แต่เหนือสิงอื่นใด นอกจากเจ้าเครื่อง HYPOXI จะช่วยให้รูปร่างเราฟิตแอนด์เฟิร์มแล้ว ก็อยุ่ที่ตัวเราล้วนๆ ด้วยนะ จะกิน จะทำอะไรก็ต้องไม่ตามใจปากเกินไปค่ะ


นอกจากนี้เรายังมีเคล็ดลับดูแลตัวเองง่ายๆ ให้รูปร่างไม่พังมาฝากแล้วค่ะ

เพิ่มการใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน

แนวทางสำหรับการลดไขมันแบบง่ายๆ ที่จะช่วยเพิ่มการเบิร์นและสามารถทำได้ในทุกวัน คือ การเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้นในกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน โดยหลักการของ NEAT หรือ Non-Exercise Activity Thermogenesis คือ การเพิ่มการเผาผลาญไขมันจากกิจกรรมที่ทำในแต่ละวันที่ไม่ใช่การออกกำลังกาย ด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและเลือกทำกิจกรรมที่ใช้แรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเดินมากขึ้น ยืนมากขึ้น หรือขยับร่างกายเป็นประจำ

เมื่อพูดเป็นภาพรวมอาจจะทำให้ลงมือทำได้ยาก เรามีวิธีเริ่มต้นง่ายๆ ให้สามารถลงมือทำได้จริง โดยปรับจากหลักการสร้างนิสัยใหม่ เริ่มจากการเขียนลิสต์กิจวัตรประจำวันที่เราทำทุกๆ วัน แล้วลองเพิ่มกิจกรรมการเผาผลาญไขมันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต ยกตัวอย่างเช่น ตอนเข้า ฉันจะเดินเข้าซอยไปทำงาน (แทนนั่งมอเตอร์ไซต์รับจ้าง) ฉันจะเดินขึ้นบันได (แทนการขึ้นลิฟต์) ช่วงพักเที่ยง ฉันจะลุกออกจากโต๊ะทำงาน ไปกินข้าวนอกออฟฟิศและเดินเล่น (แทนการกินข้าวหน้าคอมฯ) ฉันจะลุกขึ้นยืนหรือเดินเป็นระยะระหว่างการทำงานในช่วงบ่าย (แทนการนั่งโต๊ะทำงานนานๆ) ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันจะชวนลูกๆ ทำงานบ้านหรือไปวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะ (แทนการนั่งดูการ์ตูน)

การเขียนกิจกรรมต่างๆ ที่เราทำในแต่ละวันเป็นลิสต์ออกมาจะช่วยให้เราเห็นภาพชัดเจน ทำให้สามารถแทนที่กิจวัตรต่างๆ ที่เคยชิน ด้วยกิจกรรมที่แอคทีฟ ให้ช่วยร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น หากสามารถลงมือทำด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเล็กๆ น้อยๆ นอกจากจะเบิร์นแคลอรี่ได้มากกว่าเดิมได้วันละหลายร้อยแคลอรี่ ก็อาจกลายเป็นนิสัยใหม่ ทำให้คุณเป็นคนที่ชอบการเคลื่อนไหวออกแรงและกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วมากขึ้น

กินอาหารให้สมดุล

ในงานเลี้ยงและการสังสรรค์ช่วงเทศกาล มักมีหลากหลายเมนูอร่อยชวนอ้วนที่ล่อต่อล่อใจ ดังนั้นการเลือกรับประทานอาหาร และรับประทานอาหารในปริมาณที่พอดีและสมดุล คือกุญแจหลักของการคุมอาหารแบบง่ายๆ พยายามหลีกเลี่ยงอาหารแคลอรี่สูง เมนูเฟสทีฟแสนอร่อยแต่เต็มไปด้วยไขมัน แป้งและน้ำตาล หรือมีรสหวานจัด เลือกตักอาหารที่เป็นโปรตีน ซึ่งช่วยให้เราอิ่มท้องนานและช่วยเพิ่มระบบการเผาผลาญ และเน้นผัก ผลไม้ให้ได้มากที่สุดในแต่ละมื้อ รับประทานอาหารที่หลากหลายเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

นอกเหนือไปจากช่วงเวลาสังสรรค์ อาจเริ่มปรับลิสต์รายการช็อปปิ้งของสดโดยเน้นเมนูรักสุขภาพ โดยจัดแบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น โปรตีน (ไข่ไก่ เนื้อไก่ แซลมอน ทูน่า ปลาต่างๆ เต้าหู้ เทมเป้) ผักสด (บรอกโคลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปลี หน่อไม้ฝรั่ง ผักกวางตุ้ง แตงกวา เห็ด มะเขือเทศ) ผลไม้ (อะโวคาโด แอปเปิ้ล เลมอน มะนาว เบอร์รี แตงโม แก้วมังกร) รวมไปถึงถั่วและธัญพืชต่างๆ นอกจากจะสามารถวางแผนมื้ออาหารล่วงหน้า ทำให้สามารถเลือกปรุงอาหารคุณภาพที่ดีต่อสุขภาพเมื่ออยู่บ้านหรือแพคไปทานที่ทำงาน ก็ยังเป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการกินเพื่อสุขภาพให้เป็นนิสัย เมื่อทำอย่างได้ต่อเนื่องก็จะกลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่ยั่งยืน

ไม่เพียงแต่อาหาร การดื่มอย่างมีความรับผิดชอบและดื่มแต่พอดีในช่วงเวลาแห่งการปาร์ตี้ ก็มีความสำคัญไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอเบียร์ ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการดื่มเบียร์ปริมาณมากหรือเป็นประจำ อาจทำให้ปริมาณไขมันในร่างกายเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดการสะสมตามส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณรอบเอว เพราะเมื่อดื่มเบียร์เข้าไปตับจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์ให้กลายเป็นสารแอซิเตด (Acetate) และเปลี่ยนเป็นไขมัน หากไม่สามารถเผาผลาญได้ทัน ไขมันเหล่านี้ก็จะไปสะสมที่หน้าท้อง ทำให้อ้วนลงพุง

เคล็ดลับต่างๆ นี้ นอกจากจะช่วยให้คุณฉลองปีใหม่ได้แบบหุ่นไม่พังแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ตั้งปณิธานปีใหม่เพื่อเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนใหม่ที่มาพร้อมสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาวได้อีกด้วย ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HYPOXI ได้ที่ facebook.com/HYPOXIThailand หรือเว็บไซต์ hypoxi.in.th/th 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook