THANN ชวนคุณแม่ร่วมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ใช้ศาสตร์กลิ่นหอม เสริมสร้างบรรยากาศในครอบครัว

THANN ชวนคุณแม่ร่วมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ใช้ศาสตร์กลิ่นหอม เสริมสร้างบรรยากาศในครอบครัว

THANN ชวนคุณแม่ร่วมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ใช้ศาสตร์กลิ่นหอม เสริมสร้างบรรยากาศในครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“กลิ่นส่งผลต่อความทรงจำของเรามากที่สุด” เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงการจดจำประสบการณ์ต่างๆ ผ่านความรู้สึกนึกคิดและจินตนาการสร้างเป็นเรื่องราวผสมกับความทรงจำของกลิ่นที่ได้สัมผัส ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่ทำให้สมองเด็กเกิดการพัฒนา หากได้รับการกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอ สมองก็พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัวได้ดีขึ้น ทำให้เด็กสามารถปรับตัวเข้ากับสังคม สิ่งแวดล้อมและคนรอบข้างได้ดี ‘ธัญ’ (THANN) ร่วมกับ แพทย์หญิงดุจฤดี อภิวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช จัดกิจกรรม “เสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยด้วยการใช้ศาสตร์แห่งกลิ่นหอม (Aromatherapy)” โดยมีเซเลบริตี้คุณแม่ยุคใหม่ที่เก่งทั้งการทำงานและการเลี้ยงลูก ร่วมทำกิจกรรม อาทิ เจนนิส ยังพิชิต, วาริธร กันท์ไพบูลย์ พร้อมลูกสาวตัวน้อย น้องไอรา พิพัฒน์ชูเกียรติ และ โสภิณ รองรัตน์ ที่ ธัญ แซงชัวรี่ สุขุมวิท 47


แพทย์หญิงดุจฤดี อภิวงศ์  แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช ได้แนะนำเทคนิคการใช้ศาสตร์แห่งกลิ่นหอม (Aromatherapy) สำหรับคุณแม่ยุคใหม่ว่า “เด็กจะมีพัฒนาการและการเรียนรู้ทางด้านการรับกลิ่นตั้งแต่แรกเกิด ตั้งแต่กลิ่นน้ำนม กลิ่นเหงื่อ กลิ่นผ้าอ้อม ซึ่งหลังจากอายุ 1 ขวบปีจะเริ่มมีการพัฒนาการแยกกลิ่นได้ และจะมีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ตามประสบการณ์ เมื่อจมูกได้รับกลิ่น กลิ่นจะถูกส่งผ่านประสาทรับกลิ่น (Olfactory Nerves) ซึ่งอยู่เหนือโพรงจมูกไปยังกระเปาะรับกลิ่น (Olfactory Bulbs) และส่งต่อไปยังสมองส่วนควบคุมอารมณ์และความรู้สึก (Limbic System) อณูของน้ำมันหอมระเหยจะกระจายไปตามประสาทรับกลิ่นเข้าสู่สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ และความรู้สึก (Emotion Center หรือ Limbic System) โดยไปกระตุ้นให้สมองสั่งการไปที่ระบบต่อมไร้ท่อ เพื่อหลั่งสารที่มีประโยชน์ และมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึก ที่สำคัญคือกลิ่นจะกระตุ้นการทำงานของสมองส่วนฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) ที่ควบคุมความทรงจำ ผลก็คือ สมองก็จะเกิดการจดจำสิ่งที่เห็นกับกลิ่นที่ได้สัมผัส เชื่อมโยงเป็นความทรงจำที่สัมพันธ์กับอารมณ์ในขณะนั้น ทำให้เมื่อได้กลิ่นเดิมอีกครั้ง สมองก็จะเชื่อมโยงกลิ่นกับความทรงจำแบบอัตโนมัติ

ในทางอ้อมเมื่อสมองส่วนรับกลิ่นถูกกระตุ้นก็จะเกิดการผ่อนคลาย ลดความกังวล มีความพึงพอใจและดึงดูดให้เกิดการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสและสมองมากขึ้น ทำให้มีการเชื่อมโยงของกลิ่นและประสบการณ์ต่างๆ ชัดเจนขึ้น จดจำเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านกลิ่นและคิดจินตนาการสร้างเรื่องราวจากกลิ่นได้ ดังนั้นการที่เรากระตุ้นประสาทสัมผัสทางกลิ่นให้กับลูกอย่างสม่ำเสมอนั้นจะส่งผลดีต่อการพัฒนาการของเด็ก เช่น การพาลูกไปสัมผัสกับกลิ่นหอมของดอกไม้ในสวน การใช้ผลไม้ที่มีกลิ่นหอมต่างๆ รวมถึงการสร้างบรรยากาศความหอม (Aromatherapy) ภายในบ้าน


นอกจากนั้นกลิ่นยังสามารถเชื่อมโยงอารมณ์และความรู้สึกของเด็กได้อีกด้วย หากเป็นกลิ่นที่คุ้นเคยหรือชื่นชอบก็จะทำให้รู้สึกสงบและสบายใจ ซึ่งเมื่อคุมอารมณ์ได้บ่อยๆ ระบบประสาทอัตโนมัติจะจดจำการคุมอารมณ์เมื่อได้กลิ่นนั้น นอกจากนี้เด็กยังสามารถรับรู้และสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของผู้ใหญ่ในขณะนั้นได้ด้วย ดังนั้นเด็กที่เติบโตท่ามกลางผู้ใหญ่ที่มีอารมณ์ดี ก็จะส่งผลให้เด็กเติบโตมาแบบมีอารมณ์ที่ดี ไม่มีลักษณะของการก้าวร้าวหรือร้องไห้งอแง

การใช้ประโยชน์จากน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติให้ได้ผลต่อพัฒนาการที่ดีนั้นควรควบคู่กับความปลอดภัยด้วย จริงๆ แล้วก็มีหลายงานวิจัยที่ระบุว่าน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติบางชนิดมีความปลอดภัยกับเด็กอายุมากกว่า 3 เดือน แต่ก็ควรศึกษาข้อมูลและผลของน้ำมันหอมระเหยชนิดนั้นๆ ก่อนนำไปใช้ด้วย เนื่องจากเด็กเล็กมีเนื้อเยื่อบุโพรงจมูกที่บอบบาง”


ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ในครั้งนี้เป็นผลิตภัณฑ์โฮม อะโรมา ซึ่งประกอบไปด้วย ‘เครื่องกระจายกลิ่นหอม’ (Electric aroma diffuser) ราคา 4,390 บาท ทำงานด้วยกลไกการกระจายความหอมแบบ Ultrasonic Water – Oxygen โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงถึง 2.5 ล้านรอบ/วินาที ทำให้น้ำแตกตัวเป็นไอเย็นที่มีโมเลกุลขนาดเล็กเพียง 5 ไมครอน นำพาน้ำมันหอมระเหยขึ้นสู่อากาศ กลิ่นหอมจึงกระจายตัวได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นการทำงานแบบไม่ใช้ความร้อนจึงปลอดภัยสำหรับทุกคนในครอบครัว มาพร้อมกับ 2 ฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ได้แก่ โหมดทำงานแบบต่อเนื่อง (Green Light) ตัวเครื่องจะทำงานต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง เมื่อเสร็จการทำงานเครื่องจะปิดแบบอัตโนมัติ และโหมดควบคุมจังหวะการทำงาน (Orange Light) ตัวเครื่องจะพ่นควัน 1 ครั้ง สลับกับการหยุด 30 วินาที สามารถใช้ได้ต่อเนื่องถึง 6 ชั่วโมง

‘น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ 100%’ (Pure essential oil) แต่งเติมความหอมหลากหลายรูปแบบ สามารถใช้งานร่วมกับเครื่อง Electric aroma diffuser เพื่อรังสรรค์บรรยากาศความสุขภายในบ้านได้อย่างมีรสนิยม มีให้เลือก 2 ขนาด คือ 10ml และ 50ml มีด้วยกัน 7 กลิ่น ได้แก่


กลิ่นอะโรมาติก วูด (Aromatic Wood) ที่จะช่วยเติมเต็มความเบิกบาน มีชีวิตชีวา คลายความกังวล ด้วยส่วนผสมของส้ม (Orange), แทงเจอรีน (Tangerine), จันเทศ (Nutmeg )และไม้จันทน์ (Sandalwood)

กลิ่นโอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ (Oriental Essence) หอมสดชื่นเบาสบายด้วยกลิ่นอายแห่งโลกตะวันออก ด้วยส่วนผสมของตะไคร้ (Lemongrass) และมะกรูด (Kaffir Lime)

กลิ่นอีเดน บรีซ (Eden Breeze) กลิ่นหอมที่จะมามอบความสงบ สมดุลทางอารมณ์และจิตใจ สร้างบรรยากาศแห่งความโรแมนติก ด้วยส่วนผสมของดอกมะลิ (Jasmine) และดอกกุหลาบ (Rose)

กลิ่นสปริง ฟอเรส  (Spring Forest) สะอาด สดชื่น มีชีวิตชีวา ด้วยส่วนผสมของกลิ่นหญ้าแฝก (Vetiver), เมล็ดถั่วทองกา (Tonka Bean) และดอกเจอราเนียม (Geranium)

กลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ (Lavender & Rosemary) ความหอมของดอกไม้ช่วยให้สงบผ่อนคลายด้วยส่วน ผสมของดอกลาเวนเดอร์ (Lavender )และโรสแมรี่ (Rosemary)

กลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด (Eastern Orchard) สดชื่น รื่นรมย์ ด้วยส่วนผสมของส้มยูซุ (Japanese Yuzu), มะนาว (Lemon), บลาซีเลีย เนโรลี่ (Brazilian Neroli) และดอกมะลิ (Jasmine)

กลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น (Earl Grey Infusion) กลิ่นหอมที่จะช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย ด้วยส่วนผสมของ กระวาน (Cardamom), ส้ม (Orange), ดอกลาเวนเดอร์ (Lavender) และคลารี่ เสจ (Clary Sage)


ภายในงานได้มีการแนะนำเทคนิคการผสมกลิ่นน้ำมันหอมระเหยชนิดต่างๆ เพื่อรังสรรค์ให้เกิดกลิ่นหอมใหม่ซึ่งสามารถ ผสมเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน ได้แก่ กลิ่นมอนิ่ง เวคอัพ (Morning wake up) ที่เกิดจากการผสมกลิ่นอะโรมาติก วูด 4 หยด, กลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ 4 หยด และกลิ่นอีเดน บรีซ 2 หยด

กลิ่นอีฟนิ่ง รีทรีท (Evening retreat) ที่เกิดจากการผสมกลิ่นอีเดน บรีซ 5 หยด, กลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ 3 หยด และกลิ่นสปริง ฟอเรส  2 หยด

กลิ่นรีแล็กซ์ซิ่ง โมเม้นท์ (Relaxing moment) ที่เกิดจากการผสมกลิ่นสปริง ฟอเรส  4 หยด, กลิ่นอีเดน บรีซ 3 หยด และกลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด 3 หยด

กลิ่นเฮฟเว่นลี่ แพมเพอริ่ง (Heavenly pampering) ที่เกิดจากการผสมกลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด 4 หยด, กลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น 4 หยด และกลิ่นสปริง ฟอเรส  2 หยด

กลิ่นเนเชอรัล บลิซ (Natural Bliss) ที่เกิดจากการผสมกลิ่น กลิ่นดอกลาเวนเดอร์และโรสแมรี่ 6 หยด, กลิ่นอีเดน บรีซ 3 หยด และกลิ่นโอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ 1 หยด

กลิ่นซิมเพิ้ล แฮปปี้เนส (Simple happiness) ที่เกิดจากการผสมกลิ่นโอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ 3 หยด, กลิ่นอีเดน บรีซ 4 หยด และกลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด 3 หยด

และกลิ่นสปริง บาลานซ์ซิ่ง (Spirit balancing) ที่เกิดจากการผสมกลิ่นอีเดน บรีซ 4 หยด, กลิ่นอะโรมาติก วูด 3 หยด และกลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น 3 หยด


บรรยากาศในการเวิร์คช็อปเต็มไปด้วยความสนุกสนาน โดยมีเหล่าเซเลบริตี้คุณแม่คนสวยให้เกียรติมาร่วมแนะนำเคล็ดลับการเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างสมวัยตามแบบฉบับคุณแม่ยุคใหม่ พร้อมเผยเทคนิคการเลือกกลิ่นหอมให้กับลูกๆ เริ่มที่คุณแม่ลูกแฝด เจนนิส ยังพิชิต กล่าวว่า “ในช่วงสองขวบแรกของลูกเป็นช่วงที่เราทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับการดูแลเขา โดยเราจะให้อิสระกับลูก เปิดโอกาสให้เขาได้ทดลอง ได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้มีพัฒนาการไปตามวัยและตามศักยภาพของตัวเอง ให้ลูกได้เรียนรู้ที่จะมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองทำ ซึ่งลูกแต่ละคนก็มีความชอบที่แตกต่างกันอย่างลูกชายจะชอบกีฬา ส่วนลูกสาวชอบศิลปะ ส่วนตัวมองว่าการสร้างบรรยากาศที่ดีภายในบ้านด้วยการใช้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ นอกจากจะสร้างความผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยให้ลูกๆ มีอารมณ์ที่สดใส ร่าเริงได้อีกด้วย ซึ่งเราจะเลือกใช้กลิ่นที่มีความหลากหลายและมีการเปลี่ยนกลิ่นในแต่ละวันอยู่เสมอ เพื่อสร้างให้เกิดความแปลกใหม่ไม่จำเจ สำหรับกลิ่นที่ลูกๆ ชอบคือ กลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด และสปริง ฟอเรส เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น มีชีวิตชีวา โดยเราจะใช้ควบคู่กับเครื่องกระจายกลิ่นหอม เพราะสามารถกระจายกลิ่นหอมได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุมพื้นที่ได้มาก”



ถัดมาที่คุณแม่ดีไซน์เนอร์สาวสวย วาริธร กันท์ไพบูลย์ เผยว่า “แม้ว่าเราต้องรับผิดชอบอะไรหลายอย่างทั้งเรื่องดูแลลูก ดูแลบ้าน และทำงานด้วย แต่เราก็สามารถจัดสรรเวลาให้ลงตัวได้ ที่สำคัญต้องแบ่งเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองด้วย ไม่อย่างนั้นอาจทำให้เราเกิดความเครียดจากการที่ต้องจัดการอะไรหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ วิธีสร้างความผ่อนคลายเรานั้น ส่วนใหญ่เราใช้เวลากิจกรรมร่วมกันกับลูก พร้อมเปิดเพลงฟังเบาๆ ควบคู่กับการใช้กลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยธรรมชาติมาช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีภายในบ้าน ส่วนตัวเชื่อว่ากลิ่นหอมสามารถสร้างความผ่อนคลายและมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการของลูกโดยเฉพาะด้านอารมณ์ เพราะถ้าพื้นฐานเขาเป็นคนอารมณ์ดี เราก็จะสามารถสอนสิ่งต่างๆ ให้เขาได้ไม่ยาก ส่วนกลิ่นหอมที่น้องไอราชอบคือกลิ่นโอเรียนทอล เอสเซ้นซ์ เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ช่วยให้หายใจโล่งสบาย และหลับลึกขึ้น เคล็ดลับในการเลี้ยงลูกของเป้คือ เราจะไม่เป็นคนเข้มงวดกับลูกในทุกเรื่องจนมากเกินไป แต่จะคอยสังเกตดูว่าช่วงวัยนี้เขากำลังชอบหรือสนใจอะไร แล้วเราก็จะส่งเสริมให้เขาได้ลองทำทุกอย่างในสิ่งที่เขาชอบหรืออยากลอง หากถ้าสิ่งไหนไม่สามารถทำได้ เราก็จะอธิบายถึงเหตุผลให้เขาเข้าใจ”



ปิดท้ายที่คุณแม่ลูกสอง โสภิณ รองรัตน์ เล่าว่า “การเลี้ยงลูกของเราจริงๆ แล้วก็ไม่ได้กำหนดกฏเกณฑ์อะไรตายตัว แต่เราจะเน้นเรื่องหลักการใช้เหตุผลมากกว่า ว่าทำอะไรจะส่งผลกระทบแบบไหน เพื่อให้เขาสามารถใช้ชีวิตในการเข้าสังคมในยุคปัจจุบันได้ การที่เราเป็นเวิร์กกิ้งมัมทำธุรกิจของตัวเอง เลี้ยงลูกเองนั้น ก็อาจจะทำให้เราเหนื่อยและเครียดบ้างเป็นธรรมดา แต่เราก็จะหาเวลาพักผ่อนในช่วงวันหยุดไปเข้าสปาทำทรีทเม้นท์เพื่อความผ่อนคลาย รวมถึงไปออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายสดชื่น จริงๆ แล้วส่วนตัวมีความชอบในการใช้กลิ่นหอมเพื่อสร้างบรรยากาศภายในบ้านอยู่แล้ว อย่างที่บ้านเราก็จะวางเครื่องกระจายกลิ่นหอมในพื้นที่ส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องรับแขก ห้องน้ำ ซึ่งแต่ละห้องเราก็จะใช้กลิ่นที่ต่างกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน อย่างเช่น ห้องน้ำก็จะใช้กลิ่นอีสเทิร์น ออร์ชาร์ด เพราะเป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น ห้องรับแขกจะใช้กลิ่นอะโรมาติก วูด เพราะเป็นกลิ่นที่ให้ความสดชื่นมีชีวิตชีวา ส่วนห้องนอนของเราและลูกจะใช้กลิ่นเอิร์ลเกรย์ อินฟิวชั่น เพราะช่วยให้เราและลูกนอนหลับได้ดีขึ้น”

ร่วมสร้างสรรค์บรรยากาศความหอม พร้อมสร้างความผ่อนคลายภายในบ้านกับผลิตภัณฑ์กลุ่ม ‘โฮม อะโรมา’ (Home Aroma) อาทิ ‘เครื่องกระจายกลิ่นหอม’ (Electric aroma diffuser) และ ‘น้ำมันหอมระเหยธรรมชาติ 100%’ (Pure essential oil) ทั้ง 7 กลิ่น ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์  www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 16 สาขาทั่วประเทศ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook