เคล็ด (ไม่) ลับดูแลผิวสวยอย่างไม่กลัวผิวเสีย พร้อมวิธีรับมือกับฝุ่น PM 2.5
บรรยากาศในช่วงนี้มองไปทางไหนก็มักจะได้เห็นหมอกขาวๆ หนาแน่นลอยเหนือยอดตึกสูงเต็มไปหมด แต่ทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วหมอกที่เราเห็นนั้นคือ มลพิษที่ลอยในอากาศ (Airborne particulate matter pollution) อย่าง PM 2.5 (Particulate Matter) หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญในชีวิตประจำวันซึ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้ และส่งผลเสียต่อระบบทางเดินหายใจ และสุขภาพผิวโดยตรง
โดยฝุ่น PM 2.5 จะไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (Oxidation) กับชั้นฟิล์มไขมันเคลือบผิว (Sebum) ที่ทำหน้าเสมือนเกราะปกป้องผิวให้เกิดการระคายเคือง อักเสบ อุดตัน นำมาซึ่งปัญหาผิว อาทิ สิว ริ้วรอย รวมถึงความหมองคล้ำ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ‘ธัญ’ (THANN) คำนึงถึงปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากการเผชิญกับมลภาวะฝุ่นละอองในปัจจุบัน จึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงกนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช จัดกิจกรรมแนะเคล็ด(ไม่)ลับ ‘ดูแลผิวสวยอย่างไม่กลัวผิวเสีย พร้อมวิธีรับมือกับฝุ่น PM 2.5’ กับผลิตภัณฑ์ดูแลผิว อาทิ ดีท็อกซิฟายอิ้ง เคลย์ มาส์ก (Detoxifying clay mask), ‘โอ๊ตมีล เฟซ สครับ’ (Oatmeal Face Scrub), ‘ไรซ์ เอ็กซ์แทร็ก มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง ครีม’ (Rice Extract Moisturising Cream) และ ‘เวรี่ วอเตอร์ รีซิสแทนต์ เฟเชี่ยล ซันสกรีน’ )Very water resistant facial sunscreen SPF50 PA+++) โดยมีเหล่าเซเลบริตี้สาวสวยร่วมทำกิจกรรม อาทิ ปาวา นาคาศัย, รินทร์รตา อินทามระ และ กมลพร วงศ์รักมิตร ที่ เดอะ เอสเคป แบงค็อก เอ็มควอเทียร์
พญ.กนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม ได้แนะเคล็ด (ไม่) ลับการดูแลผิวสวยอย่างไม่กลัวผิวเสีย พร้อมวิธีรับมือกับฝุ่น PM 2.5 ว่า “ปัญหาผิวพรรณของเรานั้นมีสาเหตุเกิดขึ้นได้จาก 2 ปัจจัยก็คือปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ซึ่งปัจจัยภายในจะเกี่ยวข้องกับระบบของร่างกายเรา เช่น การรับประทานอาหาร ระบบขับถ่าย การพักผ่อน อารมณ์ และความเครียด ส่วนปัจจัยภายนอกที่คอยทำร้ายผิวสามารถแบ่งได้ 5 สาเหตุ ประกอบด้วย การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การอาบน้ำร้อน แสงแดด และมลพิษทางอากาศ
แสงแดดและมลพิษทางอากาศถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำร้ายผิวได้รุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับสาเหตุอื่นๆ ปัจจุบันโลกของเรามีแนวโน้มที่จะเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศมากขึ้น ยิ่งในช่วงนี้ประเทศไทยของเรากำลังประสบปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐาน เนื่องจากฝุ่น PM 2.5 นั้นมีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่ารูขุมขนคนเราถึง 20 เท่า จึงสามารถแทรกซึมเข้าสู่รูขุมขนได้ง่าย และส่งผลกระทบกับผิวหนังโดยตรงขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น และระยะเวลาการสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
ระยะเฉียบพลัน ก่อให้เกิดอาการอักเสบ ระคายเคืองของผิว ทำให้ผิวเสียสมดุลความชุ่มชื้น เนื่องจาก PM 2.5 สามารถทำลายเซลล์ผิวชั้นนอก หรือชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) และทำลายโปรตีนฟิลแลกกริน (Filaggrin) ที่มีหน้าที่ป้องกันผิวหนัง (epidermal barrier protein)
ระยะเรื้อรัง เกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 เป็นระยะเวลานาน โดยฝุ่น PM 2.5 จะไปกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระรบกวนการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวเสื่อมเร็วกว่าปกติ ทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย กระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ
สำหรับเคล็ดลับในการป้องกันและการดูแลผิวนั้น ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับฝุ่น PM 2.5 ให้มากที่สุดหรือสัมผัสให้น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิต้านทานของผิวหนังน้อยหรือผู้ที่เป็นโรคผิวหนังอยู่แล้ว จะยิ่งต้องดูแลและป้องกันตัวเองให้มากเป็นพิเศษ ด้วยการสวมใส่เสื้อผ้าแขนยาว ขายาว หมวก แว่นตา เพื่อปกปิดไม่ให้ผิวเราสัมผัสกับอนุภาคฝุ่น PM 2.5 ใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นอีกขั้น
การดูแลผิวเมื่อกลับถึงบ้าน ควรรีบอาบน้ำชำระล้างผิวให้สะอาด ควรฟื้นฟูสภาพผิวด้วยผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์ผิวสัปดาห์ละครั้ง โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแด้นท์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี ประกอบด้วย จะช่วยเสริมให้สุขภาพผิวแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ควรสครับผิวเพื่อกระตุ้นกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพสัปดาห์ละครั้ง แนะนำให้เลือกแบบที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยเจอร์ไรซิ่งครีม และเสริมเกราะป้องกันให้กับผิว ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวกันไม่ฝุ่นสัมผัสกับผิวได้โดยตรง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทิ้งความมันส่วนเกิน ไม่อุดตันรูขุมขน และมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ รวมถึงควรทำให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อมลภาวะ เพราะเมื่อร่างกายเราอ่อนแอ เวลาที่ได้รับเชื้อโรคหรือฝุ่นเข้ามาก็จะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย นอกจากนี้การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งผัก ผลไม้ รวมถึงงดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยสามารถปรับเปลี่ยนมาออกกำลังในร่มแทน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรดื่มน้ำสะอาดในระหว่างวันให้มากๆ”
‘ธัญ’ (THANN) แนะนำผลิตภัณฑ์ โฮม อะโรมา ซึ่งประกอบไปด้วย ดีท็อกซิฟายอิ้ง เคลย์ มาส์ก (Detoxifying clay mask) ขนาด 100 กรัม ราคา 1,200 บาท มาส์กสูตรดีท็อกซ์ผิวจากโคลนธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ ทานากุระ เคลย์ (Tanakura Clay) จากประเทศญี่ปุ่น, เกาลิน เคลย์ (Kaolin Clay) และเบนโทไนต์ เคลย์ (Bentonite Clay) ควบคุมความมันส่วนเกิน (Oil control) ได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมง และรูขุมขนมีขนาดเล็กลง 19.1% พร้อมทำความสะอาดสิ่งสกปรกตกค้างได้อย่างดีเยี่ยม สารสกัดจากแตงกวา (Cucumber) และกุหลาบ (Rose) ปลอบประโลมผิว และกระชับรูขุมขน ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ (Efficacy test)* พบว่าสามารถควบคุมความมันส่วนเกิน (Oil Control) ได้ยาวนานถึง6 ชั่วโมง และขนาดของรูขุมขนเล็กลง 19.1%
(*ทดสอบด้วยวิธี Visual grading และ Sebumetry กับกลุ่มผู้หญิงเอเชีย จำนวน 22 คน โดยใช้ผลิตภัณฑ์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ระยะเวลา 4 สัปดาห์ ทำการทดสอบโดยสถาบัน Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France))
‘โอ๊ตมีล เฟซ สครับ’ (Oatmeal Face Scrub) ขนาด 100 กรัม ราคา 1,200 บาท สครับสำหรับผิวหน้า สูตรอ่อนโยน ด้วยเม็ดสครับเนื้อละเอียดจากธรรมชาติอย่าง ข้าวโอ๊ต (Oatmeal) และเมล็ดผลแอพพริคอท (Apricot seed) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว พร้อมมอบคุณค่าการบำรุงด้วยสารสกัดจากดอกมาชเมลโล่ (Marsh Mallow) และใบบัวบก (Centella) อุดมด้วยวิตามินเอ, บี และซี ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว เผยผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
‘ไรซ์ เอ็กซ์แทร็ก มอยซ์เจอร์ไรซิ่ง ครีม’ (Rice Extract Moisturizing Cream) ขนาด 80 กรัม ราคา 1,200 บาท ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มอบความชุ่มชื้นสู่ผิวได้ยาวนาน พร้อมคืนความกระจ่างใสสู่ผิว เหมาะสำหรับผู้มีผิวแห้งหรือแพ้ง่าย อุดมด้วยคุณค่าของสารสกัดธรรมชาติทรงประสิทธิภาพ อาทิ สารสกัดจากเซลล์ต้นกำเนิดของข้าว (Rice callus culture extract)อุดมด้วยกรดไขมันที่ดีต่อผิว, วิตามิน อี และสารแกมม่าออริซานอล มอบความชุ่มชื้น พร้อมคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ทรงประสิทธิภาพ ปกป้องผิวจากมลภาวะ, น้ำมันรำข้าว (Rice bran oil) ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่เหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน อุดมด้วยวิตามิน อี (Gamma Oryzanol) ซึ่งมีอยู่ในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น ทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิเดนซ์ทรงประสิทธิภาพ รักษาสมดุลความชุ่มชื้นของผิว, เชีย บัตเตอร์ (Shea butter) และ ออร์แกนิค อีฟนิ่ง พริมโรส (Organic evening primrose) ได้รับการรับรองจาก USDA ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น
‘เวรี่ วอเตอร์ รีซิสแทนต์ เฟเชียล ซันสกรีน’ (Very water resistant facial sunscreen SPF50 PA++++) ขนาด 40 มล. ราคา 1,200 บาท เสริมเกราะปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB พร้อมรับมือกับปัญหาริ้วรอย และผิวคล้ำเสียจากแสงแดด ด้วยเนื้อครีมที่มอบสัมผัสแห้งสบาย ไม่มันวาว ไม่ทิ้งคราบขาวไว้บนใบหน้า ปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีแม้ผิวเปียกน้ำ (Water Resistant) กันน้ำ กันเหงื่อ อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าการบำรุงด้วยส่วนผสมธรรมชาตินานาชนิด อาทิ สารสกัดอนุภาคขนาดเล็กจากใบชิโซะ (Nano shiso extract), น้ำมันสกัดจากเมล็ดแบล็คเคอร์แรนท์ )Blackcurrant seed oil) และสารสกัดจากบอลลูนไวน์ (Balloon vine extract) ลดอาการระคายเคือง และทำหน้าที่เป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์, น้ำมันสกัดจากเมล็ดชาออแกนิค (Organic camellia seed oil) ปรับสภาพผิวให้กระชับ เรียบเนียน, อุดมด้วยสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ ปกป้องและลดอาการอักเสบของผิว, น้ำมันสกัดจากเมล็ดดอกทานตะวัน (Sunflower seed oil) และน้ำมันสกัดจากดอกคำฝอย (Safflower seed oil) เติมเต็มความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว, สารสกัดจากโรสแมรี่ )Rosemary extract) ลดเลือนริ้วรอย และจุดด่างดำ
บรรยากาศในการเวิร์คช็อปเต็มไปด้วยความสนุกสนาน โดยมีเหล่าเซเลบริตี้สาวสวยให้เกียรติมาร่วมเผยเทคนิคการดูแลผิวพรรณให้สุขภาพดีอยู่เสมอ เริ่มจากสาวนักกิจกรรม ปาวา นาคาศัย เผยว่า “เราเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมเอาท์ดอร์หลายอย่างมากไม่ว่าจะเป็น ขี่ม้า ว่ายน้ำ ดำน้ำ แต่ที่ชอบที่สุดคือต่อยมวย ส่วนมากเราจะชอบซ้อมต่อยมวยบริเวณรอบๆ บ้าน เพราะรู้สึกว่ามันสะดวกสบายกว่าเวลาหายใจ แต่ช่วงนี้ฝุ่น PM 2.5 ค่อนข้างเยอะ มลพิษทางอากาศก็เยอะ ทำให้เราต้องหันกลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น ช่วงนี้เวลาที่จะออกไปไหนก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอด ส่วนการดูแลผิวพรรณก็ต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดด เพราะเราค่อนข้างจะกังวลเรื่องกระ ฝ้า ดังนั้นครีมกันแดดประเภทกันน้ำกันเหงื่อประเภทที่เนื้อบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเรา และระหว่างสัปดาห์เราก็จะดีท็อกซ์ผิวหน้าด้วยมาส์กที่มีส่วนผสมของโคลนธรรมชาติ นอกจากจะช่วยทำความสะอาดผิวและรูขุมขนได้อย่างล้ำลึกแล้ว ยังช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน และช่วยกระชับรูขุมขนด้วย”
ถัดมาที่สาวยิ้มสวย รินทร์รตา อินทามระ เล่าว่า “ช่วงนี้ถ้ามองออกไปนอกระเบียงคอนโดก็จะมองเห็นฝุ่นที่ลอยตัวอยู่บนอากาศได้อย่างชัดเจน จนคิดว่าเป็นหมอกแต่แท้จริงแล้วคือฝุ่น PM 2.5 ทำให้ตอนนี้ถ้าไม่จำเป็นก็จะหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก อย่างปกติแล้วถ้ามีเวลาเราก็มักจะชอบออกไปตีกอล์ฟ เดินออกกำลังกาย แต่ช่วงนี้ก็ต้องงดไปก่อน เพราะโดยส่วนตัวแล้วจะมีอาการภูมิแพ้ถ้าต้องเจอฝุ่นเยอะๆ บางครั้งแพ้หนักถึงขั้นต้องไปพบแพทย์ หากวันไหนที่มีแพลนต้องออกไปข้างนอกโดยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เราก็จะเตรียมตัวเป็นพิเศษ นอกจากหน้ากากอนามัยแล้ว เราก็มักจะบำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์มากกว่าปกติก่อนออกจากบ้าน เพราะเราเชื่อว่าพื้นฐานผิวที่ดี คือ ผิวที่มีความชุ่มชื้น รวมถึงไม่ควรลืมที่จะทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน และเมื่อกลับถึงบ้านก็จะรีบล้างทำความสะอาดผิวหน้า เพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกจากผิว นอกจากนี้เราก็จะหาเวลามาทำทรีตเม้นต์เองที่บ้านด้วยการมาส์กและสครับผิวสัปดาห์ละครั้ง สำหรับใครที่มีผิวแพ้ง่ายแบบเราแนะนำว่าควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ ยิ่งถ้าเป็นออแกนิคด้วยก็จะดี เพราะจะได้ลดโอกาสเสี่ยงต่ออาการแพ้ได้”
ปิดท้ายที่สาวผิวสวย กมลพร วงศ์รักมิตร เผยว่า “ทุกวันอาทิตย์เรามักจะชอบออกไปเล่นเทนนิสที่สปอร์ตคลับเป็นประจำ เพราะเป็นกิจกรรมที่ครอบครัวเราชื่นชอบ แต่ช่วงนี้ฝุ่น PM 2.5 เยอะมาก อากาศไม่ค่อยดี ทำให้ต้องงดกิจกรรมกลางแจ้งไปก่อน จริงๆ แล้วฝุ่น PM 2.5 ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่กิจกรรมกลางแจ้งเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงผิวของเราด้วย ทำให้ผิวเราเกิดผด ผื่นได้ง่าย เนื่องจากมลภาวะเราต้องเผชิญในปัจจุบันทำให้เราต้องคอยปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และหันกลับมาดูแลตัวเองอยู่เสมอ อย่างการดูแลผิวของเราจะเน้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ ที่ไม่มีส่วนผสมของพาราเบน ไม่มีแอลกอฮอล์ และไม่มีน้ำหอมสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ผิวกาย รวมถึงเส้นผมด้วย ส่วนเทคนิคการบำรุงผิวของเราก็จะเน้นบำรุงผิวหลังการอาบน้ำ เพราะเป็นช่วงที่รูขุมขนเปิดทำให้ครีมบำรุงต่างๆ ที่เราทาลงไปสามารถซึมซาบสู่ผิวได้ดี”
ดูแลผิวสวยอย่างไม่กลัวผิวเสียด้วยผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุงและปกป้องผิวจากแบรนด์ ‘ธัญ’ (THANN) ได้แล้ววันนี้ที่ออนไลน์สโตร์ www.thann.co.th (ส่งฟรีทั่วประเทศ) และร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 15 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น 1 และชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, ร้านวูว์ ถนนเจริญราษฎร์ และสาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, สาขาป่าตอง (หน้าโรงแรม La Flora ป่าตอง) จังหวัดภูเก็ต