4 ข้อรู้ไว้ รักอย่างไรไม่ให้ใจเป็นพิษ

4 ข้อรู้ไว้ รักอย่างไรไม่ให้ใจเป็นพิษ

4 ข้อรู้ไว้ รักอย่างไรไม่ให้ใจเป็นพิษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอาล่ะค่ะสำหรับสาวๆ ที่เคยอกหักรักเป็นพิษ แล้วกำลังมีความคิดว่าอาจจะมีความรักไม่ได้อีก เพราะแผลยังสด นั่งฟังเพลงเศร้า รู้สึกเหงาๆ แม้ไม่ใช่วันมามาก หรือคุณอาจจะจบความสัมพันธ์นานแล้วแต่ยังเข็ดเหลือเกิน หยุดค่ะ! เรามาปาดน้ำตา ฉีกความเศร้าจากอาการอกหักให้มันหายออกไปจากชีวิต แล้วเปิดใจเตรียมพร้อมเริ่มมีความรักครั้งใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย!

1.เรียนรู้บทเรียนของเรา ไม่ใช่เปรียบเทียบเขากับคนเก่า

เป็นธรรมดาค่ะ หากมีใครอีกคนก้าวเข้ามาในชีวิตเรา หลาย ๆ คนคงอดระแวงว่าเขาจะเป็นแบบคนเก่าหรือเปล่า แล้วก็จะวนเข้าลูปการเปรียบเทียบคนเก่า คนใหม่ ไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งพฤติกรรมนี้บางคนอาจเรียกว่าการเรียนรู้บทเรียนเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องเสียใจในเรื่องเดิม แต่ไม่ใช่นะคะ คุณกำลังเข้าใจผิด การเรียนรู้บทเรียนนี้หมายถึงว่า ให้คุณเรียนรู้บทเรียนในส่วนของคุณเองค่ะ ในกรณีนี้ขอยกตัวอย่างเพื่อนสาวคนหนึ่ง เธอพูดไว้ดีมาก เธอเล่าว่า

เวลามีรักครั้งใหม่ เราจะเรียนรู้จากบทเรียนครั้งเก่า นั่นก็คือ เราเริ่มดูจากตัวเองเลย คือ ไม่ทำตัวเองแบบเดิม ๆ หาข้อเสียที่ตัวเองก่อนว่า ทำแบบนี้แล้วผลลัพธ์ที่เราเคยทำไป ผลที่ได้กลับมาคือเป็นอย่างไร ยกตัวอย่าง อดีตเป็นคนที่ไม่ชอบพูดความจริงกับแฟน อารมณ์ตามใจแฟน จนวันหนึ่งหมดความอดทน ก็ระเบิดลง แล้วแฟนสวนกลับมาว่า "ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก!!!"

เราจำฝังใจเลยว่า เราจะรักแบบมีสติ รักแบบจริงใจทุกเรื่อง มีไรก็บอก ไม่เก็บไว้อีก มันจะไม่วนไปสู่ปัญหาเดิม ๆ

อันนี้เห็นด้วยค่ะ เป็นการเรียนรู้ที่จะนำไปใช้แล้วดีต่อใจสุดพลัง

2.อย่าเล่นเกมทายใจ แต่ให้สื่อสารออกไปตรง ๆ

ปัญหาโลกแตกของคู่รักหลายคู่ค่ะ ถ้าอยากเริ่มรักครั้งใหม่ไม่ให้ใจเป็นพิษ เลิกเสียนะคะกับการเล่นเกมทายใจ เพราะมันจะนำมาสู่ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตได้ รู้ค่ะว่าหลายคนอยากให้แฟนเซอไพร์ส แต่บางทีเขาก็ไม่รู้ว่าเราชอบอะไร แบบไหน ฉะนั้นต้องการอะไรก็บอก แล้วการบอกให้บอกตรง ๆ เจาะจงกันไปเลย ซึ่งการพูดตรง ๆ นี้ เคยคุยกับเพื่อนสาวคนหนึ่งค่ะ คือลักษณะของผู้เขียนกับเพื่อนคนนี้เหมือนเราจะเป็นขั้วตรงข้าม แต่เราเป็นคู่เพื่อนสนิทที่มองตาก็นินทาคนได้ค่ะ (ว่าซั่นนนนนน)

ครั้งหนึ่งเราเคยคุยกับเพื่อนสนิทคนนี้ว่า

ผู้เขียน: นี่! ถ้าฉันมีแฟนอ่ะ บอกเขาด้วยนะ ว่าฉันดอกกุหลาบสีขาว วันเกิดหรือวาเลนไทน์ วันสำคัญต่าง ๆ อ่ะ ไม่อยากได้อะไรเลย บอกให้เขาเอากุหลาบขาวมาให้ฉันก็พอ

เพื่อนสนิท: ทำไมไม่บอกเองอ่ะ จะทำให้มันยุ่งยากทำไม เนี่ยบอกแฟนหมด อย่างวาเลนไทน์ปีนี้ ก็บอกไปแล้วว่า เอากุหลาบขาวมาให้ 2 ดอกนะ ก็พูดตรง ๆ ไปเลย ก็ไม่มีปัญหาอะไร สบายใจด้วยไม่ต้องมาเดาใจกันให้เหนื่อย เปรียบเทียบง่าย ๆ นะจะได้เห็นภาพมากขึ้น มันเหมือนเวลามีคนถามเราว่า หิวไหม เราบอกว่าหิวออกมา แต่ในใจเราบอกว่าหิวข้าว เราไม่พูด คนที่ถามเขารู้แค่เราหิว ก็ไปเอาก๋วยเตี๋ยวมาให้ ถามว่าเรากินอิ่มไหม เราอิ่ม แต่ถามว่าถูกใจไหม ก็ไม่ ฉะนั้นบอกว่า หิว อยากกินก๋วยเตี๋ยว แบบนั้นจบป่ะ!

ค่ะ! พูดอีกก็ถูกอีก ตามนี้เลยค่ะ มีอะไรก็บอกกันไปตรง ๆ อย่าเล่นแง่ ชีวิตมันสั้น อย่าทำให้ตัวเองทุกข์ใจกับเรื่องไม่เป็นเรื่องดีกว่าเนอะ

3.หยุดความเป็นเอกมโน โทจินตนาการ

ธรรมชาติของผู้หญิงส่วนใหญ่ (ไม่ได้บอกว่าทั้งหมดนะคะ แค่บอกว่าส่วนใหญ่) มักจบเอกมโน โทจินตนาการ ฉะนั้นพลังการมโนจะสูงมาก โดยเฉพาะในเรื่องลบ ๆ ภารกิจหลักของผู้ที่จบสายนี้ เช่น แค่เห็นอีกฝ่ายคุยหยอกล้อกับผู้หญิงอีกคนอย่างสนิทสนม (ซึ่งตัวเองก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร) ก็เริ่มทบเหตุการณ์ไว้ในใจแล้วว่า อาจมีอะไรมากกว่าที่เราคิด แต่ถามว่าพูดออกไปไหม ไม่พูดค่ะแต่จะเก็บไว้ แล้วคุยกับผู้ชายเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ สักพักว่างค่ะส่องสตอรี่เพลิน ๆ แต่บังเอิญเห็นเขาโพสแคปชั่นแปลก ๆ (ที่แปลกนี่คิดว่าแปลกไปเองนะ ผู้ชายไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ) ก็กลับมานอยด์ อ๋ออออออ โพสถึงคนนั้น คนนี้สินะ เอามาทบต่อยอดจากคราวนี้แล้ว พอเห็นนั่นนี่บ่อย ๆ เข้า เส้นเรื่องเริ่มเกิดค่ะ มีการวางโครงเรื่องต่าง ๆ นานา จนสุดท้ายพอผู้ชายคุยด้วยปกติ แต่เธอกลับไม่พูดไม่จา เพราะความเป็นเอกมโนของเธอทำงานอย่างหนักหน่วง พอผู้ชายถาม เธอก็จะตอบอยู่สองอย่างคือ “ไม่มีอะไรค่ะ ช่วงนี้เหนื่อย ๆ “ (แต่เสียงคือเหมือนโคม่าทางจิตใจ) และ “ก็คิดเอาเองแล้วกันค่ะ” นั่นล่ะค่ะ ความสัมพันธ์ดี ๆ จบกันมานักต่อนักแค่เพราะความเป็นเอกมโนโทจินตนาการ

ขอเลยนะคะคุณผู้หญิงทั้งหลาย ถ้าไม่พอใจอะไร ย้ำนะคะว่า ความไม่พอใจทุกชนิด แม้มันจะดูงี่เง่าแค่ไหน แต่ขอค่ะ พูดค่ะพูด!

4.มีสติกับปัจจุบัน อย่าหวั่นถึงอนาคต

เข้าใจความรู้สึกถึงคนที่เข็ดกับความรักนะคะ ว่าถ้ามีรักครั้งใหม่ ลึก ๆ คุณคงจะกลัวว่า จะเจ็บอีกหรือเปล่า ขอแนะนำให้คุณลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่นะคะ เรื่องนี้ผู้เขียนเคยคุยกับเพื่อนสนิท (คนเดิม) คือนางเจอความรักครั้งเก่าที่ร้ายแรงมาก แต่ผ่านไปสักพัก เธอได้เจอกับรักที่ดีมาก ๆ ผู้อ่านอดสงสัยไม่ได้ ถึงเรื่องราวความรักของเธอก็เลยถามเธอไปว่า

ผู้เขียน: ตอนจะเริ่มมีรักครั้งใหม่ ถามจริงไม่กลัวความรักเหรอ

เพื่อนสนิท: ถามว่ากลัวไหม ใจลึก ๆ ก็มีบ้าง แต่บอกตัวเองตลอดว่า เราจะผ่านไปได้ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะยอมรับผลของมันได้ อีกอย่างถ้ามัวแต่กลัวก็คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ไม่ว่าจะเรื่องอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งความรัก เปรียบง่าย ๆ ถ้าครั้งหนึ่งเราโดนมีดบาด ตลอดชีวิตเราจะไม่ใช้มีดอีกเลยใช่ไหม มันก็ต้องใช้อยู่ดี แค่ระวังขึ้นแค่นั้นเอง

เห็นด้วยที่สุดนะคะ เพราะส่วนตัวผู้เขียนเอง ก็คิดเหมือนกันว่า สิ่งที่ทำให้เราทุกข์ ไม่เฉพาะแค่เรื่องความรักหรอกค่ะ ความทุกข์ทุกชนิดมันเกิดจากความคิด คิดถึงอดีต หวั่นเกรงกับอนาคต แต่ลืมที่จะมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน ฉะนั้นถ้าอยากมีความสุขในความสัมพันธ์ การโฟกัสปัจจุบันถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วค่ะ

สำคัญที่สุดของการเปิดใจก็คือ คุณต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยความรักที่เป็นพิษในอดีต แล้วมาสร้างความทรงจำดี ๆ เพิ่มเติมลง ทำให้รักครั้งใหม่ของคุณสดใสไม่เป็นพิษค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook