ดื่มกาแฟตอนท้องว่าง รู้ไหม? อาจเกิดผลเสียได้
กาแฟเครื่องดื่มยอดนิยมที่หลายคนมักดื่มในตอนเช้า เพราะการดื่มกาแฟจะทำให้เราหายง่วงและตื่นพร้อมที่จะออกไปทำงาน แต่รู้หรือไม่ว่าการดื่มกาแฟในขณะที่เราท้องว่างอยู่นั้นอาจทำให้มีอาการผิดปกติกับร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะในกาแฟมีคาเฟอีนซึ่งมีฤทธิ์ต่อระบบประสาทและฮอร์โมน ซึ่งการดื่มกาแฟขณะที่ท้องว่างจะส่งผลเสียอย่างไรบ้างเรามาดูกันเลย
มีผลต่อการดูดซึมของแร่ธาตุ
คาเฟอีนจากกาแฟจะขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม สังกะสีและธาตุเหล็ก ดังนั้นการดื่มกาแฟจึงทำให้ร่างกายไม่ดูดซึมแคลเซียม และแร่ธาตุที่จะเข้ามาสู่ร่างกาย หรือดูดซึมน้อยมากจนทำให้ได้รับแร่ธาตุไม่เพียงพอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบต่างๆ ในร่างกายได้มากทีเดียว
ทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
คาเฟอีนในกาแฟจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ หากดื่มในเวลาท้องว่างจะทำให้ระคายเคือง อีกทั้งในกาแฟจะมีตัวกระตุ้นให้เกิดการสร้างน้ำย่อยในร่างกาย ดังนั้นการดื่มกาแฟตอนเช้าขณะที่ท้องว่างอยู่ จึงทำให้เกิดการระคายเคืองและเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้ง่าย
มีอาการใจสั่น
คาเฟอีนที่มีอยู่ในกาแฟ ถือว่าเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง ซึ่งจะช่วยในการกระตุ้นการทำงานของสมองและระบบประสาท ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น โดยหากได้รับคาเฟอีนในปริมาณที่มากเกิน จะทำให้ใจสั่น กระวนกระวาย และไม่มีสมาธิได้นั่นเอง
ความอยากอาหารลดลง
การดื่มกาแฟขณะท้องว่าง จะทำให้มื้อถัดไปรู้สึกไม่หิว ไม่อยากทานอะไรเลย และเมื่อเป็นแบบนี้จะทำให้ร่างกายของเรานำพลังงานมาใช้ได้น้อย และทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดขาดสารอาหาร ซึ่งผลกระทบที่ตามมาก็คือ ร่างกายอ่อนแอ ป่วยง่าย และระบบการเผาผลาญแย่ลง
ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น
การดื่มกาแฟในตอนเช้าอาจทำให้เรารู้สึกอิ่ม แต่การดื่มในปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ย่อมเสี่ยงต่อการทำให้น้ำหนักเพิ่มได้ เนื่องจากในกาแฟมีส่วนผสมของนม น้ำตาลและครีมเทียมในปริมาณมาก
เสี่ยงโรคกระดูกพรุน
คาเฟอีน มีส่วนช่วยในกระตุ้นการขับปัสสาวะ แต่การดื่มกาแฟตอนท้องว่างจะทำให้เกิดการปัสสาวะบ่อย และเมื่อดื่มติดต่อกันเป็นเวลานานย่อมทำให้ร่างกายสูญเสียแคลเซียมไปกับปัสสาวะในปริมาณมาก และเข้าสู่ภาวะการเกิดโรคกระดูกพรุนได้
อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟตอนเช้าของคนทำงาน อาจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น หากต้องการดื่มก็ควรดื่มในปริมาณที่พอดี ไม่ดื่นจนเยอะเกินไปและควรเลือกดื่มเป็นกาแฟดำโดยไม่ต้องเติมน้ำตาลหรือใช้สารเพิ่มความหวานแทนน้ำตาล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคอ้วนและผลกระทบอื่นๆ ที่ตามมาภายหลังนั่นเอง