ไปดู! โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวในเด็ก อาการ และวิธีการรักษา

โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นโรคทางโลหิตวิทยาเกิดจากอาการผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดในไขกระดูก ส่งผลให้ตัวอ่อนเม็ดเลือดขาวแบ่งตัวมากผิดปกติ โดยจะทำให้เด็กมีไข้ ตัวซีด อ่อนเพลีย น้ำหนักลดลงได้ เป็นต้น  ซึ่งจากรายงานทางการแพทย์ระบุว่าเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี จะพบว่าเป็นเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือกขาวเฉียบพลันและเสียชีวิตเป็นอันดับที่สอง แต่ก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้างเพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยเราจะพาคุณไปดูกันว่าโรคนี้มีอาการอย่างไร และมีวิธีการรักษายังไงบ้าง

อาการเบื้องต้น

พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหมั่นสังเกตดูความผิดปกติของลูกน้อยอยู่เสมอ โดยเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมักจะมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ และอาเจียน โดยอาการดังกล่าวเกิดจากเซลล์มะเร็งนั้นได้เข้าไปแทรกตัวบริเวณเยื้อหุ้มสมองและจนทำให้ความดันในกะโหลกศีรษะนั้นเพิ่มสูงขึ้น นอกจากอาการข้างต้นแล้วยังมีอาการแทรกซ้อนร่วมด้วย เช่น มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง ผื่น ปื้น หรือแม้กระทั่งมีก้อนที่ผิวหนัง จากอาการที่กล่าวมานั้นควรพาบุตรหลานของท่านไปพบแพทย์ทันที เพื่อเข้ารับการตรวจ หากพบว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวจริง บุตรหลานของท่านก็จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนของการรักษาได้อย่างทันท่วงที

วิธีการรักษา

ระยะเวลาของการรักษานั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง และการตอบสนองต่อยาที่นำมารักษา ก็คือการใช้เคมีบำบัดนั่นเอง แต่สำหรับผู้ป่วยบางรายอาจจะพบอาการดื้อยา มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น ซึ่งทางแพทย์อาจจะต้องใช้อีกวิธีการรักษานั่นก็คือ การปลูกถ่ายไขกระดูกนั่นเอง

การปลูกถ่ายไขกระดูก เป็นอย่างไร

อีกหนึ่งวิธีสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการดื้อยา หรือมีภาวะแทรกซ้อน ทีมแพทย์จำต้องใช้วิธีการปลูกถ่ายไขกระดูก โดยผู้ป่วยจะถูกเรียกว่าผู้รับ และผู้ที่ให้ไขกระดูกจะเรียกว่า ผู้ให้ ซึ่งการปลูกถ่ายไขกระดูกนั้นไม่ยุ่งยากเท่ากับการปลูกถ่ายอวัยวะ วิธีก็คือการดูดไขกระดูกออกจากกระดูกบริเวณก้นกบของผู้ให้ และนำไขกระดูกไปกรอง และฉีดให้กับผู้รับทางเส้นเลือดดำ โดยผู้รับอาจจะต้องมีอาการเจ็บจากการเจาะ 2-3 วันเท่านั้น และไม่มีอันตรายอื่นๆ แอบแฝงมาอย่างแน่นอน  ในปัจจุบันสามารถปลูกถ่ายไขกระดูกจากเซลล์ต้นกำเนิดจากพ่อแม่ได้เลย โดยไม่ต้องรอรับบริจาคไขกระดูกอีกแล้ว  และถ้าทำการรักษาด้วยวิธีนี้ก็สามารถหายขาดจากโรคนี้ได้เลย

โรคมะเร็งเป็นภัยเงียบที่กัดกินชีวิตของคนมาอย่างมากมาย และรักษาให้หายได้ยาก แต่หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มแรก การรักษาให้หายขาดก็ทำได้ไม่ยากเลย ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของลูกรักอยู่เสมอ หากสงสัยว่าเป็นมะเร็งก็ควรพาไปพบแพทย์ในทันที