11 ปัญหาสุขภาพที่ควรเลี่ยงการดื่มกาแฟ ก่อนสุขภาพแย่ พังหนักกว่าเดิม

11 ปัญหาสุขภาพที่ควรเลี่ยงการดื่มกาแฟ ก่อนสุขภาพแย่ พังหนักกว่าเดิม

11 ปัญหาสุขภาพที่ควรเลี่ยงการดื่มกาแฟ ก่อนสุขภาพแย่ พังหนักกว่าเดิม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แม้ว่ากาแฟจะเป็นเครื่องดื่มที่คนวัยเรียนและวัยทำงานชื่นชอบหรือต้องดื่มเป็นประจำ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยให้เกิดการตื่นตัวหรือรู้สึกกระปรี้กระเปร่า แต่ทราบหรือไม่ว่าเครื่องดื่มชนิดนี้ก็มีส่วนในการให้โทษต่อร่างกายได้เช่นกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคบางชนิด วันนี้เราจึงได้รวบรวมเอา 11 โรคที่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพมาแบ่งปันให้ได้ทราบกันค่ะ


1.โรคนอนไม่หลับ
อย่างที่สาวๆ ทราบกันดีว่ากาแฟคือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน มีส่วนทำให้ร่างกายเกิดการตื่นตัว ดังนั้นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนไม่หลับเรื้อรังหรือเป็นโรคนอนไม่หลับอยู่แต่เดิมแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการดื่มจะดีที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาบ่าย 2 เป็นต้นไป


2.โรคความดันโลหิตสูง
เนื่องจากกาแฟมีทั้งคาเฟอีนและสารกลุ่มไดเทอร์พีน ซึ่งสารทั้งสองชนิดนี้มีฤทธิ์ในการเพิ่มการทำงานของหัวใจ จึงทำให้หลอดเลือดเกิดการหดตัว ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ดื่มในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้


3.โรคต้อหิน
เนื่องจากคาเฟอีนมีผลต่อการทำให้ความดันที่ตาสูงขึ้นได้ ดังนั้นสาวๆ ที่เป็นโรคต้อหินจึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน เพื่อไม่ให้อาการของโรคต้อหินแย่ลง


4.โรคกระดูกพรุน
คาเฟอีนคือสารที่มีฤทธิ์ในการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย ดังนั้นจึงมีโอกาสทำให้ความหนาแน่นของแร่ธาตุในกระดูกลดน้อยลงตามไปด้วย ดังนั้นกาแฟจึงมีโอกาสทำให้สาวๆ ที่เป็นโรคกระดูกพรุนมีอาการที่รุนแรงยิ่งขึ้นได้


5.โรคไขมันในเลือดสูง
ในกาแฟมีสารที่อยู่ในกลุ่มไดเทอร์พีน ซึ่งสารดังกล่าวนี้มีผลต่อการทำให้คอเลสเตอรอลโดยรวมและไตรกลีเซอร์ไรด์เพิ่มขึ้น ดังนั้นสาวๆ ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงจึงควรหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ เพราะฤทธิ์กาแฟอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถควบคุมระดับไขมันในเลือดได้ดีพอสมควร


6.โรคกระเพาะอาหารอาการรุนแรง
สำหรับใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารที่มีอาการรุนแรง ไม่ควรดื่มกาแฟเลย เพราะงานวิจัยค้นพบว่ากาแฟมีฤทธิ์ทำให้เกิดอาการปวดท้อง และทำให้อาการจากโรคทางเดินอาหารรุนแรงยิ่งขึ้น


7.โรคเบาหวาน
เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ดื่มในกลุ่มผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โดยเฉพาะโรคเบาหวานชนิดที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่ในกรณีที่สามารถควบคุมน้ำตาลได้ดีเสมอ แพทย์อาจจะอนุญาตให้ดื่มกาแฟที่ไม่เติมน้ำตาล นม หรือครีม และควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม


8.ลำไส้แปรปรวน
สำหรับใครที่มีอาการลำไส้แปรปรวน แนะนำให้หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ เพราะเครื่องดื่มชนิดนี้มีโอกาสไปกระตุ้นให้เกิดอาการปวดท้องหรือท้องเสียตามมาได้


9.ภาวะขาดวิตามินบี1
ในส่วนของผู้ที่อยู่ในภาวะขาดวิตามินบี1 ควรงดดื่มกาแฟไปเลย เนื่องจากกาแฟจะลดการดูดซึมวิตามินบี1 และกระตุ้นให้เกิดการขับวิตามินบี1 ออกทางปัสสาวะ จึงส่งผลให้วิตามินบี1 ในเลือดมีปริมาณที่ลดลง เสี่ยงต่อการทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือด ระบบประสาท สมอง และหัวใจ


10.ภาวะวัยทอง
ในกลุ่มผู้สูงอายุหรืออยู่ในภาวะวัยทอง แนะนำให้งดดื่มกาแฟ จะส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างมาก เพราะกาแฟมีฤทธิ์ไปกระตุ้นความดันโลหิต และอาจจะกระตุ้นการเกิดไขมันเลว พร้อมทั้งยังขับแคลเซียมออกจากร่างกายอีกด้วย


11.ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
ในกลุ่มของผู้ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น ควรงดกาแฟเด็ดขาด เพราะกาแฟคือตัวการที่จะไปดึงแคลเซียมออกจากร่างกายของคุณแม่ ซึ่งส่งผลต่อทารกในครรภ์ที่มีความต้องการแคลเซียมเพื่อสร้างกระดูกได้ อีกทั้งกาแฟยังมีฤทธิ์ทำให้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่าเกณฑ์อีกด้วย และยังเสี่ยงทำให้คลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน

แน่นอนว่ากาแฟไม่เพียงแต่ให้ผลเสียต่อร่างกายเท่านั้น เพราะกาแฟถือเป็นเครื่องดื่มที่ให้ผลดีต่อร่างกายอย่างมากเช่นกัน เพียงแต่บางเครื่องดื่ม ย่อมมีสารต่างๆ ที่ไม่เหมาะสำหรับร่างกายของแต่ละคนหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด ดังนั้นจึงแนะนำให้ศึกษาเครื่องดื่มต่างๆ ก่อนดื่มให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายสูงสุด และเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดผลเสียอื่นๆ ด้วยนั่นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook