ลอรีอัล เร่งพัฒนาโปรแกรมความยั่งยืน มุ่งสร้างความงามแห่งอนาคต
หลังจากการประกาศวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน L’Oreal for the Future สำหรับปี 2030 ลอรีอัล ประเทศไทย ได้เร่งการทำงานด้านความยั่งยืน เพื่อนำเสนอความงามแห่งอนาคตสู่ผู้บริโภค ตามวิสัยทัศน์ของลอรีอัล กรุ๊ป
โปรแกรม L’Oreal for the Future ได้กำหนดเป้าหมายหลายด้าน โดยลอรีอัลมีเป้าหมายปฏิรูปการดำเนินธุรกิจและนำพาให้ทุกแบรนด์ในเครืออยู่ภายใต้กรอบขีดข้อจำกัดของโลก ตามหลักการของ Science Based Targets เพื่อต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ โดยให้ความสำคัญประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม 3 ประการ ได้แก่ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน
อินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล ประเทศไทย กล่าวว่า “ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ตอกย้ำให้ทุกฝ่ายเห็นถึงความสำคัญของประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม และด้านสุขภาพ ผู้บริโภคต่างมองหาแบรนด์ที่สามารถให้ความโปร่งใสในเรื่องสูตรส่วนผสม สามารถให้ความมั่นใจในเรื่องของความยั่งยืน และแบรนด์ที่ให้คำมั่นสัญญาในการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม โดยภายใต้โปรแกรม L’Oreal for the Future เราปฏิรูปวิธีการทำธุรกิจและห่วงโซ่คุณค่าทั้งในระดับบริษัทและแบรนด์ เพื่อลดผลกระทบของเราที่มีต่อโลก และขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสร้างความยั่งยืนแห่งอนาคต ซึ่งผู้บริโภคสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแนวคิดและสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญได้ นอกจากนี้ ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม (Green Sciences) ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ความงามไม่สร้างผลกระทบต่อโลกแล้ว ผู้บริโภคจะได้รับอานิสงห์จากผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น โดยที่คงคุณภาพ และความปลอดภัยเช่นเดิม”
การ์นิเย่บุกเบิกเส้นทาง Green Beauty
ในฐานะแบรนด์สกินแคร์อันดับหนึ่งของประเทศไทย การ์นิเย่เป็นแบรนด์แรกของลอรีอัล ประเทศไทย ที่ยกระดับเรื่องความยั่งยืนเพื่อนำเสนอ Green Beauty แก่ผู้บริโภคทุกคน
การ์นิเย่เป็นแบรนด์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมาเป็นระยะเวลานาน โดยผลิตสินค้าที่ใช้สูตรจากธรรมชาติ จัดหาและเลือกใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน และเป็นธรรมชาติ ซึ่งการ์นิเย่ได้ยกระดับด้านความยั่งยืนให้เข้มข้นยิ่งขึ้น เพื่อสอดคล้องกับ L’Oreal for the Future ด้วยการเปิดตัว Green Beauty ที่กำหนดพันธสัญญา 5 ประการ ดังนี้
1. จัดซื้อวัตถุดิบที่สนับสนุนชุมชน
เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยที่เผชิญปัญหาสังคมและการเงินให้มีรายได้ที่ยั่งยืน และช่วยสร้างชุมชนที่มีความเข้มแข็ง การ์นิเย่ตั้งเป้าหมายจัดซื้อวัตถุดิบจากชุมชน 1,000 แห่งภายในปี 2025
2. พัฒนาสูตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การ์นิเย่จะใช้หลัก Green Sciences หรือ วิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม อาทิ เทคโนโลยีชีวภาพ ในการพัฒนาสูตรใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และภายในปี 2022 ส่วนผสมทั้งหมดจะได้รับการจัดหาอย่างยั่งยืน โดยจะมาจากพืชและสามารถปลูกทดแทนได้ และภายในปี 2025 ผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งหมดจะได้รับการพัฒนาให้มีผลเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
3. มุ่งใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น
โรงงานที่ผลิตการ์นิเย่ทั้งหมด จะปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2025
4. บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพื่อลดการใช้พลาสติกใหม่ (virgin plastic) และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ภายในปี 2025 บรรจุภัณฑ์ทุกชิ้นของการ์นิเย่จะมาจากพลาสติกรีไซเคิล และบรรจุภัณฑ์จะสามารถนำไปรีไซเคิล เติมใหม่ หรือนำกลับมาใช้ใหม่ได้ทั้งหมด ด้วยเป้าหมายนี้ การ์นิเย่จะสามารถลดการใช้พลาสติกใหม่ได้ถึงปีละ 37,000 ตันทั่วโลก
การ์นิเย่ ซากุระ วอเตอร์โกลว์ เอสเซนส์ เป็นผลิตภัณฑ์แรกของการ์นิเย่ในประเทศไทยที่บรรจุภัณฑ์ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% และสามารถนำไปรีไซเคิลได้
5. ผ่านการรับรองจาก Cruelty Free International
การ์นิเย่ ไม่ทดสอบผลิตภัณฑ์กับสัตว์มาตั้งแต่ปี 1989 เช่นเดียวกับทุกแบรนด์ของลอรีอัล และการ์นิเย่ได้ทำงานกับ Cruelty Free International เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด เพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์ของการ์นิเย่ทั่วโลก ได้การรับรองให้สามารถแสดงตราสัญลักษณ์ Cruelty Free International Leaping Bunny อย่างเป็นทางการในปี 2021
นอกจากนี้ การ์นิเย่ยังได้พัฒนาจุดขายโดยใช้ชั้นวัสดุกระดาษที่มิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโปรโมทการรีไซเคิลพลาสติก โดยร่วมมือกับวัตสันจัดทำจุดเก็บขวดพลาสติกมารีไซเคิล ติดตั้งตู้การ์นิเย่ รีฟัน สำหรับรับขวด PET เพื่อนำไปส่งรีไซเคิล โดยผู้บริโภคที่นำขวด PET ได้แก่ ขวดผลิตภัณฑ์ไมเซล่าวอเตอร์ใด ๆ ก็ได้ 1 ขวด หรือ ขวดน้ำ PET 10 ขวดมาหยอดที่ตู้การ์นิเย่ รีฟัน จะสามารถแลกรับผลิตภัณฑ์ การ์นิเย่ ไมเซล่า วอเตอร์ ขนาด 125 มล. ได้ฟรี 1 ขวด เฉพาะที่ร้านวัตสัน เซ็นทรัล เวสเกต และร้านวัตสัน เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน 5 มิ.ย. - 31 ก.ค. 2564
สถานประกอบการคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และการดำเนินงานอย่างใส่ใจสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในเป้าหมายอันใกล้ที่ลอรีอัลต้องทำให้สำเร็จทั่วโลก คือทำให้สถานประกอบการทุกแห่งปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2025 ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และเลือกใช้พลังงานหมุนเวียน 100% สำหรับในประเทศไทย สำนักงานใหญ่ของลอรีอัล ที่กรุงเทพฯ และศูนย์กระจายสินค้าที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ได้บรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการรับรองจาก Renewable Energy Certificates (RECs) แล้ว
ศูนย์กระจายสินค้าที่เปิดตัวในปี 2017 ถือเป็นศูนย์ฯ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED-Certified Silver Level เป็นแห่งแรกในลอรีอัล เอเชีย โดยทีมงานในประเทศไทยได้พัฒนาการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ได้แก่
· พัฒนาระบบขนส่งสินค้าและเปลี่ยนไปใช้น้ำมันไบโอดีเซล ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งได้ถึง - 60%
· ใช้แหล่งน้ำฝนสำหรับห้องสุขา ช่วยลดปริมาณน้ำได้มากถึง 120,000 ลิตรต่อปี
· ลดการใช้พลาสติกในการบรรจุหีบห่อสินค้า ด้วยการนำกล่องเก่ามาย่อยใช้แทนพลาสติกกันกระแทก
· แทนที่การใช้เทปพลาสติกด้วยเทปกระดาษ และออกแบบกล่องขนส่งสินค้าใหม่ที่ช่วยลดการใช้เทปได้มากถึง - 88%
· ใช้ไบโอฟิล์มที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมห่อพาเลทสินค้าแทนฟิล์มพลาสติก
· ร่วมกับแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซในการทำพัสดุสีเขียวโดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป