คนท้องฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ไหม ไขข้อข้องใจ ที่คุณแม่อยากรู้

เนื่องจากสถานการณ์โควิด 19 ที่ระบาดมาเป็นระลอกที่ 3 แล้ว ประกอบกับตอนนี้ได้มีวัคซีนป้องกันโควิดที่สามารถใช้ได้จริง จึงทำให้หลายคนอยากจะฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อโควิดกันมากขึ้น แต่ก็มีคำถามเป็นที่สงสัยอยู่ว่า คนท้องฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ไหม เราจึงได้รวบรวมข้อมูลมาตอบให้คุณแม่หายสงสัยกันแล้ว ไปดูกันเลยค่ะว่าตกลงฉีดได้หรือไม่ได้

ตอบให้เคลียร์ คนท้องฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ไหม
จากข้อมูลโดย นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์ หัวหน้าแผนกสูตินรี โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ และกรมอนามัย สรุปได้ว่าคนท้องสามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ โดยแนะนำให้ฉีดหลังจากอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ เพื่อความปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ นอกจากนี้วัคซีนที่ฉีดได้ ทางกรมอนามัยกล่าวว่าให้ฉีดซิโนแวกก่อน เพราะผลิตมาจากเชื้อที่ตายแล้วจึงมีความปลอดภัยมากกว่าวัคซีนที่ผลิตจากเชื้อเป็นอย่าง แอสตร้าเซนเนก้า ดังนั้นคุณแม่ที่ต้องการรับวัคซีนป้องกันโควิด ก็สามารถติดต่อกับทางสถานพยาบาลได้เลย โดยจะได้รับการพิจารณาจากหมอ พร้อมคำแนะนำ และข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงให้ทราบก่อนให้คุณแม่ตัดสินใจว่าจะฉีดหรือไม่นั่นเอง นอกจากนี้ในคุณแม่ที่ให้นมบุตรก็สามารถฉีดได้เช่นกัน

ความสำคัญของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด
Covid 19 เป็นโรคใหม่ และวัคซีนก็เป็นวัคซีนตัวใหม่เช่นกัน ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลไม่กล้าฉีด ประกอบกับได้ยินข่าวถึงผลข้างเคียงมาบ้าง ว่ามีคนฉีดแล้วเป็นลิ่มเลือดอุดตัน หรือมีอาการผิดปกติต่างๆ แต่ถ้าลองศึกษาข้อมูลให้ดีสักนิด จะพบว่าคนที่เกิดการแพ้วัคซีนนั้นมีเพียงกลุ่มน้อย อย่างเช่น ภาวะลิ่มเลือดอุดตัน พบเกิดขึ้นแค่ 7 ในล้านเท่านั้น และคนเอเชียก็เป็นน้อยกว่าฝรั่งเยอะเลยทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่ฉีดวัคซีนก็จะมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น 2-3 วันก็กลับมาเป็นปกติ

ในทางตรงกันข้าม หากคุณไม่ฉีดวัคซีนป้องกันและเกิดโชคร้ายติดโควิดขึ้นมา จะส่งผลอันตรายได้มากทีเดียว เพราะเมื่อเป็นโควิด 19 ก็ต้องใช้ยารักษามากมาย ซึ่งยาบางชนิดอาจมีผลต่อลูกในครรภ์ได้ และหากมีอาการรุนแรงเข้าขั้นโคม่า โดยส่วนใหญ่แล้วแพทย์ก็จะเลือกรักษาชีวิตแม่ไว้ ทำให้ต้องสูญเสียลูกน้อยในครรภ์ไป หรือคุณแม่ที่ติดโควิดในช่วงใกล้คลอด ก็มีความเสี่ยงที่จะขาดออกซิเจนขณะคลอดอีกด้วย ดังนั้นถ้าให้ดีควรฉีดวัคซีนป้องกันโควิดดีกว่า เพราะเราไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะโชคร้ายติดโควิดขึ้นมาตอนไหน ซึ่งถึงแม้การฉีดวัคซีนจะป้องกันได้ไม่ 100% แต่ก็ลดความรุนแรงของโรคได้และป้องกันการเสียชีวิตได้สูงมากทีเดียว

ทำความเข้าใจกับวัคซีนโควิด 19 แต่ละชนิด
เมื่อได้รู้กันไปแล้วว่าคนท้องฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ไหม ทีนี้เรามาทำความเข้าใจกับวัคซีนแต่ละชนิดกันหน่อยดีกว่า ข้อมูลโดย นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์

1.Sinovac

เป็นวัคซีนเชื้อตาย  ผลิตโดยเทคโนโลยีเก่าแก่ตั้งแต่สมัยหลุยส์ ปาสเตอร์ คือ เพาะเลี้ยงเชื้อจำนวนมาก ปัจจุบันก็จะใช้ไข่ไก่เป็นมีเดียในการเพาะเลี้ยง เอาเชื้อที่เพาะเลี้ยงได้มาทำให้ตายซะโดยวิธีการทางเคมี แล้วจึงนำมาผลิตวัคซีน

ข้อดีคือดูจากกรรมวิธีแล้วน่าจะปลอดภัย เพราะใช้วิธีดั้งเดิมเหมือนกันกับที่ทำวัคซีนที่เราฉีดกันมาเป็นสิบๆปี ก่อนหน้านี้

ข้อเสียคือ การเพาะเลี้ยงไวรัสจำนวนมากๆ เป็นโรงงานขนาดนี้ก็ต้องควบคุมกันหนักหนาสาหัส รั่วขึ้นมาอาจจะตายกันทั้งประเทศ อีกทั้งยังต้องใช้ไข่ไก่ตาดำๆ อีกเป็นจำนวนมาก ค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตจึงสูง ดูตามตารางแล้วจะเห็นว่าประสิทธิภาพอาจจะต่ำแถมราคาแพงกว่ายี่ห้ออื่นๆ อีก

2.Astra Zeneca

ก็เป็นวัคซีนที่ใช้วิธีผลิตที่ทันสมัยขึ้นมาหน่อย คือใช้ชิ้นส่วนของไวรัส COVID19 ไปแปะไว้บนไวรัสของลิงชิมแปนซี แล้วทำให้อ่อนฤทธิ์ลง แบ่งตัวไม่ได้ แล้วเอามาผลิตเป็นวัคซีน

ว่ากันง่ายๆ ก็คือ เอาไวรัสมาตัดแขนตัดขา จับทำหมัน เหลือแต่ตัวเป็นๆ ดิ้นด๊อกแด๊ก เอามาทำวัคซีน ก็ดูจะมีประสิทธิภาพในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายได้มากกว่าวัคซีนเชื้อตาย

แต่ก็มีรายงานภาวะแทรกซ้อนของวัคซีนนี้มาเรื่อยๆ โดนเฉพาะการทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน อย่างไรก็ตาม โอกาสเกิดลิ่มเลือดอุดตันนี้เท่าที่รวบรวมทั่วโลก ก็แค่ประมาณ 7 ในล้านเท่านั้นเอง แล้วโรคลิ่มเลือดอุดตันนี้ปกติแล้วก็พบในฝรั่งมากกว่าคนไทยอีกด้วยนะ  .. เอาเป็นว่าตั้งแต่ระดมฉีดวัคซีน Astrea Zeneca ในไทยก็ยังไม่มีพบรายงานภาวะลิ่มเลือดอุดตันเลย


3.Pfizer และ Moderna

เป็นวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ใช้ mRNA ที่เป็นตัวสร้างหนามแหลมของไวรัส นำมาผลิตเป็นวัคซีน เทคนิคนี้ทำให้ผลิตได้ง่าย ทำได้เยอะ  ราคาไม่แพง แต่ก็มีโอกาสเกิดอาการแพ้ อาการเหมือนการแพ้ยา ปากบวม หน้าบวม ได้ประมาณ 4.7 ในล้าน ไม่เยอะเลย แต่ก็ไม่ใช่ไม่มี

ก็ได้คำตอบให้หายสงสัยกันไปแล้วนะคะกับประเด็นที่ว่า คนท้องฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ไหม ซึ่งหากเทียบระหว่างการฉีดวัคซีนกับการติดเชื้อโควิด 19 แล้ว เราควรเลือกที่จะเสี่ยงกับการฉีดวัคซีนดีกว่า เพราะโอกาสน้อยมากที่จะเกิดอันตรายจากวัคซีน แต่ถ้าไม่ฉีดนี่สิ ความเสี่ยงที่จะติดโควิดและอาการรุนแรงมีสูงมากทีเดียว อย่างไรก็ตามก่อนฉีดคุณแม่จะได้รับการตรวจร่างกายและคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อความปลอดภัยค่ะ