CLÉ DE PEAU BEAUTÉ ก้าวสู่ปีที่สอง สนับสนุนองค์การ UNICEF

CLÉ DE PEAU BEAUTÉ ก้าวสู่ปีที่สอง สนับสนุนองค์การ UNICEF

CLÉ DE PEAU BEAUTÉ ก้าวสู่ปีที่สอง สนับสนุนองค์การ UNICEF
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

CLÉ DE PEAU BEAUTÉ ก้าวสู่ปีที่สองของการดำเนินงานสนับสนุนองค์การ UNICEF เพื่อพัฒนาช่องทางสร้างโอกาสให้เด็กหญิงทั่วโลกได้เข้าถึงบูรณาการ STEM EDUCATION

ในฐานะส่วนหนึ่งของพันธกิจช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ระยะยาว เคลย์ เดอ โป โบเต้จะบริจาคเงินส่วนหนึ่งของรายได้จากยอดจำหน่าย Le Serum ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ระดับไอคอนิกของแบรนด์ สำหรับนำไปใช้สนับสนุน และส่งเสริมกิจกรรมการศึกษา พัฒนาความสามารถให้แก่เด็กหญิงด้อยโอกาส เพื่อเป็นกุญแจปลดล็อคไปสู่โลกที่ดีขึ้น

เคลย์ เดอ โป โบเต้ (Clé de Peau Beauté) แบรนด์เครื่องสำอางชั้นสูงระดับสากล อันประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์ถนอมผิว และเมคอัพ ประกาศถึงการก้าวเข้าสู่ปีที่สองของการดำเนินโครงการระยะยาวในรูปแบบ multi-year ร่วมกับองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างโอกาสให้เด็กหญิงด้อยโอกาสทั่วโลกได้มีช่องทางเข้าสู่บูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์ (Science: S), เทคโนโลยี (Technology: T), กระบวนการทางวิศวกรรม (Engineer: E) และคณิตศาสตร์ (Mathematics: M) สำหรับนำไปใช้เชื่อมโยง และแก้ปัญหาในชีวิตจริง อย่างที่เรียกว่า “สะเต็มศึกษา” หรือ (STEM) education ซึ่งจะนำไปสู่การเรียนรู้ และพัฒนาทักษะ ความสามารถเชิงวิชาชีพตามถนัดต่อไปในอนาคต - เป็นการปลดล็อคอำนาจแห่งความทัดเทียม โดยอาศัยการศึกษาพัฒนาศักยภาพ เพื่อสนับสนุนการดำเนินโปรแกรมขององค์การยูนิเซฟในภาคส่วนของการส่งเสริม และสนับสนุนให้เด็กผู้หญิงในบังคลาเทศ, คีร์กีซสถาน และไนเจอร์ ได้รับการศึกษา พัฒนาความสามารถ มีสิทธิ มีเสียงทัดเทียมในสังคม แบรนด์จะบริจาคเงินรายได้ส่วนหนึ่งจากยอดจำหน่าย Le Serum ทั่วโลก ผ่านทางช่องทางออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564 - 31 ธันวาคม 2564 สำหรับประเทศไทยจะหักจากยอดร้านค้าและเคาน์เตอร์เครื่องสำอาง ช่วงระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน 2564 – 31 กรกฎาคม 2564

นอกจากนี้ยังมี โดนัส – มนัสนันท์ จำนงค์อาษา Cle de Peau Beaute Thailand Brand Influencer ร่วมเป็น 1 ใน 7 อินฟลูเอนเซอร์ของแคมเปญที่ออกมาแชร์มุมมองเกี่ยวกับโอกาสทางการศึกษาและการสนับสนุน UNLOCK THE POWER OF GIRLS กุญแจปลดล็อคไปสู่โลกที่ดีขึ้น จากแบรนด์เคลย์ เดอ โป โบเต้ เพื่อองค์กรยูนิเซฟอีกด้วย

 

ปัจจุบัน มีเด็กผู้หญิงวัยแรกรุ่นประมาณ 600 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา จะถูกกีดกันอย่างปราศจากความเหมาะสม ไม่ให้ได้รับการศึกษา และโอกาสในการเสริมสร้างทักษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของสะเต็มศึกษา หรือ STEM จนกลายเป็นประเด็นอันน่าจับตาอย่างยิ่งเมื่อกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการงานอาชีพทั่วโลกนั้น มีการใช้ดิจิทัลเป็นส่วนประกอบ และถ้าหากปราศจากการเพิ่มความรู้ ความชำนาญในการใช้งานดิจิทัล นั่นก็เท่ากับว่า เด็กหญิงแรกรุ่นจำนวนมากเหล่านั้น ย่อมมีโอกาสน้อยลงที่จะได้รับการจ้างงาน เพราะต้องเผชิญกับอุปสรรคบั่นทอนคุณสมบัติ หรือเกณฑ์ความเหมาะสมต่อการแข่งขันในตลาดงานศตวรรษที่ 21 เพิ่มมากขึ้นจากเดิม

นอกจากนั้น วิกฤตโรคระบาดที่ทั่วโลกกำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน ได้กลายเป็นอีกตัวแปรสำคัญซึ่งจะบั่นทอนโอกาสการดำเนินชีวิต และการศึกษาของเด็กหญิงอีกนับหลายล้านคนทั่วโลก อีกทั้งยังแสดงให้เห็นถึงความเร่งด่วนสำหรับการผนวกรวมดิจิทัลเข้าไว้เป็นส่วนสำคัญของทั้งภาคการศึกษา และภาคการงานอาชีพ สืบเนื่องจากที่เรามีความต้องการ และความจำเป็นอย่างสูงในการพึ่งพาเทคโนโลยีแขนงนี้มากยิ่งขึ้น ขณะที่โลกกำลังจัดระบบการเรียนรู้รูปแบบต่างๆ ขึ้นใหม่เพื่อปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงในวิถีใหม่ปัจจุบันของเรา การดำเนินงานร่วมระหว่างเคลย์ เดอ โป โบเต้กับองค์การยูนิเซฟ ก็กำลังก้าวไปสู่ระดับของการพัฒนาแบบแผนรากฐานสำหรับใช้เสริมสร้างทักษะความชำนาญให้แก่เด็กผู้หญิง และผู้หญิงวัยก่อนทำงานทั้งหลาย ให้รองรับกับวิกฤตปัจจุบัน และภาวะอนาคตอันใกล้เช่นเดียวกัน

การระดมเงินทุนสำหรับองค์การยูนิเซฟจากยอดจำหน่าย The Serum เมื่อปีที่แล้ว ได้มีส่วนขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ ซึ่งกำลังดำเนินอยู่ให้รุดหน้า อำนวยให้เด็กหญิงทั้งหลายได้ก้าวผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ที่ขัดขวางโอกาสเข้ารับการศึกษา พร้อมกับช่วยให้พวกเธอสามารถนำศักยภาพภายในของตัวเองออกมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่:

บังกลาเทศ: ปฏิรูปการศึกษาสำหรับเด็กผู้หญิง

·       เคลย์ เดอ โป โบเต้ กำลังให้การสนับสนุนกิจกรรมตามโปรแกรมต่างๆ ขององค์การยูนิเซฟ ซึ่งดำเนินอยู่ในบังคลาเทศ เพื่อยกระดับความเสมอภาคทางเพศในระบบการศึกษา, ขจัดอุปสรรคต่างๆ อันเกี่ยวพันกับเพศสภาพเพื่อให้ได้รับการศึกษาที่เท่าเทียม รวมถึงลดปัญหาความรุนแรงบนฐานของเพศภาวะที่กำลังปรากฏให้เห็นอยู่มากมายในปัจจุบัน

·       ด้วยการร่วมงานกับรัฐบาลของบังกลาเทศ ยูนิเซฟกำลังดำเนินงานออกแบบแผนสร้างหลักสูตรการศึกษาระดับประเทศ, บูรณาการความทัดเทียม เสมอภาคทางเพศ และส่งเสริมการพัฒนาทักษะเชิงวิชาชีพ ที่สามารถส่งผ่านสู่กันได้

·       องค์การยูนิเซฟได้นำโปรแกรมการเรียนรู้ทางเลือก (Alternative Learning Program) มาใช้กับเด็กหญิงแรกรุ่น 100 คนผู้ด้อยโอกาสในบังกลาเทศ เพื่อนำพาพวกเธอไปสู่การพัฒนาทักษะเชิงวิชาชีพ สร้างโอกาสการว่าจ้างงาน 95 เปอร์เซนต์ของเด็กหญิงในโปรแกรมนี้ จึงได้ทำงาน ประกอบอาชีพ ซึ่งตรงกับทักษะ ความสามารถตามถนัดของพวกเธอ

คีร์กีซสถาน: สร้างทักษะเชิงวิชาชีพศตวรรษที่ 21 สำหรับเด็กผู้หญิง

·       เคลย์ เดอ โป โบเต้ กำลังสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามโปรแกรม STEM4Girls ขององค์การยูนิเซฟ เพื่อสร้างอำนาจแห่งความทัดเทียมให้แก่บรรดาเด็กผู้หญิงในประเทศคีร์กีซสถาน ให้พวกเธอได้เรียนรู้ และสามารถบูรณาการความรู้ทางวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, กระบวนการทางวิศวกรรม และคณิตศาสตร์สำหรับนำไปใช้เชื่อมโยง และแก้ปัญหาในชีวิตจริง อย่างที่เรียกว่า “สะเต็มศึกษา” หรือ STEM Education รวมถึงขอบข่ายอื่นๆ นอกเหนือจากนั้น

·       เด็กหญิง110 คนได้รับการฝึกอบรมเพื่อเป็นต้นแบบ และผู้นำในการส่งผ่านองค์ความรู้แก่เด็กหญิงคนอื่นๆ ในชุมชนของตน ปัจจุบัน ผู้ฝึกอบรมในกลุ่มวัยเดียวกัน กำลังดำเนินกระบวนการให้การศึกษา พัฒนาองค์ความรู้แขนงต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ควบคู่ไปกับการแบ่งปันความรู้ และทักษะเชิงวิชาชีพของพวกตนสู่เด็กๆ คนอื่นในชุมชนของพวกเขา เป็นการส่งผ่าน เพิ่มจำนวนผู้มีคุณสมบัติ และความสามารถที่จะเป็นผู้นำการดำเนินกิจกรรมต่อยอดเหล่านี้ออกไปให้มากขึ้น อันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นต่อไปในภายภาคหน้า

ไนเจอร์: การส่งเสริมกิจกรรมสร้างอำนาจแห่งความทัดเทียมให้แก่เด็กผู้หญิง

·       เคลย์ เดอ โป โบเต้ กำลังสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ตามโปรแกรมขององค์การยูนิเซฟในประเทศไนเจอร์ เพื่อสร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะ และความสามารถเชิงวิชาชีพตามความถนัดของตนให้แก่เด็กผู้หญิงแรกรุ่น

·       การร่วมงานนนี้ช่วยส่งเสริมให้เด็กสาว 120 คนได้รับการฝึกอบรมทักษะ ความรู้ตามถนัดของตน ควบคู่ไปกับการเรียนหนังสือให้อ่านออก เขียนได้ และพวกเธอกำลังเริ่มต้นส่งผ่านความรู้ด้วยการดึงเด็กหญิงอีก 200 คนในกลุ่มวัยเดียวกันให้เข้าร่วมโปรแกรม “พี่เลี้ยง” นี้

“เด็กหญิงทุกคน สมควรได้รับสิทธิที่จะเติบโตขึ้นในโลกแห่งโอกาส และได้ใช้ชีวิตที่เติมเต็ม ทว่ากลับมีเด็กหญิงหลายล้านคนทั่วโลกถูกตัดโอกาสเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นโอกาสได้เข้าโรงเรียน หรือได้รับหนทางการศึกษาจากแหล่งความเรียนรู้ต่างๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการตัดโอกาสที่พวกเธอจะได้รับความทัดเทียม เสมอภาคทางสังคม วิกฤตโรคระบาดในปัจจุบัน ได้ช่วยให้เราเห็นความเร่งด่วนต่อการแก้ไขประเด็นเหล่านี้ไปพร้อมกันชัดเจนยิ่งขึ้น รวมถึงความจำเป็นต่างๆ ที่เด็กหญิงทั้งหลายต้องการนำไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของตน และชุมชนที่ตนอยู่อาศัย ด้วยการสนับสนุนจากเคลย์ เดอ โป โบเต้ ที่มีให้กับเรา ยูนิเซฟกำลังวางรากฐานกระบวนการดำเนินงานสร้างทักษะ ความรู้ในระบบสะเต็มศึกษา, วิทยาการดิจิทัล และผู้ประกอบการเพื่อสังคม องค์การยูนิเซฟยังช่วยส่งเสริมกิจกรรมประเด็นต่างๆ อันอำนวยให้เด็กหญิงทั้งหลายได้ใช้ชีวิตที่มีอำนาจแห่งความทัดเทียม ทั้งในแง่ของหนทาง และโอกาสอันเหมาะสม เพื่อให้เด็กหญิงแรกรุ่น 600 ล้านคนทั่วโลก ได้กลายเป็นกลุ่มผู้นำหญิงรุ่นใหม่ ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดเท่าที่โลกได้เคยเห็น” คือคำกล่าวของมิสคาร์ลา แฮ็ดแด็ด มาร์ดินิ, ผู้อำนวยการฝ่ายจัดหาทุน และความร่วมมือจากหน่วยงานเอกชน (Private Fundraising and Partnerships) องค์การยูนิเซฟ

“ที่เคลย์ เดอ โป โบเต้ เราเชื่อว่ากุญแจไขประตูสู่โลกที่ดีขึ้นนั้น อยู่ที่การปลดล็อคอำนาจแห่งความทัดเทียมให้แก่เด็กผู้หญิงทั้งหลายผ่านบูรณาการความรู้ระบบสะเต็มศึกษา (STEM education) และนี่เป็นภารกิจซึ่งไม่อาจมีบุคคลใด บุคคลหนึ่ง หรือแบรนด์สินค้าใดแบรนด์หนึ่งสามารถดำเนินขึ้นได้ตามลำพัง ด้วยการซื้อ The Serum ทุกคนสามารถมีส่วนสนับสนุนให้ภารกิจนี้ดำเนินไปได้ผ่านการร่วมงานของเรากับองค์การยูนิเซฟ เพื่อช่วยทวงคืนบทบาทของพวกเธอในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่าท่ามกลางภาวะวิกฤตโรคระบาดทั่วโลกปัจจุบัน เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับทราบว่า กิจกรรมตามโปรแกรมต่างๆ ของยูนิเซฟ มีส่วนช่วยเปิดช่องทางในการมอบสิ่งจำเป็นต่างๆ อย่างที่สุดสำหรับสร้างการเปลี่ยนแปลง อันนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เต็มไปด้วยความหมายมากขึ้น ในปีที่สองของการดำเนินกิจกรรมครั้งนี้ เราขอเชิญชวนทุกคนให้เข้ามามีบทบาทสำคัญ อันอำนวยต่อการเข้าถึงองค์ความรู้ กระบวนการศึกษา สร้างอำนาจแห่งความทัดเทียม และโอกาสได้รับการจ้างงานให้แก่เด็กหญิงทั่วโลก” มิส ยูการิ ซูซุกิ ประธานผู้บริหารแบรนด์ของเคลย์ เดอ โป โบเต้กล่าว

เคลย์ เดอ โป โบเต้ ตั้งเป้าหมายที่จะมอบอำนาจแห่งความทัดเทียมให้แก่เด็กผู้หญิงทั้งหลายผ่านการศึกษา อันถือเป็นขั้นตอนลำดับแรกในการปลดล็อคศักยภาพ และภูมิปัญญาภายในให้พวกเธอ

เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานเชิงรุกครั้งนี้ เงินส่วนหนึ่งจากทุกการซื้อ The Serum จะถูกนำไปเป็นเงินทุนบริจาคให้แก่องค์การยูนิเซฟ สำหรับนำไปใช้สนับสนุนด้านการศึกษา และสร้างอำนาจแห่งความทัดเทียมของเด็กผู้หญิงทั่วโลก เคลย์ เดอ โป โบเต้ขอเชิญผู้หญิงทั้งหลาย ให้มาร่วมกันมีส่วนเกื้อหนุนต่อระบบการศึกษาของเด็กหญิงเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระหว่างช่วงเวลาวิกฤต ซึ่งเด็กหญิงทั่วโลกกำลังต้องการความช่วยเหลือ ส่งเสริมมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจของทุกคน พวกเธอย่อมสามารถสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยความ ‘สุข’ สว่างได้ดียิ่งขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook