ลดเร็วใช่ว่าดี! เรียนรู้ 4 ภาวะเสี่ยงเมื่อลดน้ำหนักเร็วเกินไป

เมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นรูปร่างเริ่มมีเนื้อส่วนเกิน จึงทำให้คนที่เคยหุ่นดีก็กลายเป็นคนเจ้าเนื้อและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้ง่าย ย่อมทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกอยากลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว จนหันไปพึ่งพายาลดน้ำหนักหรือวิธีการลดที่ผิดธรรมชาติ จนทำให้ภายในระยะเวลาไม่นานลดน้ำหนักลงได้กว่า 5-10 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าผิดปกติ เป็นการลดที่เร็วเกินไปและอาจส่งผลกระทบในหลากหลายด้าน ดังนี้

1.โยโย่ง่าย
การโยโย่ที่ง่ายมากขึ้นมักจะมาจากการอดอาหารหรือการลดน้ำหนักด้วยยาที่ลงเร็วจนเกินไป ซึ่งอาการโยโย่หรือที่ถูกเรียกว่าโยโย่เอฟเฟกต์ เป็นอาการตีกลับของร่างกายที่เมื่อถึงขีดสุดแล้ว จะดีดกลับน้ำหนักเดิมที่สูงกว่าปกติหลายเท่าตัว  มักจะเกิดขึ้นหลังจากการหยุดยาลดน้ำหนักหรือการอดอาหารจนร่างกายรู้สึกทนไม่ไหว สำหรับการตีกลับของน้ำหนักนั้นอาจพุ่งสูงได้ตั้งแต่ 5 กิโลกรัมขึ้นไป และบางคนยังดีดกลับไปมากถึง 20 กิโลกรัมเลยทีเดียว

2.ผิวหย่อนคล้อย
เมื่อน้ำหนักลดลงเร็วจากคนที่เคยเจ้าเนื้อจะกลายเป็นผิวที่หย่อนคล้อย เหี่ยวย่น และหยาบกร้านทันที เนื่องมาจากน้ำในร่างกายถูกดึงออกไปเป็นจำนวนมาก จึงทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นและการลดน้ำหนักที่เร็วเกินไป จึงทำให้เกิดความไม่กระชับ บางรายลดน้ำหนักจาก 100 กิโลกรัม สู่น้ำหนัก 50-60 กิโลกรัม ภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือน จึงทำให้ผิวส่วนต่าง ๆ หย่อนคล้อยจนต้องถึงขั้นผ่าตัดทิ้งอีกด้วย

3.เสี่ยงภูมิคุ้มกันตก
ความเสี่ยงที่ถือว่าน่ากลัวของการลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว คือ ภูมิคุ้มกันที่ตกง่าย จึงทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและการเป็นโรคต่าง ๆ ที่ง่ายกว่าคนทั่วไปเป็นเท่าตัว ทั้งยังต่อยอดไปสู่การเป็นโรคร้ายต่าง ๆ เสี่ยงต่อภาวะโรคหัวใจ, โรคตับ และโรคไตวายสูง ดังนั้นการลดน้ำหนักลงเร็วผิดปกติใช่ว่าจะทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรง แต่กลับเสี่ยงมากขึ้นกว่าเดิม

4.เสี่ยงเสียชีวิตรวดเร็ว
อีกหนึ่งความน่ากลัวของการลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว คือ การเสียชีวิตแบบฉับพลัน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ยาลดน้ำหนักแล้วทำให้น้ำหนักของตัวเองลดลง 10-20 กิโลกรัมภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ มีสิทธิ์เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายเฉียบพลันสูงมาก ซึ่งเรื่องนี้มีข่าวออกมาบ่อยครั้งที่การกินยาลดน้ำหนักหรือการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักให้รวดเร็ว กลับกลายเป็นการทำให้เสี่ยงเสียชีวิตได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

การลดน้ำหนักที่ถูกต้องและถือว่ามีประสิทธิภาพ คือ การที่มีช่วงน้ำหนักกับส่วนสูงพอเหมาะ ไม่ใช่การลดที่รวดเร็ว แต่ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีการจำกัดอาหารและการออกกำลังกายร่วมด้วย เน้นรับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน แป้ง และน้ำตาล แต่จะไม่ใช่การอดอาหารหรือการใช้ยาเพื่อกดความอยากอาหารแต่อย่างใด น้ำหนักที่ถูกต้องควรลดประมาณเดือนละ 1-3 กิโลกรัมเท่านั้น ไม่ควรมากไปกว่านี้ เพราะถือว่าลดลงเร็วและจะเสี่ยงตามที่กล่าวมาข้างต้น