คาร์เทียร์เผยคอลเลคชั่นนาฬิกาที่จะเปิดตัวตลอดปี 2021 ในงาน Watches & Wonders
คาร์เทียร์ (Cartier) แบรนด์เครื่องประดับและนาฬิกาสัญชาติฝรั่งเศส เผยโฉมคอลเลคชั่นเรือนเวลาที่จะทยอยออกสู่สายตาสาธารณชนตลอดปี 2021 ในงาน Watches & Wonders Geneva งานจัดแสดงนาฬิกายิ่งใหญ่ของโลกที่เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ในปีนี้ได้เปลี่ยนรูปแบบมาจัดในแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยคาร์เทียร์มาในคอนเซ็ปต์ “คาร์เทียร์และวัฒนธรรมแห่งการรังสรรค์เรือนเวลา” หรือ “The Culture of Design” นำโดย นาฬิการุ่นคาร์เทียร์ แทงก์ มัสท์ (Cartier Tank Must), นาฬิกาพาช่า เดอ คาร์เทียร์ (Pasha de Cartier), โคลช เดอ คาร์เทียร์ (Cloche de Cartier) ร่วมด้วยนาฬิกาจากคอลเลคชั่นคาร์เทียร์ลิบร์ (Cartier Libre) และคาร์เทียร์รุ่นวินเทจ (Cartier Vintage)
มาตรฐานที่ไม่เคยผ่อนปรนของคาร์เทียร์และวิสัยทัศน์ด้านการออกแบบเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนให้เมซงคาร์เทียร์ยังคงแสวงหารูปทรงอันสมบูรณ์แบบอย่างไม่ลดละ ทุกฝ่ายของคาร์เทียร์ไม่เพียงได้รับแรงบันดาลใจจากมิติอันหลากหลายจากการตีความหมายอย่างไม่ย่อหย่อน ทว่ายังเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นในการผลักดันผลงานสร้างสรรค์ให้เหนือขีดจำกัด
เมื่อเวลาผ่านไป การแสวงหาความเชี่ยวชาญอย่างเต็มรูปแบบจึงได้กลายมาเป็นอัตลักษณ์ของคาร์เทียร์ งาน Watches & Wonders ในปีนี้จะจัดแสดงผลงานอันแน่วแน่ด้วยแนวคิดดังกล่าวผ่านเรือนเวลา 3 คอลเลคชั่นที่เป็นงานดีไซน์ระดับไอคอน นำโดยเรือนเวลารุ่นคลาสสิกตลอดกาล แทงก์ มัสท์ (Tank Must) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรือนเวลารุ่นแทงก์ หลุยส์ คาร์เทียร์ (Tank Louis Cartier) และยังเป็นนวัตกรรมที่ผสานกลไกที่เคลื่อนที่ได้ด้วยผลังงานแสงอาทิตย์และสายนาฬิกาที่ผลิตจากกระบวนการที่ยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ร่วมด้วยคอลเลคชั่นนาฬิกาพาช่า เดอ คาร์เทียร์ (Pasha de Cartier) ที่มาพร้อมกับรุ่นสำหรับสุภาพสตรีและกลไกโครโนกราฟ
พร้อมกับโคลช เดอ คาร์เทียร์ (Cloche de Cartier) หนึ่งในเรือนเวลาจากคอลเลกชั่นคาร์เทียร์ พรีเว (Cartier Privé) ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1920 ซึ่งเป็นรุ่นหายากและมีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ เพื่ออุทิศแด่ผู้เชี่ยวชาญเชิงศิลป์ที่ทำให้เรือนเวลาของเมซงคาร์เทียร์ที่ผ่านการสรรสร้างดุจผลงานศิลปะให้เป็นที่รู้จัก
นอกจาก 3 คอลเลคชั่นที่เป็นงานดีไซน์ระดับไอคอนแล้ว ยังมีคอลเลคชั่นคาร์เทียร์ลิบร์ (Cartier Libre) ที่ได้แรงบรรดาใจมาจากเหล่าสัตว์ที่เปรียบดั่งสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ ศิลปะการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงยังเผยให้เห็นปฏิสัมพันธ์ความเชื่อมโยงระหว่างกลไกนาฬิการะดับไอคอน ไม่ว่าจะเป็นแบบกลไก Mysterious, Skeleton หรือ Tourbillon ความสง่างามของเสือแพนเตอร์ปรากฏให้เห็นในหลายจุดบนนาฬิกา ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของตัวเรือนที่ฝังอัญมณี ไปจนถึงนาฬิกาขนาดเล็กพิเศษกลไกมิสทีเรียส นอกจากนี้ รูปทรงอันสมบูรณ์แบบที่เปรียบเสมือนแนวคิดหลักของนาฬิกาคาร์เทียร์รุ่นวินเทจ (Cartier Vintage) ทำให้เรือนเวลารุ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยภูมิปัญญาการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงที่เป็นมรดกตกทอดของเมซงคาร์เทียร์นี้ ระหว่างปีค.ศ. 1970 จนถึง ค.ศ. 2010 ได้ถูกรวมไว้ในคอลเลคชั่นคาร์เทียร์วินเทจ (Cartier Vintage) ด้วยเหลี่ยมมุมที่แพรวพราว แตกต่าง ทว่าส่งเสริมกันและกัน เป็นภาพสะท้อนความคิดสร้างสรรค์ของของเมซงคาร์เทียร์ได้อย่างไร้ที่ติทุกชิ้นงานล้วนแตกต่างโดดเด่นแต่ยังเชื่อมโยงกันผ่านเส้นสายที่เรียบโก้ เช่นเดียวกันกับความเฉียบคมของสำนึกในวิสัยทัศน์ของนักออกแบบที่มีความมุ่งมั่นในการยกระดับดีไซน์ให้กลายเป็นวัฒนธรรมของคาร์เทียร์
แทงก์ มัสท์ (Tank Must)
เรือนเวลารุ่นแทงก์ได้จารึกความสง่างามของคาร์เทียร์ผ่านดีไซน์ที่เฉียบคมแน่วแน่และเส้นสายที่เด็ดเดียว ตั้งแต่ผลงานสร้างสรรค์ชิ้นแรกเมื่อปี 1917 ดีไซน์เหนือกาลเวลา โดดเด่นไม่เหมือนใคร ทำให้นาฬิกาแทงก์กลายเป็นวัฒนธรรมแห่งยุคสมัยของปี 2021 นี้ หลังจากเวลาล่วงไปกว่าศตวรรษ นาฬิการุ่นนี้จึงถูกนำกลับมาตีความใหม่เป็นรุ่นแทงก์ มัสท์ โดยทั้ง แทงก์ (Tank) และมัสท์ (Must) คือผลลัพธ์ที่ลงตัวระหว่างสัญลักษณ์สำคัญประจำเมซงคาร์เทียร์ โดยแทงก์ (Tank) คือคอลเลคชั่นสำคัญของแบรนด์ ในขณะที่มัสท์ (Must) คือคอลเลคชั่นอันเป็นอมตะของคาร์เทียร์ในยุค 70 ที่นำขนบของความหรูหราคลาสสิกกลับมาอีกครั้ง
นาฬิกาแทงก์ มัสท์ (Tank Must) เป็นผลผลิตแห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงที่ทันสมัยและได้รับความนิยมอย่างมาก นับเป็นอีกเอกลักษณ์ของเมซงคาร์เทียร์ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนดีไซน์และกลไกอยู่เสมอ ด้วยพันธสัญญาของการศิลปะการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงที่ต้องพัฒนาไปตลอดเวลา ฝ่ายออกแบบจึงได้พัฒนานาฬิการุ่นแทงก์ มัสท์ (Tank Must) อีกครั้ง เกิดเป็นรุ่นโมโนโครมและรุ่นดั้งเดิมพร้อมกลไกที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์
เรือนเวลารุ่นพาช่า (Pasha Watch)
ด้วยหน้าปัดที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร อีกทั้งเม็ดมะยมที่ถูกร้อยเข้ากับตัวเรือนด้วยโซ่ และดีไซน์ที่เหนือกว่า ทำให้เรือนเวลารุ่นพาช่าเป็นเครื่องบอกเวลาสำหรับผู้อยู่เหนือกฏเกณฑ์ใดๆ ตั้งแต่ผลิตออกมาเมื่อปี 1985 ในปี 2020 ที่ผ่านมา คาร์เทียร์นำนาฬิการุ่นนี้มาตีความแบบใหม่ และในปี 2021 นี้ นาฬิกาพาช่าเพิ่มดีไซน์ใหม่ด้วยรุ่นขนาดหน้าปัด 30 มิลลิเมตร สำหรับสุภาพสตรี และรุ่นหน้าปัดขนาด 41 มิลลิเมตร กลไกโครโนกราฟสำหรับสุภาพบุรุษ
คอลเลคชั่นคาร์เทียร์ พรีเว (Cartier Privé)
เรือนเวลารุ่นโคลช เดอ คาร์เทียร์ (Cloche de Cartier) นับเป็นผลงานสร้างสรรค์ลำดับที่ 5 ในคอลเลคชั่นคาร์เทียร์ พรีเว นับจากเรือนเวลารุ่นแครช (Crash), แทงก์ ซองเทร (Tank Cintrée), ตอนโน (Tonneau) และ แทงก์ อาซีมีทรีค (Tank Asymétrique) ในคอลเลกชั่นคาร์เทียร์ พรีเว่ ซึ่งเป็นสุดยอดคอลเลคชั่นสำหรับนักสะสมเพื่อยกย่องและดื่มด่ำผลงานเรือนเวลารุ่นพิเศษระดับตำนานของเมซงคาร์เทียร์ที่ผลิตเป็นจำนวนจำกัดและมีหมายเลขกำกับทุกเรือน
เรือนเวลารุ่นโคลช เดอ คาร์เทียร์ (Cloche de Cartier)
ดีไซน์ “โคลช” (กระดิ่ง) ปรากฏให้เห็นในผลงานสร้างสรรค์หลายชิ้นของคาร์เทียร์ในปี 1920 และเรือนเวลารุ่น “โคลช เดอ คาร์เทียร์” ได้ชื่อนี้เนื่องจากเมื่อวางตามแนวนอนแล้ว รูปทรงของตัวเรือนจะเหมือนกระดิ่งที่ใช้สั่นเมื่อต้องการรับบริการที่เคาน์เตอร์ เรือนเวลารุ่นนี้มีชื่อที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของนาฬิกา เช่นเดียวกับอีกหลายชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจะมีเส้นสายที่เฉียบคม และสื่อถึงแรงบันดาลใจแห่งการออกแบบได้อย่างชัดเจน
คาร์เทียร์ลิบร์ (Cartier Libre)
ในทุกปี เรือนเวลาคอลเลคชั่นคาร์เทียร์ลิบร์ (Cartier Libre) จะนำเสนอนาฬิการูปทรงโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์จากประวัติศาสตร์ของเมซงคาร์เทียร์ ลุคที่เฉียบและแปลกแตกต่างทว่ายังอยู่ในครรลอง ที่เผยให้เห็นความรุ่มรวยของแรงบันดาลใจที่สามารถพบได้จากเรื่องราวของรูปทรงต่างๆ ในบันทึกของศาสตร์แห่งการประกอบเรือนเวลาชั้นสูงผ่านผลงานสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใคร
สำหรับเรือนเวลาเรือนที่ 3 ในคอลเลคชั่นคาร์เทียร์ลิบร์ นักออกแบบของคาร์เทียร์ได้เลือกที่จะผสานรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์จากหน้าประวัติศาสตร์การประกอบเรือนเวลาชั้นสูงของคาร์เทียร์เข้ากับเหล่าสัตว์ที่อยู่ในตระกูลสัญลักษณ์ของเมซงคาร์เทียร์ อันได้แก่ เรือนเวลารุ่นเบญนัวร์ (Baignoire) และดีไซน์เต่า (Tortue) พร้อมกับ เรือนเวลารุ่นตอร์กทู (Tortue) และดีไซน์งู (Serpent) มาเป็นเรือนเวลาล้ำค่าสองเรือนที่เหนือความคาดหมายซึ่งถูกตีความผ่านผลงานเรือนเวลาประดับอัญมณีสูงค่า อันได้แก่ นาฬิการุ่น Cartier Libre Baignoire Turtle และรุ่น Cartier Libre Tortue Snake โดยนาฬิกาทั้งสองรุ่นนี้ผลิตจำนวนจำกัดรุ่นละ 30 เรือนเท่านั้นพร้อมหมายเลขกำกับทุกเรือน
คอลเลกชั่นคาร์เทียร์วินเทจ (Cartier Vintage Collection)
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คาร์เทียร์ได้ทำการขายชิ้นงานระดับแอนทีค ไม่ว่าจะเป็นอัญมณี เรือนเวลาชั้นสูงและเครื่องประดับล้ำค่าที่ผลิตตั้งแต่ต้นศตรวรรษที่ 20 เรื่อยไปถึงยุค 70 ในวันนี้ทางเมซงคาร์เทียร์จึงได้สร้างสรรค์เรือนเวลาคอลเลกชั่นคาร์เทียวินเทจ (Cartier Vintage) ขึ้นอย่างเป็นทางการ ซึ่งในคอลเลกชั่นประกอบด้วยเรือนเวลาที่ประกอบขึ้นตั้งแต่ปี 1970 ถึงปี 2010 ที่แสดงถึงความรุ่มรวยหลากหลายของรูปทรงต่างๆ ในบันทึกประวัติศาสตร์การประกอบเรือนเวลาชั้นสูงของแบรนด์รวมทั้งดีไซน์สุดคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลา โดยเปิดโอกาสให้นักสะสมได้ครอบครองเรือนเวลาของแท้ระดับไอคอนที่หายากและขึ้นทำเนียบเรือนเวลาชั้นสูงของแบรนด์
ท่องไปในโลกแห่งนาฬิกาคาร์เทียร์ได้แล้ววันนี้ ที่ www.cartierwatchmakingencounters.com หรือผ่านทางเว็บไซต์ www.cartier.com