วิธีทำแกงหยวกกล้วย แกงโบราณที่ว่าไว้ “ต้องกินอย่างน้อยปีละหน”
"แกงหยวกกล้วย" เป็นแกงโบราณที่นิยมทำในงานบุญงานบวช มีวัตถุดิบหลักคือ “หยวกกล้วย” หรือส่วนที่อยู่ส่วนแกนในของลำต้นกล้วย มีสีขาวนวล หยวกกล้วย เป็นส่วนของกล้วยที่มีใยอาหารช่วยดูดซับสิ่งสกปรกและสารพิษตามลำไส้ กระเพาะอาหาร อีกทั้งมีธาตุเหล็กช่วยในการกระตุ้นผลิตฮีโมโกลบิลในเลือด ช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลังหรือโลหิตจาง ช่วยบรรเทาอาการเสียดท้อง ป้องกันโรคลำไส้เป็นแผลได้ จากหนังสือ บันทึกของแผ่นดิน ๖ สมุนไพรท้องไส้…ในวิถี ASEAN โดย ภญ. ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร ระบุว่า
“คนโบราณว่า ต้องกินแกงหยวกกล้วยอย่างน้อยปีละหน เพื่อไปพันเอาสิ่งตกค้าง เช่น กระดูก เส้นผม รวมทั้งคุณไสยที่ตกค้างอยู่ในท้องออกมา”
แค่สรรพคุณของวัตถุดิบก็น่าสนใจ แถมยังหาได้ไม่ยาก วันนี้จึงอยากชวนสาวเล็กสาวใหญ่มาปรุง แกงหยวกกล้วย ด้วยวิธีง่ายๆ ไม่กี่ขั้นตอน
วัตถุดิบแกงหยวกกล้วย
- หยวกกล้วยอ่อน 500 กรัม
- เนื้อหมู 450 กรัม
- พริกแกงเผ็ด 200 กรัม (หรือประมาณตามชอบ)
- น้ำปลา 3-4 ช้อนโต๊ะ (หรือประมาณตามชอบ)
- กะทิ 250 มิลลิลิตร
- น้ำเปล่า 650 มิลลิลิตร
วิธีทำแกงหยวกกล้วย
ตัดส่วนบนของลำต้นกล้วย แล้วลอกเอากาบออกให้เหลือเฉพาะกาบอ่อนด้านในหยวกกล้วย (ใช้กล้วยตานี หรือกล้วยน้ำว้าก็ได้ เลือกต้นอ่อนที่ยังไม่ออกปลีดีที่สุด) จากนั้นนำมาหั่นให้ได้ขนาดที่พอเหมาะ ล้างน้ำและแช่เตรียมไว้โดยบีบมะนาวลงไปซีกหนึ่ง ช่วยลดรสฝาดและป้องกันหยวกกล้วยดำ
หยวกกล้วยมีใยกล้วยบาง ๆ ที่ยืดยาวพันกัน (เป็นเหตุให้คนโบราณไม่นิยมทำในงานศพเพราะเชื่อว่าผู้จากไปจะยังผูกพันหรือยังมีห่วง ไปไม่สงบ) ให้ใช้ตะเกียบไม้คนวน ๆ เพื่อเกี่ยวเส้นใยออกมาบ้าง หยวกกล้วยจะได้เป็นชิ้น ไม่ติดกัน
ผัดพริกแกงกับน้ำมันจนหอม เลือกใช้พริกแกงเผ็ดมากหรือเผ็ดน้อยก็ได้ตามชอบ
นำเนื้อหมูหั่นชิ้นลงไปผัดกับพริกแกงจนเริ่มสุก ใครชอบเนื้อไก่ ก็ใช้ได้เช่นกัน ระหว่างนี้ให้ปรุงรสด้วยน้ำปลา
เติมน้ำเปล่าลงไปให้ท่วมเนื้อหมูตั้งต่อจนน้ำเดือด
ใส่หยวกกล้วยที่หั่นเตรียมไว้ แล้วค่อย ๆ คนให้จนหยวกกล้วยยุบตัว
หากรู้สึกน้ำแกงน้อยไปอย่าเพิ่งเติมน้ำ รอจนหยวกกล้วยสุกดีเพื่อรักษาความเข้มข้นของน้ำแกง
หยวกกล้วยสุกแล้วเทน้ำกะทิลงไปได้เลย จากนั้นผัดผสมไปมาให้เข้ากัน แล้วปิดไฟเตรียมเสิร์ฟ
เสร็จแล้ว “แกงหยวกกล้วย” นับเป็นแกงโบราณที่ทำง่ายมาก ๆ ใครไม่เคยรับประทานอยากให้ลองดู แล้วจะรู้ว่ากล้วยที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์ใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนทั้งผล ปลี ใบ ยังมีแกนกลางลำต้นที่ทำอาหารอร่อย ๆ ได้ด้วย