นี่ฉันเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? เรื่องเล่าจากบรรดาหญิงญี่ปุ่นเมื่อได้เป็นคุณแม่เต็มตัว
มีเพื่อนๆ ท่านไหนกำลังเลี้ยงลูกอยู่ไหมเอ่ย ? แล้วเคยสังเกตตัวเองไหมว่าตั้งแต่เริ่มทำหน้าที่เลี้ยงดูเจ้าตัวน้อยเป็นต้นมา เพื่อนๆ มีพฤติกรรมหรือลักษณะนิสัยอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้างหรือเปล่า ? หากมีก็ไม่ต้องตกใจไปนะ เพราะมีหญิงชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยเลยที่สังเกตตัวเองแล้วพบว่าหลังจากที่เริ่มทำหน้าที่คุณแม่เต็มตัวแล้ว พวกเธอก็มีพฤติกรรมหรือนิสัยบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิมเช่นกัน ดังนั้นวันนี้ เราจะมาลองฟังเหล่าบรรดาคุณแม่ชาวญี่ปุ่นกันว่า พวกเธอมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง
ลักษณะการพูดที่เปลี่ยนแปลงไป (ห้าวมากขึ้น !)
I ซัง มีลูกอายุ 1 ขวบ และ 5 ขวบ เธอเล่าว่า สมัยตอนเป็นเด็กเธอมีนิสัยขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก จึงไม่ค่อยกล้าพูดกับใครสักเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ต่อให้รู้สึกว่าเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่นั้นมันดูแปลกๆ หรือ ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น เธอก็เลือกที่จะนิ่งเงียบ ไม่กล้าแสดงความเห็นแย้ง ได้แต่เก็บไว้ในใจเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเก็บมาคิดจนเครียดหรอกนะ สรุปง่ายๆ ก็คือตัวเองเป็นพวกขี้ขลาดแค่นั่นแหละ (= _ =;)
I ซัง เล่าต่อว่า แต่หลังจากที่ลูกสาวคนโตอายุได้ประมาณ 2 – 3 ขวบ เวลาพูดคุยกับคุณแม่ท่านอื่นๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกล้าพูด กล้าแสดงความคิดเห็นมากขึ้น เช่น หากเธอไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่กำลังสนทนากันอยู่ ก็กล้าที่จะพูดออกไปตรงๆ เลยว่า มันไม่น่าใช่อย่างนั้นนะ ! นอกจากนี้ เวลาไปทานข้าวในร้านอาหาร ก็กล้าที่จะตะโกนเรียกพนักงานด้วยน้ำเสียงอันห้าวหาญและดุดันมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นสมัยก่อนล่ะก็คงทำไม่ได้แน่ๆ แต่คิดไปคิดมา สาเหตุที่พฤติกรรมตัวเองเปลี่ยนไปอาจไม่ได้เกิดจากการเลี้ยงลูกก็ได้ แต่น่าจะเกิดจากอายุที่เริ่มมากขึ้นล่ะมั้ง (-_-;)
เริ่มเข้าสังคมมากขึ้น
Y ซัง มีลูกอายุ 5 ขวบ เธอเล่าว่า ตั้งแต่ตอนเด็กๆ จนถึงช่วงก่อนมีลูก เธอรู้สึกว่าการพบปะและพูดคุยกับคนอื่นมันเป็นเรื่องที่น่ารำคาญ พอกลับจากโรงเรียน หรือกลับจากทำงานที่บริษัท เธอก็มักจะเก็บตัวใช้ชีวิตอยู่ในห้องเงียบๆ คนเดียว จะเรียกว่าเป็นโรคฮิคิโคโมรินิดๆ ก็ได้มั้ง อีกอย่างพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยจะบ่นอะไรด้วย ก็เลยใช้ชีวิตแบบนั้นมาโดยตลอด
หลังจากมีลูก ก็เริ่มมีเพื่อนๆ ที่เป็นคุณแม่เหมือนกันมากขึ้น แต่ก็รู้สึกว่าพวกคุณแม่ทั้งหลายเนี่ยน่ารำคาญจังเลยนะ ก็เลยพยามที่จะไม่ร่วมวงสนทนาด้วย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับลูก ก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าร่วมวงสนทนาด้วยทันที ! ก็เลยเริ่มรู้สึกขึ้นมาแล้วว่า เอ๊ะ นี่เราก็มีนิสัยชอบเข้าสังคมเหมือนกันนี่นา จนตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกสนุกสนานกับการพูดคุยกับผู้คนมากขึ้น ถ้าเกิดว่าไม่มีลูกล่ะก็ ป่านนี้คงป่วยเป็นโรคฮิคิโคโมริเต็มตัวไปแล้วแน่ๆ (¯▽¯ *)
หมายเหตุ: โรคฮิคิโคโมริ คือ โรคที่ผู้ป่วยจะมีพฤติกรรมปฏิเสธการเข้าสังคม และมักเก็บตัวใช้ชีวิตอยู่ในห้องคนเดียวเสมอ
บริหารจัดการเวลาได้ดียิ่งขึ้น
S ซัง มีลูกอายุ 6 ขวบ เธอเล่าว่า เดิมทีเธอทำอาชีพเป็นนักเขียนฟรีแลนซ์ ก่อนที่จะมีลูก เธอมีนิสัยขี้เกียจมากๆ ก็เลยทำงานแบบเรื่อยเปื่อยเฉื่อยแฉะไปวันๆ และมักจะพ่ายแพ้ให้กับสิ่งยั่วยวนที่อยู่รอบกายเสมอ ตัวอย่างเช่น หลังจากนั่งทำงานได้เพียงไม่นาน พอเธอรู้สึกตัวอีกทีก็มานั่งเล่นอินเตอร์เน็ตหรือไม่ก็นั่งดูทีวีอยู่ซะแล้ว งานบ้านก็ดองๆ เอาไว้ก่อน ผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย
แต่หลังจากมีลูก ในทุกวันๆ ก็ต้องคอยวางแผนว่า วันนี้จะไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนกี่โมง เวลานี้ต้องสะสางงานให้เสร็จนะ เวลานี้ต้องเริ่มทำงานบ้านแล้วนะ เวลานี้พักผ่อนได้ ซึ่งในช่วงแรกๆ ก็ทำแบบเรื่อยเปื่อยไปวันๆ แล้วก็สำนึกผิดไปในแต่ละวัน แต่ว่าตอนนี้ก็รู้สึกว่าสามารถบริหารจัดการเวลาทำกิจกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดีแล้วล่ะ ( ‾́ ◡ ‾́ )
ละเอียดรอบคอบมากยิ่งขึ้น
O ซัง มีลูกอายุ 3 ขวบ 6 ขวบ และ 9 ขวบ เธอเล่าว่า ในช่วงสมัยที่เป็นนักศึกษา เธอมีนิสัยขี้หลงขี้ลืมอยู่เสมอ เช่น “เอ๊ะ นี่เราลืมส่งรายงานให้อาจารย์หรือเปล่าเนี่ย !” “เอ๊ะ นี่เราส่งรายงานทันเวลารึเปล่าเนี่ย !” พอเริ่มไปทำงานก็มักหลงลืมกำหนดส่งงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมาย ก็เลยต้องเอ่ยปากขอผัดผ่อนเวลาอยู่บ่อยครั้ง
แต่ว่าทุกวันนี้ต้องคอยตรวจเช็คและจัดเตรียมพวกตำราเรียน เอกสารประกอบการเรียนของลูกไว้ให้พร้อมอยู่เสมอ และยังคอยเขียนกำหนดส่งการบ้านวิชาต่างๆ ไว้ที่ปฏิทินด้วยตัวอักษรสีแดงตัวโตๆ เพื่อป้องกันการลืม นอกจากนี้ ยังจัดเรียงพวกตำราเรียนและเอกสารประกอบการเรียนของลูกทั้ง 3 คน ไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย จนตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกตกใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมเรื่องของตัวเองเราถึงไม่ละเอียดรอบคอบแบบนี้ล่ะ แต่พอเป็นเรื่องของลูกปุ๊บ กลับทำได้เป็นอย่างดีเลย ٩(。•́‿•̀。)۶
เริ่มคิดว่าเด็กๆ เนี่ยก็น่ารักดีเหมือนกันนะ
H ซัง มีลูกอายุ 3 ขวบ เธอเล่าว่า จริงๆ แล้วตอนที่ยังไม่มีลูก เธอรู้สึกไม่ชอบเด็กเอามากๆ เพราะเธอมองว่าพวกเด็กๆ ทุกคนชอบแหกปากร้องไห้เสียงดัง เอาแต่ใจไร้เหตุผล คาดเดาอารมณ์ไม่ได้ แม้กระทั่งลูกของพี่สาวซึ่งเป็นหลานแท้ๆ เธอยังรู้สึกไม่ชอบเลย
แต่พอตัวเองมีลูกแล้ว กลับเริ่มรู้สึกแพ้ทางเด็กขึ้นมาซะงั้น ! อาจเพราะได้เป็นแม่คน หรือไม่ก็ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงล่ะมั้ง แต่ที่น่าตกใจมากที่สุดคือ ทุกวันนี้พอเห็นเด็กๆ ที่เล่นกันอยู่ตามสวนสาธารณะแล้ว ก็มักจะหลุดปากพูดออกไปว่า “อาห์ เด็กๆ เนี่ยน่ารักจังเลยน้า ~” จนตัวเองรู้สึกตกใจมากว่านี่เราพูดออกไปได้ไงเนี่ย (= _ =;)
H ซัง กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ตอนนี้เธอจะรู้สึกชอบเด็กๆ มากก็ตาม แต่ก็ต้องคอยระมัดระวังความคิดของตัวเองอยู่เสมอ เผื่อว่าวันหนึ่งเมื่อลูกของเธอเติบโตขึ้น แล้วมาพูดจาไม่ดีใส่เธอล่ะก็ จะได้ไม่เผลอกลับไปมองเด็กๆ ในแง่ลบเหมือนเมื่อก่อน