รู้จัก "ท้องนอกมดลูก" ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์
หนึ่งในความกังวลของผู้หญิงทุกคนที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ก็คือการมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะการท้องนอกมดลูก เพราะนอกจากจะเป็นอาการที่ไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยตัวเองแล้ว อาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการท้องนอกมดลูกยังไม่มีความแตกต่างไปจากอาการที่แสดงออกเหมือนคนท้องทั่วไปอีกด้วย วันนี้เราจึงขอนำเนื้อหาที่น่าสนใจเกี่ยวกับอาการท้องนอกมดลูกมาแชร์ให้คุณแม่ทุกคนได้ทำความเข้าใจกันค่ะ
ท้องนอกมดลูก คืออะไร
ท้องนอกมดลูก คือ การที่ไข่ได้รับการปฏิสนธิ แต่ไม่มีการเคลื่อนลงมาฝังตัวที่มดลูก จึงเกิดการค้างอยู่ที่บริเวณท่อนำไข่ ซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์จะเริ่มสังเกตอาการต่างๆ ได้เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 8 สัปดาห์ โดยอาการที่แสดงออกจะมีอาการปวดท้องเฉียบพลัน วิงเวียนศีรษะ ความดันต่ำ และมีเลือดออกที่อวัยวะเพศ นอกจากนี้การท้องนอกมดลูกถือเป็นสิ่งที่มีผลกระทบต่อจิตใจของคุณแม่อย่างมาก เพราะคุณแม่จำเป็นต้องเอาเด็กออก ซึ่งคุณแม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวและจิตใจในการสูญเสียครั้งนี้มากเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้อาการท้องนอกมดลูกพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ก็ถือเป็นอาการที่อันตรายมากๆ เนื่องจากไข่จะยังคงติดอยู่ที่รังไข่หรืออวัยวะภายในช่องท้องส่วนล่างนั่นเอง หากตัวอ่อนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะทำให้อวัยวะเกิดการฉีกขาด และทำให้มีเลือดออกเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งสร้างความเจ็บปวดให้กับคุณแม่จนไม่สามารถอธิบายได้เลย
อาการท้องนอกมดลูก
โดยปกติแล้วอาการท้องนอกมดลูกที่เป็นอาการหลักๆ ก็คือ ประจำเดือนขาด ปวดท้องน้อย และมีเลือดออกทางช่องคลอด แต่ทั้งนี้ยังมีอาการอื่นๆ อีกมากมายซึ่งคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถสังเกตได้ดังนี้
1.มีอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน
2.มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดในปริมาณมาก
3.มีอาการปวดไหล่ ปวดคอ และปวดบริเวณทวารหนัก
4.มีอาการหน้ามืดจะเป็นลม
5.เกิดภาวะช็อค
6.ประจำเดือนขาด
7.เจ็บหน้าอก
8.มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ
ผู้ที่มีความเสี่ยงเผชิญกับการท้องนอกมดลูก
สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงกับการท้องนอกมดลูกแบ่งได้ดังนี้
1.เคยมีประวัติท้องนอกมดลูกมาก่อน
2.ตั้งครรภ์ในช่วงที่มีอายุมากแล้ว
3.ติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
4.เคยผ่านการผ่าตัดในอุ้งเชิงกราน
5.กินยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนโปรเจสโตรเจน
6.ใส่ห่วงอนามัย
7.ใช้เทคโนโลยีช่วยในการตั้งครรภ์
8.รังไข่และท่อนำไข่มีความผิดปกติ
วิธีการรักษาอาการท้องนอกมดลูก
สำหรับวิธีการรักษาอาการท้องนอกมดลูกนั้น สามารถรักษาได้โดยที่ไม่ต้องอาศัยการผ่าตัด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและอายุครรภ์ของคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีวิธีการรักษาอาการท้องนอกมดลูกอื่นๆ ดังนี้
1.ใช้ยารักษาอาการต่างๆ ให้เหมาะสมตามอาการของผู้ป่วย
2.ใช้วิธีการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะทำการผ่าตัดผ่านกล้อง
3.รักษาภาวะแทรกซ้อน
จะเห็นได้ว่าการท้องนอกมดลูกคือหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่ทั้งนี้ผู้หญิงทุกคนที่กำลังเตรียมตัวในการตั้งครรภ์ก็สามารถลดความเสี่ยงที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออวัยวะในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย การงดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือหมั่นสังเกตอาการต่างๆ ที่เป็นสัญญาณสำคัญ รวมทั้งวางแผนการดูแลครรภ์ให้ดีนั่นเอง