BIOTHERMxGEPP แคมเปญ "เก็บ" ขวดคืน "ฟื้น" มหาสมุทร ช่วยพัฒนาท้องทะเลให้ดีขึ้น

BIOTHERMxGEPP แคมเปญ "เก็บ" ขวดคืน "ฟื้น" มหาสมุทร ช่วยพัฒนาท้องทะเลให้ดีขึ้น

BIOTHERMxGEPP แคมเปญ "เก็บ" ขวดคืน "ฟื้น" มหาสมุทร ช่วยพัฒนาท้องทะเลให้ดีขึ้น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไบโอเธิร์ม แบรนด์สกินแคร์ที่มีความผูกพันกับท้องทะเล ร่วมมือกับ ‘GEPP’ ดิจิทัลแพลตฟอร์มด้านการจัดการข้อมูลขยะและวัสดุรีไซเคิล เกิดเป็นโครงการอนุรักษ์ท้องทะเลครั้งยิ่งใหญ่ ที่คุณเองก็สามารถมีส่วนร่วมได้เพียงแค่ ‘ส่งคืน’

บนโลกนี้มีพื้นที่เป็นมหาสมุทรถึง 70% โดยใน 70% นั้น มีประชากรเป็นแพลงตอนทะเล สิ่งมีชีวิตที่มนุษย์มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กลับเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างออกซิเจนกว่าครึ่งบนโลกใบนี้ จนทำให้ท้องทะเลได้ชื่อเล่นว่าเป็น “ปอดของโลก”

แต่ก็น่าเสียดาย ที่แพลงตอนทะเลเหล่านี้กำลังจะหายไป เพราะปัญหาขยะและมลพิษในทะเล

 

LIVE BY BLUE BEAUTY & WATER LOVER เพื่อ ‘ปอดสีฟ้าคราม’

ท่ามกลางปัญหามลภาวะและขยะที่ค่อย ๆ ทำลายสิ่งมีชีวิตในท้องทะเล ยังคงมีแบรนด์สกินแคร์แบรนด์หนึ่งที่ยังคงมุ่งมั่นที่จะดูแลรักษามหาสมุทรเอาไว้ นั่นก็คือ ‘BIOTHERM’ ที่มีความผูกพันกับแหล่งน้ำและท้องทะเลมาตั้งแต่จุดกำเนิดของแบรนด์ครั้งแรก

และก็เป็นความโชคดีที่เราได้มีโอกาสฟังเรื่องราวแสนพิเศษจาก “คุณปาล์ม” ทรงสมร ฮัทเท็ท ผู้จัดการทั่วไปแผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) ที่จะทำให้เราได้รู้จักกับ BIOTHERM มากขึ้น และทำความเข้าใจว่าทำไมในปีนี้แบรนด์ถึงลุกขึ้นมาจัดกิจกรรมในการดูแลท้องทะเลครั้งยิ่งใหญ่กว่าปีอื่น ๆ

BIOTHERM ผูกพันกับแหล่งน้ำมากขนาดไหน?

“ต้องขอเล่าก่อนเลยว่า Biotherm เป็นแบรนด์ที่ผูกพันกับธรรมชาติมานานมาก เพราะเราเกิดมาจากแหล่งน้ำเล็ก ๆ บนเทือกเขาในประเทศฝรั่งเศส ชื่อว่า เฟร้นช์ พีเรนีส (French Pyrenees) ซึ่งที่นั่นก็เป็นจุดกำเนิดของ ‘Life Plankton’ ที่เป็นเหมือนหัวใจหลักและ DNA ของแบรนด์ ถ้าขาดแหล่งน้ำไป แพลงตอนทะเลก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้น ‘น้ำ’ สำหรับ Biotherm แล้วจึงเป็นสิ่งที่เราผูกพันและรู้สึกหวงแหนเป็นอย่างมาก และไม่ใช่แค่แหล่งน้ำเล็ก ๆ ที่เราอยากจะดูแล แต่เรามองกว้างไปถึงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ของโลกอย่างมหาสมุทรด้วย” -คุณปาล์มกล่าว

 

ซึ่ง Biotherm ก็ไม่ได้ทำแค่มอง แต่ลุกขึ้นมาทำโครงการดูแลท้องทะเลอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2012 โดยให้ชื่อว่า ‘Water Lover’ ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักถึงภัยคุกคามของมลพิษขยะพลาสติกในมหาสมุทร โดยยึดมั่นในหลัก “Blue Beauty”

“Blue Beauty เป็นการมองผลิตภัณฑ์แบบองค์รวมค่ะ ไม่ว่าจะส่วนผสม ขั้นตอนการผลิต ขั้นตอนการใช้งาน แม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ จะต้องเกิดผลกระทบต่อมหาสมุทรน้อยที่สุด ซึ่งการที่จะเกิด ‘Blue Beauty’ ขึ้นได้ก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือ ‘Blue Science’ และพันธสัญญาด้านความยั่งยืนที่เรียกว่า ‘Blue Sustainability Commitments’ สามอย่างนี้รวมกันแล้วถึงจะกลายเป็นโครงการที่เรียกว่า “Water Lovers”

จากวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ สู่การลงมือทำจริงจาก Biotherm ทั่วโลก โดยจะเน้นไปที่การพัฒนา 4 เรื่องหลัก ได้แก่ การพัฒนาศักยภาพของ Bioscience ให้สามารถผลิตส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความยั่งยืน การพัฒนาส่วนผสมอย่างต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบต่อสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อมในทะเล การใช้วัสดุรีไซเคิลหรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมในทุก ๆ Touchpoint ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์จนถึงการวางสินค้า ณ เคาน์เตอร์ และที่สำคัญทั้งหมดนี้ยังเป็นความร่วมมือกับองค์กรผู้เชี่ยวชาญหรือพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน เพื่อที่จะให้มั่นใจว่าเราจะสามารถพัฒนาและรักษาท้องทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ๆ


แล้วสำหรับปีนี้ Biotherm จะมีกิจกรรมพิเศษอะไรให้พวกเราได้ตื่นเต้นกันบ้าง?

“ในปีนี้ Biotherm จัดกิจกรรมใหญ่อีก 2 แคมเปญคือ A Voice for the Ocean: BIOTHERM x COCO CAPITÁN หนึ่งเสียงเพื่อมหาสมุทร ซึ่งเป็นการร่วมมือทางศิลปะกับดีไซเนอร์ชื่อดัง COCO CAPITÁN เราเชื่อว่าจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมที่มีต่อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพียงอย่างเดียว มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมหาสมุทรให้รอดจากความเสี่ยงทางสภาพแวดล้อมได้ เราเลยใช้ศิลปะในการสื่อสาร และหวังว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะช่วยเผยแพร่เรื่องราวนี้ไปสู่ผู้ชมในวงกว้างยิ่งขึ้น

ส่วนทางฝั่งไทยจะมีกิจกรรมชื่อว่า Let’s Give Back To The Ocean : BIOTHERM THAILAND #RECYCLESAVEOCEAN WITH GEPP” เป็นโครงการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์สกินแคร์ ที่ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน Circular Economy ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้”

ปี 2021 กับความพยายามในการดูแลท้องทะเลครั้งยิ่งใหญ่
“BIOTHERM THAILAND #RECYCLESAVEOCEAN WITH GEPP”

ทางแบรนด์ตั้งเป้าโครงการไว้แบบไหน?
“เป้าหมายหลักคือเราอยากให้ทุกคน ไม่ว่าจะตัวแบรนด์เอง หรือแม้กระทั่งลูกค้าของเรา ได้มีโอกาสในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและท้องทะเลได้ง่ายขึ้น โดยเรามองว่าการรีไซเคิลเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมาก แต่คนทั่วไปอาจจะขาดช่องทางในการมีส่วนร่วม ส่วน Biotherm เองก็ได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของเราให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว จึงอยากจะทำโครงการให้ทุกคนได้มาร่วมสร้างนิสัยรักษ์โลกผ่านการรีไซเคิล เริ่มต้นจากของใกล้ตัวแบรนด์อย่างบรรจุภัณฑ์สกินแคร์ และหวังว่าต่อไปจะพัฒนาจนกลายเป็นการรีไซเคิลในระดับที่ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น และยั่งยืนมากขึ้น”

แล้วทำไมต้อง GEPP?
“เราอยากที่จะทำโครงการรีไซเคิลครั้งใหญ่ ก็เลยมองหาว่าจะมีพันธมิตรคนไหนที่อยากจะมาร่วมงานกับเราบ้าง ก็เจอกับ ‘GEPP’ ซึ่งเขาเป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เชี่ยวชาญเรื่องของกระบวนการรีไซเคิลและการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราทั้งคู่มองเห็นถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน ก็เลยชวนกันมาจนเกิดเป็นโครงการ “Biotherm #RecycleSaveOcean with GEPP” ขึ้น”

มาถึงตรงนี้ เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะอยากรู้ว่า GEPP เป็นใคร จึงขอคว้าตัว “คุณโดม” บุญญานุรักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารฝ่ายการตลาด GEPP Sa-Ard เข้ามาร่วมวงสนทนาตามประสาคนรักษ์โลกด้วยเสียหน่อย

 

กับคำถามแรกที่คาใจ GEPP เป็นแพลตฟอร์มแบบไหนกันแน่?

“แพลตฟอร์มของเรามีชื่อว่า GEPP Sa-Ard (เก็บ สะอาด) เป็นดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ให้บริการตั้งแต่การให้ความรู้และการวางระบบการคัดแยกขยะ, ให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการขยะ รวมถึงระบบวิเคราะห์ข้อมูลการจัดการขยะและการเชื่อมโยงผู้มีวัสดุรีไซเคิลกับผู้รับวัสดุรีไซเคิล มุ่งสร้างผลลัพธ์ในการลดการฝังกลบ (Landfill) อย่างยั่งยืน โดยเป้าหมายหลักของเราก็คือ เราจะทำให้ขยะรีไซเคิลไม่จบลงที่หลุมฝังกลบ แต่ได้กลับไปหมุนเวียนอยู่ในระบบรีไซเคิล จนทำให้เกิดเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนที่เป็นจริงสำหรับประเทศไทย”

เราคุยกับคุณโดมต่อว่ากิจกรรมนี้ แค่ขวดสกินแคร์ก็ช่วยเซฟท้องทะเลได้จริงหรือ? ซึ่งคุณโดมก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ขวดสกินแคร์เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนนึกไม่ถึงว่าสามารถรีไซเคิลได้ สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการนี้ทำให้หลายคนรู้ว่า ไม่ใช่แค่ขวดน้ำดื่มที่สามารถรีไซเคิลได้ แต่ขวดสกินแคร์ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งจากสถิติแล้ว ประเทศไทยมีปริมาณขยะรีไซเคิลคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 44 ของขยะทั้งหมด ถ้าได้มีการรีไซเคิลอย่างถูกต้องก็จะช่วยลดการฝังกลบ และการเผาขยะไปได้มากทีเดียว


แล้วขวดพวกนี้ไปไหนต่อ?

“หลังจากที่เอาขวดมารีไซเคิลที่จุดรับตามสาขาของ Biotherm แล้ว พนักงานก็จะเป็นผู้เก็บรวบรวม แยกวัสดุต่าง ๆ ใส่ถุงเพื่อให้โครงการนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล โดยผลิตภัณฑ์ประเภทแก้ว จะนำไปเข้าสู่กระบวนการเพื่อทำเป็นแก้วโมเสก (Mosiac) ส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทพลาสติกที่สามารถรีไซเคิลได้ ก็จะถูกนำไปรีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิล หรือที่เราได้ยินกันในชื่อว่า Post-Consumer Recycling (PCR) ที่สามารถนำไปขึ้นรูปเป็นพลาสติกประเภทอื่น ๆ ในลำดับถัดไป ซึ่งทาง GEPP จะมีการติดตามและรายงานผลของโครงการอยู่ตลอดเวลา”

จากสองขั้วที่ดูตรงข้าม ทั้งฝั่งสกินแคร์ความสวยความงาม มาร่วมมือกับแพลตฟอร์มดูแลจัดการขยะ เลยอยากทราบว่า

วิสัยทัศน์ของทั้ง Biotherm และ GEPP ต่อโครงการ “BIOTHERM #RECYCLESAVEOCEAN WITH GEPP” ล่ะเป็นอย่างไร?

“สำหรับ GEPP เราต้องการที่จะลดขยะที่จะรั่วไหลไปสู่ธรรมชาติให้มากที่สุด และการที่ได้ร่วมมือกับ Biotherm จะทำให้เราสามารถช่วยให้ผู้บริโภคได้ร่วมกันลดขยะโดยการส่งคืนผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ใช้แล้วเพื่อนำไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธี และด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลและติดตามผลการรีไซเคิลของเราได้ผ่านระบบ GEPP ซึ่งจะทำให้เราสามารถเข้าใจและขยายผลต่อไปได้ในอนาคต” คุณโดมกล่าว

 

“ส่วน Biotherm เองก็ได้เริ่มต้นจริงจังกับการดูแลทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะแหล่งน้ำมาโดยตลอด ดังนั้นความตั้งใจของพวกเราจึงอยากจะให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมกับการสร้างนิสัยคัดแยกขยะกันมากขึ้น เริ่มจากขวดสกินแคร์ที่ไม่ต้องทิ้งเปล่า แต่เอามารีไซเคิลเพื่อให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการหมุนเวียนวัสดุ ลดขยะ ลดมลพิษ” คุณปาล์มเสริม

คุณโดมฝากไว้ว่า “อยากให้ผู้ที่สนใจอยากมีส่วนร่วมในการลดขยะที่จะรั่วไหลสู่ธรรมชาติ แล้วเปลี่ยนเป็นทรัพยากรหมุนเวียน โดยร่วมกับเราเพียงนำผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ใช้แล้วมาร่วมโครงการ แล้วขวดของท่านจะไม่ใช่ขยะอีกต่อไป”

ส่วนคุณปาล์มเสริมว่า “สำหรับใครที่สนใจ ก็เพียงแค่นำบรรจุภัณฑ์สกินแคร์ที่ใช้แล้วมาร่วมโครงการกับพวกเราได้ แค่ 1 ขวดก็เท่ากับลดปริมาณขยะไปได้แล้ว 1 ชิ้น ซึ่งถ้าพวกเราร่วมแรงร่วมใจกัน จาก 1 ชิ้นอาจจะกลายเป็น 1 ล้านชิ้นที่ช่วยต่อชีวิตและช่วยฟื้นคืนมหาสมุทร ปอดสีฟ้าครามของโลกให้อยู่คู่กับเราไปได้อีกนานเท่านาน”

คุณเองก็สามารถฟื้นคืนมหาสมุทรได้กับโครงการ:
“BIOTHERM #RECYCLESAVEOCEAN WITH GEPP”

เพียงแค่นำบรรจุภัณฑ์สกินแคร์ที่ใช้แล้วตามรายละเอียดด้านล่างนี้มาส่งคืนที่จุดรับรีไซเคิล

ที่สาขาของ BIOTHERM ทั้ง 5 จุด ได้ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย. 2564 – 31 พ.ค. 2565

ชนิดบรรจุภัณฑ์ที่โครงการสามารถรับได้

·         บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากแก้วและพลาสติกที่สะอาดและไม่มีของเหลว
·         หากเป็นพลาสติก จะต้องเป็นพลาสติกเบอร์ 1 PET หรือ เบอร์ 2 HDPE ซึ่งสามาถสังเกตได้จากสัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์

ชนิดบรรจุภัณฑ์ที่โครงการไม่สามารถรับได้

·         พลาสติกประเภทหลอดอ่อนหรือซอง
·         พลาสติกที่มีซองฟอยล์อยู่ด้านใน เช่น หลอดโฟมล้างหน้า
·         พลาสติกประเภทกล่องอาหาร, แก้วน้ำ, ซองบรรจุอาหารหรือ ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิว


ขั้นตอนการเตรียมบรรจุภัณฑ์

·         กำจัดของเหลวภายในให้หมดและปิดฝาทิ้งที่จุด
·         แยกให้ถูกต้องระหว่างขวดพลาสติกและขวดแก้ว โดยเฉพาะพลาสติก จะต้องไม่เป็นพลาสติกที่โครงการระบุว่า “ไม่รับ”


หย่อนบรรจุภัณฑ์ที่จุดรับรีไซเคิลของไบโอเธิร์มสาขาที่ร่วมรายการ ได้แก่

·         สาขาสยามพารากอน
·         สาขาเซ็นทรัล ลาดพร้าว
·         สาขาเซ็นทรัล บางนา
·         สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
·         สาขาเซ็นทรัล เวิลด์

และอย่าลืมติดตามการเดินทางเพื่อการดูแลรักษาธรรมชาติและท้องทะเลของเราต่อได้ที่

https://www.biotherm.co.th/world-ocean-day หรือ https://www.biotherm.co.th/water-lovers

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook