จับไต๋คุณแฟน สืบจากไหนได้บ้างว่าเขาไม่ได้มีเราคนเดียว

จับไต๋คุณแฟน สืบจากไหนได้บ้างว่าเขาไม่ได้มีเราคนเดียว

จับไต๋คุณแฟน สืบจากไหนได้บ้างว่าเขาไม่ได้มีเราคนเดียว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เมื่อเราคบกับใครในสถานะ “แฟน” น้อยคนนักที่จะรับได้เรื่อง “นอกใจ” หรือ “คบซ้อน” บางคนจับได้ยังให้โอกาส แต่บางคนก็เลิกทันที แต่บางคนก็ยังจับไม่ได้นี่สิ เพราะเขาหรือเธอลื่นยังกะปลาไหล เลยได้แต่สงสัยแล้วตามสืบเงียบ ๆ ถ้าถามตรง ๆ ใครจะตอบ ดีไม่ดีไก่ตื่นอีก เลยต้องอดทนดูสถานการณ์ไปก่อน

การถูกนอกใจ มันน่าโมโหตรงที่อีกฝ่ายไม่ซื่อสัตย์ ใช้ความเชื่อใจของเรามาทำร้ายเรา ด้วยการทำให้เราดูเหมือนเป็นคนโง่นี่แหละ ถ้าหมดรักแล้วหรืออยากจะมีใหม่ บอกตรง ๆ ยังเจ็บน้อยกว่าจับได้ว่าโกหกเสียอีก

เจตนาของบทความนี้ไม่ได้อยากให้คุณระแวงแฟนตัวเองจนต้องไปตามสืบ ตามจับผิดจนน่ารำคาญ ไม่ได้อยากให้ใครรู้สึกแย่ที่ต้องรู้สึกไม่ไว้ใจแฟน ถ้าดูพฤติกรรมเบื้องต้นแล้วปลอดภัยมันก็โอเค แต่ถ้าไม่ ก็อยากให้กลับมาพิจารณาทบทวนสถานการณ์ ว่าถ้าอีกฝ่ายทำให้คุณรู้สึกประสาทกิน ต้องไล่เช็ก ไล่ตรวจ ไล่ดูทุกอย่างแบบนี้ คุณโอเคจริง ๆ เหรอ

การเชื่อใจ ไว้ใจ ให้เกียรติและเคารพคนที่คุณรักเป็นสิ่งที่คุณควรมีเมื่อคบกับใครสักคน คือไม่ก้าวก่ายชีวิตของเขาหรือเธอมากเกินไป ไม่หึงหวงไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเขาหรือเธอทำให้คุณไม่ไว้ใจก่อน ไม่ให้เกียรติคุณก่อน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องทนถูกไหม ฉะนั้น ถ้าไม่อยากสับสนและอยากรู้ว่าจากนี้จะเอายังไงต่อกับคนคนนี้ ก็อาจจะต้องตามสืบสักหน่อยว่าเขาหรือเธอนอกลู่นอกทางจริง ๆ หรือคุณแค่คิดมากไปเอง ถ้าคุณอยากจะลองจับไต๋เขาหรือเธอดูล่ะก็ ลองไปเริ่มต้นจากแหล่งเหล่านี้ดูสิ!


โทรศัพท์มือถือ

เพราะว่าทุกวันนี้เรานับโทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยที่ 5 ในชีวิต เรียกได้ว่าสำคัญกว่ากระเป๋าตังค์อีก (เพราะโทรศัพท์ก็เป็นกระเป๋าตังค์ได้) มันจึงเป็นของสำคัญชิ้นแรก ๆ ที่เก็บทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญและจำเป็น รวมถึงยังเป็นอุปกรณ์ที่น่าสงสัยอันดับแรก ๆ ของคนที่กำลังสงสัยแฟนด้วย ถ้าทุกอย่างปกติดีมันก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยหรอกถูกไหม แต่พอมีอะไรเพี้ยนไปนิดเดียว โดยเฉพาะสิ่งแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นกับโทรศัพท์ของเขาหรือเธอ มันจะสังเกตได้ชัดมาก ยิ่งถ้าแรกเริ่มเดิมทีเขาหรือเธอไม่ได้ติดมือถือขนาดนั้น แต่มาติดช่วงหลังจนเราเข้าถึงตัวยาก แบบนี้ใครจะไม่สงสัยล่ะ!

อาการที่ว่า เช่น หวงมือถือมากกว่าที่เคย จนดูเหมือนมีความลับ ถือติดตัวตลอด เล่นบ่อย เริ่มปิดเสียงแล้วเปิดสั่น เปลี่ยนรหัสล็อกไปจากที่เรารู้หรือคิดว่าเรารู้ ล็อกแอปฯ ต่าง ๆ เคลียร์ประวัติการโทร กล่องข้อความว่าง มีเบอร์แปลกที่ไม่บันทึกชื่อแต่เห็นประจำ หรือบันทึกไว้ด้วยชื่อไม่แปลก ทว่าเราไม่รู้จักและติดต่อหากันถี่มาก สายเข้าตลอดในเวลาที่เดาได้ว่าน่าจะว่าง ไม่ยอมรับโทรศัพท์ต่อหน้า คว่ำหน้าจอไว้เสมอ ตกใจ หรือรีบคว้าคืนไปอย่างไวเวลาที่เราเข้าใกล้มือถือ เป็นต้น ถ้าไม่มีอะไรเป็นความลับ ก็ไม่เห็นต้องพยายามซ่อนขนาดนี้ จะไม่สงสัยได้ไง


ในรถ
ถ้าพูดถึงเรื่องเจ้าชู้ นอกใจ แล้วมาชี้เป้าแหล่งจับพิรุธในรถอีกเนี่ย หลายคนคิดลึก คิดไปไกลจนกำหมัดแน่นแล้ว อย่างที่เราพอจะคาดการณ์ได้ว่าในรถมันทำอะไรได้บ้างนั่นแหละ แต่อย่าเพิ่งไปไกลขนาดนั้น เอาแค่เริ่มต้นก่อนว่าเขาหรือเธอพาคนอื่นขึ้นรถหรือเปล่า สังเกตได้จากเบาะข้างคนขับว่ามีการปรับเบาะหรือไม่ ถ้ามี มันเป็นตำแหน่งเดิม ๆ หรือเปล่า สังเกตเลขไมล์รถว่าระยะทางมันผิดปกติเกินไปไหม หรือมีของแบบพล็อตละคร เช่น ลิปสติก ผ้าเช็ดหน้า ไฟแช็ก หรือเส้นผมที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ผมเรา กลิ่นน้ำหอมแปลก ๆ ถ้าเริ่มเจออะไรแบบนี้ ก็เริ่มเข้าข่ายต้องสืบดูแล้ว


ในโซเชียลมีเดีย
ถ้ามีสมาร์ทโฟนใช้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีบัญชีโซเชียลมีเดียใช้เลยสักบัญชีเดียว อย่างน้อย ๆ ทุกวันนี้บริษัทต่าง ๆ ก็ใช้ช่องทางนี้ในการติดต่อสื่อสารงาน ดังนั้น พฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียก็บอกอะไรได้หลายอย่างเลย เพียงแต่เราจะต้องหมั่นสังเกต เช่น สถานะมีแฟนที่เคยตั้งสาธารณะ จู่ ๆ ก็หายไป มีการโพสต์ข้อความทำนองว่าโสด เริ่มตั้งค่าระบบแท็กหาว่าต้องกดยอมรับก่อน เขาหรือเธออาจยินดีให้เราเช็ก แต่บัญชีโซเชียลเงียบเชียบผิดปกติ เช่น ประวัติแชตถูกลบ ประวัติเข้าใช้งานต่าง ๆ ก็ไม่มี log out ออกจากแอปฯ หรือถอนแอปฯ ทิ้งไปเลย เป็นต้น

และที่น่าสนใจก็คือ บางคนใช้เวลากับสื่อโซเชียลมีเดียมากกว่าที่เคยเป็น มีอาการที่เราสังเกตได้เวลาที่เขาหรือเธอใช้โทรศัพท์ เช่น ลับ ๆ ล่อ ๆ แอบยิ้มคิกคักคนเดียว ในหน้าโซเชียล กิ๊กบางคนดันอยากแสดงตัว (ทั้งที่ถ้าแอบกินเงียบ ๆ ก็คงอีกนานกว่าเราจะจับได้) มีแอคเคาท์ขาประจำที่คอยมากดไลก์ คอมเมนต์ ส่งอีโมจิ ส่งสติ๊กเกอร์แทบทุกสเตตัส หรือแฟนคุณก็มักจะ หรือชอบหรือเธอก็ชอบเข้าไปกดไลก์ ไปคอมเมนต์ให้ใครบ่อยเป็นพิเศษ นี่ไม่ใช่ก็สัญญาณที่ดีแล้วนะ ถ้าสงสัย ก็ควรจะเริ่มสืบได้แล้ว

กระเป๋าเงิน/การใช้จ่ายเงิน
จริง ๆ แล้วในกระเป๋าเงินของคนทั่วไปก็ไม่ได้มีอะไรที่น่าสงสัยเป็นพิเศษหรอก ส่วนใหญ่ก็มีเงินสด สารพัดบัตรประจำตัว บัตรเครดิต บัตร ATM แต่สิ่งที่อยากให้ลองหาตามซอกตามมุมคือพวก “สลิปหรือใบเสร็จรับเงิน” ถ้าเขาหรือเธอซ่อนไว้เพราะลืมทิ้ง เราจะตามรอยได้หลายอย่างเลยว่าซื้อของที่ร้านไหน ซื้ออะไร สาขาไหน เมื่อไร หนักหน่อยก็พวกใบเสร็จห้องพัก โรงแรม ตั๋วหนังที่ไม่ได้ไปกับเรา เป็นต้น

หรือถ้าสืบจากใบเสร็จไม่ได้ ให้ลองสืบจากใบเรียกเก็บเงินต่าง ๆ ดู สำคัญเลยคือค่าโทรศัพท์และการรูดบัตรเครดิต ถ้าจู่ ๆ ตัวเลขมันสูงขึ้นแบบไม่สามารถอธิบายได้ เขาหรือเธอเอาเงินไปทำอะไรตั้งมากมาย ข้าวของที่เขาหรือเธอซื้อเราก็ไม่เคยได้รับ หรือเห็นมันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วมันหายไปไหน ถ้าคิดจะสืบด้วยวิธีนี้อาจต้องสอดส่องหลายจุดหน่อย บางทีมันอาจจะถูกซ่อนอยู่ที่อื่นที่พ้นจากสายตาเรา


ถังขยะ

ก็เพราะว่ามันสกปรกนี่แหละมันถึงเป็นที่ที่ปลอดภัย คนส่วนใหญ่ก็มักจะทำลายหลักฐานต่าง ๆ ด้วยการทิ้งลงถังขยะอยู่แล้ว โดยที่น้อยคนนักจะกล้าคิด (บางคนไม่คิดด้วยซ้ำ) ว่าแฟนตัวเองจะบ้าบิ่นเต็มขั้นถึงขนาดไล่คุ้ยถังขยะเพื่อหาหลักฐานการนอกใจ ส่วนใหญ่ก็ได้เจอหลักฐานเด็ดที่มัดตัวแบบดิ้นไม่หลุดด้วย แต่วิธีนี้ใช้ได้ไม่บ่อย ถ้าเขาหรือเธอรู้ว่าเราใจกล้าพอจะคุ้ยขยะ เขาก็จะไม่ทิ้งใกล้ ๆ อีก แต่เรานี่สิ จะคุ้ยไม่เลิก ถ้ายังคบกันต่อก็อาจได้คุ้ยทุกครั้งที่สงสัย เพราะระแวงไปหมด ทีนี้ก็คิดดูละกันว่าจะให้โอกาสเขาหรือเธออีกครั้ง เพื่อให้ตัวเองมานั่งรื้อขยะประจำหรือเปล่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook