7 ข้อห้าม! ถ้าอยากให้สิวหายเร็วต้องเลิกทำ

7 ข้อห้าม! ถ้าอยากให้สิวหายเร็วต้องเลิกทำ

7 ข้อห้าม! ถ้าอยากให้สิวหายเร็วต้องเลิกทำ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมปัญหาสิวถึงแก้ยังไงก็ไม่ยอมหายไปสักที ต่อให้เลือกใช้ยารักษาสิวและครีมบำรุงผิวที่เหมาะสำหรับผิวมีสิวที่ผ่านการรีวิวและได้รับการแนะนำจากแพทย์ผิวหนังแล้วก็ตาม สิวก็ยังคงไม่หายไป นั่นเพราะสาวๆ ยังคงไม่ละทิ้งพฤติกรรมต่างๆ ที่ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สิวเห่อหรือสิวไม่หายไปนั่นเอง วันนี้เราจึงขอรวม 7 ข้อห้ามที่ไม่ควรทำถ้าอยากให้สิวหายเร็วมาแชร์ให้สาวๆ ได้นำไปใช้กันค่ะ


1.ห้ามเอามือสัมผัสใบหน้า
สิ่งที่ต้องเลิกเป็นอันดับแรกเลยก็คือ การเอามือไปสัมผัสใบหน้านั่นเอง เพราะปัจจัยในข้อนี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สิวขึ้นโดยไม่รู้ตัว อย่าลืมว่ามือของคนเราถือเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคมากมายเลยทีเดียว เพราะแต่ละวันเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามือไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกอะไรบ้าง อีกทั้งยังเป็นการทำให้เชื้อโรคไปเกาะติดที่ผิวหน้าแล้วเข้าไปอุดตันในรูขุมขนจนเกิดสิวตามมาอีกด้วย


2.ห้ามนอนหลับโดยไม่ได้ล้างหน้
ไม่ว่าทั้งวันนั้นจะเป็นวันที่ทำให้สาวๆ หมดพลังงาน จนแทบจะทิ้งตัวนอนทันทีเมื่อกลับถึงห้อง ยังไงก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอนเสมอ เพราะตลอดทั้งวันผิวหน้าเต็มไปด้วยสารเคมีจากเครื่องสำอาง รวมทั้งเหงื่อ ความมัน ฝุ่นควัน และมลภาวะต่างๆ อีกมากมายคอยเกาะอยู่เต็มผิวหน้า ดังนั้นจึงไม่ควรนอนก่อนล้างหน้าเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้สิวไม่หายแล้ว ยังเป็นการเพิ่มปริมาณสิวให้เพิ่มมากขึ้น


3.ห้ามกินของหวานและของทอดบ่อยเกินไป
ผู้หญิงย่อมเข้าใจผู้หญิงด้วยกันดีว่า ของหวาน ของทอด และของมันต่างๆ ถือเป็นของอร่อยที่สาวๆ หลายคนแทบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ในช่วงของการรักษาสิว แนะนำให้ลดปริมาณอาหารเหล่านี้ลงให้ได้มากที่สุด เนื่องจากอาหารประเภทนี้มีส่วนไปกระตุ้นให้เกิดสิวได้ง่าย เพราะน้ำตาลปริมาณสูงจะทำให้เซลล์เกิดการอักเสบและกลายเป็นสิว ส่วนของทอดจะมีกรดไขมันจากเนยเทียมหรือน้ำมันพืชที่กระตุ้นร่างกายให้เกิดการอักเสบได้เช่นเดียวกัน


4.ห้ามบีบหัวสิวเด็ดขาด
เข้าใจความรู้สึกของคนมีสิวกันดีว่า เห็นสิวแล้วรู้สึกอยากบีบ อยากแคะ อยากแกะ เพราะหวังว่ามันจะยุบลงเร็วๆ แต่ทราบหรือไม่ว่าการบีบสิวด้วยตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนไม่รู้วิธีการบีบสิวที่ถูกต้อง แทนที่จะทำให้สิวยุบลง กลับเป็นการทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง มีรอยสิวที่รักษาหายช้า และอาจมีแบคทีเรียที่ติดตามซอกเล็บก่อให้เกิดสิวอักเสบตามมาอีกด้วย


5.ห้ามนอนดึกติดต่อกันหลายวัน
การนอนดึกไม่เพียงแต่จะทำให้ผิวหน้าแลดูหมองคล้ำไม่สดใสเท่านั้น แต่ยังเป็นการทำให้ระดับฮอร์โมนความเครียดเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอาจส่งผลให้ต่อมไขมันทำงานหนักมากขึ้น ตลอดจนทำให้ผิวมันและเกิดสิวอุดตัน ดังนั้นจึงต้องพยายามนอนแต่หัวค่ำ เพราะในช่วงกลางคืน ร่างกายจะเปลี่ยนมาอยู่ในโหมดซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายในส่วนที่เสียหาย พร้อมทั้งยังทำให้ระดับของคอร์ติซอล หรือฮอร์โมนความเครียดลดลง


6.ห้ามสครับผิวหน้าแรงๆ
อย่าเข้าใจผิดว่าการสครับผิวหน้าแรงๆ จะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าออกได้ดียิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะไม่ก่อผลดีต่อผิวหน้าในเรื่องการผลัดเซลล์ผิวแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นให้สิวเห่อหนักกว่าเดิมได้ด้วย เพราะการสครับจะยิ่งทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง ส่งผลให้ผิวบางลง และสิวบุกขึ้นเต็มหน้าได้


7.ห้ามใช้ปลอกหมอนสกปรก
หลายๆ คนอาจจะมองข้ามปลอกหมอนที่ใช้เป็นประจำทุกวัน ซึ่งปลอกหมอนถือเป็นแหล่งที่สัมผัสผิวหน้าบ่อยมาก และแทบจะตลอดทั้งคืนเลยก็ว่าได้ ดังนั้นหากปลอกหมอนสกปรก ก็ย่อมทำให้สิวขึ้นบนใบหน้าได้ ดังนั้นอย่าลืมเปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการที่ผิวจะสัมผัสกับแบคทีเรียและสิ่งสกปรกที่ติดสะสมอยู่บนปลอกหมอนนั่นเอง


สาวๆ จะเห็นได้ว่าการลดปัญหาสิว มักจะเน้นในเรื่องของการรักษาความสะอาดของผิวหน้าและสิ่งต่างๆ ที่สัมผัสกับผิวหน้าบ่อย แต่ถึงอย่างนั้นการนอนหลับให้เพียงพอ บอกลาการนอนดึก เลือกกินของมีประโยชน์ หมั่นกินผักผลไม้ทุกวัน ดื่มน้ำให้มากๆ และออกกำลังกายเป็นประจำ ก็ล้วนช่วยรักษาสิวให้หายได้โดยที่แทบจะไม่ต้องใช้ยารักษาสิวมากมายเลยละค่ะ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook