น้ำหอมรุ่นซิกเนเจอร์ตัวล่าสุด Chloé Eau de Parfum Naturelle ความหรูหราครั้งใหม่
นับตั้งแต่ปี 1952 ที่ Gaby Aghion (กาบี อากียง) แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสผู้ก่อตั้งแบรนด์ Chloé (โคลเอ้) ได้นำพาเมซงสุดหรูหรานี้เดินทางผ่านยุคต่างๆ และเติบโตมาพร้อมจิตวิญญาณที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง อิสรภาพ และความสดใส ซึ่งได้ส่งต่อพลังมาสู่ผู้หญิงทั่วโลกรวมถึงโลกแฟชั่นในปัจจุบัน ด้วยวิสัยทัศน์อันมีเป้าหมาย กาบี หล่อหลอมแฟชั่นเฮ้าส์แห่งนี้จนโดดเด่น โดยปลูกฝังเสมอในเรื่องมนุษยธรรม ความกล้าหาญ อีกทั้งให้เปิดกว้างและยอมรับสิ่งใหม่ๆ ทำให้แบรนด์ระดับโลกอย่างโคลเอ้มีเสน่ห์ที่แตกต่างออกไป จนกลายเป็นอีกหนึ่งเสียงและแรงขับเคลื่อนสำคัญเพื่อสังคมสตรีมาจนถึงทุกวันนี้
นอกจากจะมุ่งมั่นสานต่อความก้าวหน้า ความเท่าเทียมกัน และสร้างการมีส่วนร่วมให้กับผู้หญิงอย่างเช่นที่ทำมาตลอด ปัจจุบันโคลเอ้ยังหันมาใส่ใจโลกอย่างจริงจังโดยให้ความสำคัญต่อการสร้างผลกระทบเชิงบวกทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งนี่คือเหตุผลว่าทำไมโคลเอ้ถึงกำลังทำงานอย่างหนักในการปรับโมเดลธุรกิจให้สามารถสอดประสานกับความยั่งยืนได้อย่างลงตัว เพื่อมุ่งลดผลกระทบที่อาจเกิดต่อสิ่งแวดล้อมในทุกการสร้างสรรค์ผลงานของแบรนด์ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแฟชั่นไปจนถึงผลิตภัณฑ์น้ำหอม ซึ่งน้ำหอมรุ่นซิกเนเจอร์ตัวใหม่ล่าสุดอย่าง Chloé Eau de Parfum Naturelle คงเป็นคำตอบที่ดีที่สะท้อนให้เห็นแล้วว่าแนวคิดนี้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ต้อนรับสมาชิกใหม่สู่ซิกเนเจอร์คอลเลคชั่น กับการเฉลิมฉลองความเป็นสตรีเพศผู้สง่างามที่ความงดงามของธรรมชาติขับกล่อมให้เธอรู้สึกเป็นอิสระและแข็งแกร่งยิ่งขึ้น แสงแดดอันอบอุ่นกับสายลมที่พัดผ่าน ทำให้ผู้หญิงในแบบฉบับของโคลเอ้รู้ดีว่าธรรมชาตินั้นทรงพลังเพียงใดแต่ขณะเดียวกันก็เปราะบางและต้องการการเอาใจใส่ ฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องปกป้องสิ่งที่เป็นดั่งแรงบันดาลใจและลมหายใจของเธอ
สัมผัสกลิ่นหอมอบอวลแสนบริสุทธิ์จากธรรมชาติ 100% ของ Chloé Eau de Parfum Naturelle วีแกนพาร์ฟูมที่หอบเอาความหอมสดชื่นใหม่มาพร้อมกลิ่นแนววู้ดดี้ ฟลอรัล ที่ยังคงรักษาจิตวิญญาณเฟมินีนของต้นตำรับไว้นั่นคือกลิ่นหอมของดอกกุหลาบที่ทั้งสดใหม่และสดใส โดยครั้งนี้นักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์อย่าง Michel Almairac(ไมเคิล อัลเมรัค) นำความสูงส่งของดอกกุหลาบออร์แกนิกที่ปลูกจากฟาร์มประเทศบัลแกเรียมาเป็นหัวใจหลัก แซมด้วยดอกเนโรลี่ที่มีกลิ่นไอความหอมหวานและกลิ่นน้ำผึ้งอ่อนๆ รังสรรค์เป็นบูเก้ช่องามที่หอมนุ่มละมุนดุจกำมะหยี่ ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับสัมผัสแรกที่ดึงความสดชื่นมีชีวิตชีวามาจากสารสกัดตูมอ่อนของแบล็คเคอร์แรนท์และซิตรอน ซึ่งพิถีพิถันคัดสรรจากแหล่งเพาะปลูกแบบยั่งยืนในโมร็อคโคและอิตาลี ก่อนปิดท้ายด้วยเบสโน๊ตสไตล์ฟลอรัลของมิโมซ่าสีเหลืองทองที่มอบความสดชื่นของธรรมชาติเปรียบได้กับตะวันยามทอแสงอบอุ่น เข้ากันได้ดีกับกลิ่นแนววู้ดดี้ของไม้ซีดาร์ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์และหอมตรึงใจ
เพื่อเป็นการตอกย้ำคอนเซ็ปต์รักษ์โลก น้ำหอมขวดซิกเนเจอร์ที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดีจึงถูกนำกลับมาตีความใหม่ผ่านการใช้วัสดุรีเคลมร่วมด้วย กล่าวคือ 25% ของขวดแก้วผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล โดยแพคเกจจิ้งมาในโทนสีเขียวเทา ตั้งแต่ภายนอกกล่องรวมไปถึงริบบิ้นสุดไอคอนนิกที่ผูกประดับรอบปากขวด ซึ่งทำมาจากโพลีเอสเตอร์ รีไซเคิล 100% นอกจากนั้นตัวกล่องกระดาษยังผลิตจากวัสดุรีไซเคิลถึง 40% เช่นกัน
และเช่นเคย Lucy Boynton (ลูซี่ บอยน์ตัน) คือสาวโคลเอ้คนล่าสุดที่มารับหน้าที่บอกเล่านิยามของน้ำหอมตัวใหม่นี้ ผ่านภาพยนตร์แคมเปญที่ได้ Jonathan Alric หนึ่งในคู่หูดูโอ้วง The Blaze มากำกับและร่วมแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์แคมเปญ “Breathe” นี้อีกด้วย โดยนักแสดงสาวชาวอังกฤษได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นผู้หญิงในแบบฉบับของโคลเอ้ผ่านมุมมองของเธอที่ตระหนักรู้ถึงคุณค่าและความสำคัญของการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ เธอจึงได้ฟื้นฟูและเติมเต็มพลังบวก อีกทั้งรู้สึกเป็นอิสระอย่างแท้จริง ดั่งเช่น Motto ของเธอที่ว่า “My nature, my strength” ซึ่งจะเห็นได้จากภาพสแนปช็อตโทนขาว-ดำที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ของการพึ่งพาอาศัยระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมออกมาได้อย่างงดงาม ขณะที่ตัวเอกของเรื่องกำลังนั่งซึมซับความงามของธรรมชาติอยู่บนต้นไม้ใหญ่
Chloé Eau de Parfum Naturelle พร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วในประเทศไทย ที่เคาน์เตอร์น้ำหอม Chloé ที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป อาทิ เซ็นทรัล, เดอะมอลล์, โรบินสัน, สยาม ทาคาชิมายะ, Sephora และ Eveandboy หรือช้อปออนไลน์ได้ที่ Central Online, M Online และ Sephora Online โดยขนาด 30 มล. ราคา 3,300 บาท, 50 มล. ราคา 5,200 บาท และขนาด 100 มล. ราคา 7,200 บาท