นิสัยการใช้จ่ายและเก็บเงินยุคหลังโควิด-19 จะเปลี่ยนไป
เศรษฐกิจที่กำลังถดถอย เมื่อเจอกับสถานการณ์ โรคระบาดไปเกือบสองปี ทำให้หลากหลายต้องเผชิญหน้ากับการตกงานอย่างฉับพลัน บางคนอาจไม่ตกงานแต่ถูกลดเงินเดือน ทั้งหมดนี้ทำให้พวกเขาต้องทำการบริหารจัดการการเงินส่วนตัวกันใหม่หมด บางคนมีเงินเก็บฉุกเฉินอยู่บ้างก็พอจะเอาตัวรอดไปได้ บางคนไม่มีเงินเก็บเลยก็ต้องดิ้นรนขายของมีค่าที่มีอยู่
ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้คือสิ่งที่ คนทั้งโลกต้องประสบมาตลอดระยะเวลาเกือบสองปี และทำให้มีการคาดการณ์ว่าหลังโควิด-19 ผ่านพ้น นิสัยการใช้จ่าย และเก็บเงินเพื่อใช้ในยามฉุกเฉินของผู้คนทั่วโลกจะเปลี่ยนไป ส่วนจะเปลี่ยนไปในลักษณะไหนนั้นมาติดตามกัน
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดกลุ่มทางเศรษฐศาสตร์ สองกลุ่ม
กลุ่มแรกคือกลุ่มที่เคยออมมาแล้วและยังคงออมต่อไป อีกกลุ่มคือกลุ่มที่อยากออม แต่ยังไม่สามารถหารายรับมาทำให้ เกิดการออมได้ ซึ่งนั่นเท่ากับว่า กลุ่มแรกจะเพิ่มจำนวนเงินออมมากขึ้นหลังจากต้องเจอกับสถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาต้องดึงเงินออมมาใช้ ขณะที่กลุ่มหลังจะหันไปหางานที่สองหรือสามเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเองมากขึ้น
การวางแผนทางการเงิน ยังคงต้องเข้มข้น
ทั้งนี้การให้คำแนะนำทางการเงินยังคงมีลักษณะเดิมทั้งในช่วงแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือหลังการระบาด นั่นก็คือควรจะมีเงินออมก้อนหนึ่งไว้ สำหรับยามฉุกเฉินเสมอ และต้องวางแผนทางการเงินเพื่อให้ เกิดเงินออมก้อนดังกล่าว
ซึ่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดสถานการณ์ที่เรียกว่า ล็อกดาวน์ ทำให้หลายคนขาดรายได้แบบฉับพลัน หรือแม้แต่ตกงานโดยไม่ทันตั้งตัว ด้วยลักษณะดังกล่าวทำให้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนทางการเงิน และใช้จ่ายอย่างประหยัด
คนออมเงินจะหันมาสู่ตลาดการลงทุนทางการเงินมากขึ้น
ในช่วงของการระบาดนั้น ตลาดทุนหรือตลาดการเงิน ยังคงดำเนินต่อไปและทำให้เงินงอกเงย มากกว่าเอาไว้ในธนาคารเฉย ๆ ดังนั้น ที่ปรึกษาทางการเงินยังคงสำคัญอยู่ และถ้าอยากวางแผนทางการเงิน ให้ลองสอบถามและหาการลงทุนที่ เหมาะกับคุณ
ผู้คนจะคิดมากขึ้นเมื่อต้องใช้ จ่ายในรายจ่ายฟุ่มเฟือย
หลายคนหลังจากผ่านช่วงเวลาของ การแพร่ระบาดมักจะกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องออมเงินให้ ได้มากกว่าปี 2021 ที่กำลังจะผ่านพ้น หรือบางคนที่พร้อมจะใช้เงินก็มักจะหยุดแผนเอาไว้ก่อนเพราะเสียงของเหล่านักวิเคราะห์ที่เตือนผ่านสื่อ ทำให้ต้องลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย