เทคนิคแต่งหน้าสวยเบา แบบสาวยุค 40 จากโมเม
The 40’s
Classy, Jazzy, Billie
ยุค 40 เป็นยุคของ “การสวยเบาๆ” สาเหตุหลักมาจากช่วงนั้นเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วค่ะ เมื่อสงครามเกิด ก็ย่อมกระทบกับการใช้ชีวิตของสาวๆ ไปด้วย ชายหนุ่มต้องออกไปรบ ทำให้หญิงสาวจำเป็นต้องลุกขึ้นมาทำงานกันมากขึ้น หมดเวลานั่งสวยอยู่บ้านหรือออกเที่ยวเตร่แล้ว การแต่งหน้าจึงถูกลดทอนความสำคัญลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ได้หมายความว่าสาวยุค 40 จะหมดสวยนะคะ พวกเธอยังคงพยายามดูแลตัวเองให้ดูดีเพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้สามีที่ไปรบ และเพื่อความภูมิใจของตัวเธอเอง ประมาณว่า “เชอะ!สงครามไม่ได้ทำให้ฉันหมดสวยหรอกนะยะ”
แต่ในขณะเดียวกัน การแต่งหน้าจัดก็ถือว่าเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะฉะนั้นจึงต้องพยายามสวยแบบไม่ออกหน้าออกตาจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงลำบากข้าวยากหมากแพงไม่มีเงินตัดเสื้อผ้าใหม่ แต่พอเป็นเรื่องความงามละก็สู้ตายค่ะ ยอมเจียดเงินซื้อลิปสติกแท่งใหม่ได้เสมอ (คุ้นๆ เหมือนชีวิตสาวสมัยนี้มั้ยคะแหะๆ )
สำหรับการแต่งหน้า สิ่งแรกที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดคือ รูปทรงของคิ้ว จากที่เคยโก่งเรียวเล็ก กลับกลายเป็นคิ้วที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น สาวๆ จะถอนเฉพาะช่วงหางคิ้วให้ได้รูปแล้วเน้นการเก็บขนคิ้วที่ชี้โด่เด่ออกมา นอกจากนี้ยังเริ่มมีการไฮไลต์ใต้โหนกคิ้วเพื่อให้คิ้วดูมีมิติยิ่งขึ้นด้วย สไตล์ไอคอนในช่วงนี้มีหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เอวา การ์ดเนอร์, ลานา เทอร์เนอร์และ ริต้า เฮย์เวิร์ท ซึ่งพากันแต่งหน้าในโทนธรรมชาติ แต่คนที่โมเมเห็นว่าโดดเด่นและน่าแต่งตามเป็นที่สุดต้องยกให้เป็นนักร้อง เพลงแจ๊ส บิลลี่ ฮอลิเดย์ สาวผิวสีที่โด่งดังสุดๆ ในยุคนั้น เนื่องจากเธอต้องร้องเพลงบนเวทีในช่วงกลางคืน แสงสปอตไลต์สว่างจ้าทำให้การแต่งหน้าของเธอดูเริดหรูกว่าสาวอื่น ที่สำคัญยังเหมาะกับสาวไทยผิวค่อนข้างเข้มที่ต้องการลุคเด็ดไว้สำหรับออกงาน เพราะฉะนั้นไปลองทำตามกันดูนะคะ
Skin
1 ลงรองพื้นสีเดียวกับผิวจริงให้ทั่วใบหน้า คาง และคอ เพื่อปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ
2 ถ้าใต้ตาหมองคล้ำให้ลงคอนซีลเลอร์สีสว่าง กว่าผิวหนึ่งเฉด เพื่อให้บริเวณใต้ตาดูสว่างขึ้น
3 ลุคนี้โมเมต้องการความฉ่ำมากเป็นพิเศษจึงใช้แปรงขนสังเคราะห์ขนาดเล็กแตะบลัชออนเนื้อครีมสีโทนส้ม ปัดวนบริเวณแก้มขึ้นไปยังเหนือใบหู จะช่วยให้สาวหน้ากลมดูหน้าเรียวยาวขึ้น แถมบลัชออนเนื้อครีมยังช่วยให้สีบลัชออนชนิดฝุ่นที่จะปัดทับติดทนนาน
4 ใช้พัฟฟ์แตะแป้งฝุ่นชนิดโปร่งแสง กดเบาๆ ทั่วหน้าเพื่อเซตรองพื้น คอนซีลเลอร์ และบลัชออนเนื้อครีมให้ติดทนขึ้น
Eyes
1 ถ้าเปลือกตาค่อนข้างมัน แนะนำให้ใช้อายไพรเมอร์ลงก่อน เพื่อช่วยให้สีอายแชโดว์ติดทนและไม่เป็นคราบ
2 เกลี่ยอายแชโดว์สีทองแดงผสมประกายชิมเมอร์ทั่วเปลือกตา
3 ลงอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้มผสมประกายชิมเมอร์บริเวณหางตา แล้วเกลี่ยให้กลมกลืนกับอายแชโดว์สีทองแดง เน้นน้ำหนักสีบริเวณหางตาจะช่วยให้ตาดูลึกมีมิติ และสร้างเบ้าตาให้ดูคมชัด
4 ใช้ปลายนิ้วแตะพิกเมนต์ (อายแชโดว์ชนิดฝุ่น) ที่มีชิมเมอร์มากๆ หรอื จะใช้กลิตเตอร์สีทองก็ได้ กดลงไปที่บริเวณกึ่งกลางเปลือกตา
5 ใช้แปรงขนาดเล็กแตะอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้ม (สีเดิม) ไล้สีไปตามเส้นขนตาล่าง โดยเริ่มจากหางตาไปยังหัวตา
6 เขียนอายไลเนอร์เนื้อเจลสีดำเป็นเส้นเล็กๆ ให้ชิดโคนขนตาบนมากที่สุด
7 ดัดขนตา แล้วปัดมาสคาราสีดำสนิททั้งขนตาบนและล่างสองรอบ
8 ติดขนตาปลอมที่มีความหนาแน่นของขนตาปานกลางและเรียงตัวเป็นธรรมชาติ
Brows
1 เขียนคิ้วด้วยดินสอสีน้ำตาลเข้มให้เส้นหนากว่าปกติเล็กน้อย
2 ใช้แปรงเขียนคิ้วหัวตัดแตะอายแชโดว์สีน้ำตาลเข้ม เติมช่องว่างระหว่างเส้นคิ้วให้ดูเต็ม
3 ใช้มาสคาราปัดคิ้วแบบใสปัดให้คิ้วอยู่ทรง
4 ใช้ไฮไลต์แบบดินสอเขียนรอบคิ้ว เน้นบริเวณใต้คิ้วมากเป็นพิเศษ เพื่อยกคิ้วให้ดูสูงและชัดเจนขึ้น
Cheeks
1 ใช้แปรงกลมขนาดกลางแตะบรอนเซอร์สีน้ำตาลเนื้อด้านปัดบริเวณใต้โหนกแก้ม เพื่อทำให้หน้าดูมีมิติ โดยเริ่มปัดจากบริเวณกรอบหน้าเข้ามาหามุมปาก เกลี่ยสีให้เนียนอย่าให้เห็นเป็นเส้นชัดเจน สำหรับใครที่ต้องการให้หน้าดูเล็กลง สามารถปัดบรอนเซอร์บริเวณกรามด้วยก็ได้ค่ะ
2 ปัดแก้มด้วยบลัชออนโทนสีส้มเนื้อด้าน
3 ปัดไฮไลต์เนื้อชิมเมอร์สีออกชมพูเหนือบริเวณที่ปัดแก้มเพื่อให้หน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้นปกติโมเมจะไม่แนะนำให้ใช้ไฮไลต์เนื้อชิมเมอร์มากนัก โดยเฉพาะการแต่งหน้าสำหรับกลางวัน หรือสาว ๆ ที่ผิวหน้ามันมาก เพราะชิมเมอร์จะยิ่งเน้นให้หน้าดูเงาวาวขึ้นอีก แต่สำหรับลุคนี้ขออนุโลม เพราะเป็นการแต่งหน้าไปงานกลางคืน หน้าต้องดูฉ่ำและหรูหราค่ะ
Lips
1 ใช้ดินสอเขียนขอบปากสีแดงเขียนขอบปากให้คมกริบ
2 ใช้พู่กันทาปากเกลี่ยลิปสติกสีแดงสดให้ทั่ว
3 ทาลิปกลอสสีแดงผสมชิมเมอร์ทับให้ทั่วเรียวปาก
ขอบคุณข้อมูล : สวย แซบเว่อร์...ไม่จำกัดยุค Momay’s Beauty Secrets