26 ปี ไนกี้ แอร์แม็กซ์

26 ปี ไนกี้ แอร์แม็กซ์

26 ปี ไนกี้ แอร์แม็กซ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

26 ปี ไนกี้ แอร์แม็กซ์ จากรองเท้าวิ่งระดับตำนาน สืบสานสู่รองเท้าสปอร์ตแวร์สุดล้ำสมัย

นับตั้งแต่ปี 1969 มีสักกี่คนที่รู้ว่า จากไอเดียเล็กๆ ของอดีตวิศวกรยานอวกาศผู้หนึ่งนามว่า แฟรงก์ รูดี้ (Frank Rudy) จะกลายเป็นต้นกำเนิดแห่งความคิดให้แก่แบรนด์กีฬาระดับโลกอย่างไนกี้ ได้นำเทคโนโลยีการอัดอากาศเข้าไปในพื้นรองเท้ามาทดลองใช้กับรองเท้ากีฬา ธรรมดาๆ จนก่อให้เกิดรองเท้าวิ่งระดับตำนาน และกลายเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยที่เข้ามาปฏิวัติวงการกีฬาวิ่งระดับโลกจนกระทั่ง ถึงทุกวันนี้

ในช่วงเวลานั้น แฟรงค์ ได้นำแนวคิดการวิ่งบนอวกาศมาแลกเปลี่ยนกับ ฟิล ไนท์ (Phil Knight) ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์กีฬาไนกี้ว่า การอัดอากาศเข้าไปในตัวรองเท้าจะช่วยทำให้เท้ารู้สึกนุ่มสบายและลดแรงกระแทก ได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าฟิลได้สนใจแนวคิดดังกล่าว และลองใส่ถุงอัดอากาศเข้าไปในพื้นรองเท้าและให้นักกีฬาได้ทดลองใส่วิ่งซ้ำ แล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดบังเกิดเป็นเทคโนโลยีแอร์ โซล ( Air Sole) ที่เป็นแผ่นพลาสติกใสขนาดความยาวเท่ากับตัวรองเท้า ภายในบรรจุไปด้วยอากาศ ซึ่งฟิลและแฟรงค์ สองผู้บุกเบิกได้ทดลองนำแผ่นดังกล่าวไปใส่ไว้ใต้พื้นรองเท้า ไนกี้ เทลวินด์ (Nike Tailwind) เป็นรุ่นแรก และทำให้รองเท้ารุ่นนี้ได้กลายเป็นต้นแบบในการพัฒนารองเท้ากีฬารุ่นอื่นๆ ต่อมา

ต่อ มาในช่วงปี 1987 ทิงค์เกอร์ แฮทฟิลด์ (Tinker Hatfield) ปรมาจารย์ด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ และมาร์ก ปารค์เกอร์ (Mark Parker) ผู้บริหารคนสำคัญของไนกี้ ได้ทดลองนำแผ่นพลาสติกใส แอร์ โซล ดังกล่าว มาออกแบบร่วมกับรองเท้าวิ่งรุ่นใหม่ที่พวกเขากำลังคิดค้นขึ้น ด้วยไอเดียการนำแผ่น แอร์ โซล มาใส่ไว้ในรองเท้าเพื่อทำให้มองเห็นได้จากภายนอก (Visible Air) ซึ่งรองเท้ารุ่นนี้เป็นที่รู้จักต่อมาในชื่อ ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ 1 (Nike Air Max 1) หรือที่เรียกกันในอีกชื่อว่า ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ 87 (Nike Air Max 87) ซึ่ง ถือว่าเป็นปีที่รองเท้าไนกี้แอร์ แม็กซ์ ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก และกลายเป็นต้นแบบของรองเท้าแอร์ แม็กซ์ 2 (Air Max 2) หรือ แอร์ แม็กซ์ ไลท์ (Air Max Light) ในเจเนอเรชั่นที่สอง

จากความสำเร็จในการนำอากาศมาบรรจุไว้ในรองเท้า ส่งผลให้สามปีต่อมา ทิงค์เกอร์ แฮทฟิลด์ และทีมงานออกแบบผลิตภัณฑ์ของไนกี้ เดินหน้าเต็มที่เพื่อต่อยอดเทคโนโลยีดังกล่าว เขาและทีมงานได้คิดค้นและเปลี่ยนโฉมคอลเลคชั่น ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวรองเท้า แอร์ แม็กซ์ 90 (Air Max 90) ออกสู่ตลาด ด้วยดีไซน์เอกลักษณ์ของรองเท้าที่แบ่งแผ่นสูญญากาศรองรับแรงกระแทกออกเป็น 2 ชิ้น (Air Unit) ชิ้นแรกวางไว้ใต้พื้นรองเท้าส่วนปลายเท้า ขณะที่อีกชิ้นวางไว้เปลือย

เปล่าที่บริเวณใต้ส้นเท้า เพื่อจะทำให้รองเท้ามีความยืดหยุ่นสามารถรองรับน้ำหนักในแต่ละส่วนของเท้า ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับเสริมภาพลักษณ์รองเท้าให้ดูแข็งแกร่งและแฝงด้วยความคล่องแคล่วว่อง ไว จนทำให้ แอร์ แม็กซ์ 90 กลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรุ่นหนึ่ง

ขณะที่รองเท้าไนกี้ แอร์ แม็กซ์ 95 (Air Max 95) ในเจเนอเรอชั่นที่เจ็ด เป็นรองเท้าอีกรุ่นหนึ่งที่มีสไตล์โดดเด่นและแตกต่างจากรุ่นก่อนๆ เมื่อทีมออกแบบผลิตภัณฑ์กีฬาของไนกี้ได้นำหลักกายวิภาคศาสตร์มาผสมผสานกับ การออกแบบรองเท้าให้ดูล้ำสมัย ด้วยการดีไซน์แผ่นรองรับแรงกระแทกแบบแยกชิ้นให้มีสีเขียวนีออน พร้อมกับไล่เฉดสีบนหน้าผ้าของรองเท้าจากเข้มไปอ่อน จนทำให้รองเท้าแอร์ แม็กซ์ 95 มีความโดดเด่นและสวยงามยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี การปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ของรองเท้าแอร์ แม็กซ์ คงหนีไม่พ้นรองเท้า แอร์ แม็กซ์ 97 (Air Max 97) ที่ทีมออกแบบของไนกี้นำโดยคริสเตียน ทรีสเซอร์ (Christian Tresser) ได้ฉีกกฎเดิมๆ ที่เคยถือปฏิบัติมา ด้วยการนำถุงลมรองรับแรงกระแทกแบบชิ้นเดียวกัน มาวางไว้ใต้พื้นรองเท้า จัดโชว์ให้เห็นถึงความโปร่งใสได้ตลอดทั้งแนว ทำให้ผู้สวมรู้สึกได้ราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนอวกาศ ที่สำคัญก็คือส่งผลให้ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ 97 กลายเป็นรากฐานในการออกแบบของรองเท้าแอร์ แม็กซ์ รุ่นถัดมาอย่างต่อเนื่อง

แต่ ที่น่าสนใจยิ่งกว่าก็คือ นอกจากรองเท้าไนกี้ แอร์ แม็กซ์ จะได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านรองเท้ากีฬาแล้ว ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ ยังได้รับการกล่าวขวัญในด้านการเป็นผู้นำแฟชั่นรองเท้าสปอร์ตแวร์อีกด้วย เนื่องจากความคลาสสิคและสวยงามที่ลงตัว เมื่อนำมามิกซ์แอนด์แมตช์เข้ากับการแต่งกาย ทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความเป็นนักกีฬา ความเป็นตัวของตัวเอง ความทันสมัย รวมถึงความสบายคล่องตัวของผู้สวมใส่ ส่งผลให้ไนกี้แอร์ แม็กซ์ กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการแต่งกายและแฟชั่นของเหล่าวัยรุ่นบนท้องถนน ในย่านสำคัญๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา และในประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมา

ความสำเร็จของ ทิงค์เกอร์ แฮทฟิลด์ ปรมาจารย์การออกแบบผลิตภัณฑ์กีฬาของไนกี้ ที่ได้นำแนวคิดการวิ่งอยู่บนอากาศ ของแฟรงก์ รูดี้ มาปฏิวัติวงการการออกแบบรองเท้าวิ่งในมุมมองที่ไม่เคยมีใครคิดค้นมาก่อน ส่งผลให้ปัจจุบันนอกจาก ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ จะเป็นรองเท้าวิ่งระดับตำนานแล้ว ยังเป็นรองเท้าสปอร์ตส์แวร์ที่มีดีไซน์ล้ำสมัย ที่ช่วยปลดแอกความจำเจและความเป็นทางการที่แสนน่าเบื่ออีกด้วย ด้วยเหตุนี้เพื่อเป็นการร่วมย้อนรำลึกถึงความเป็นตำนาน 26 ปี ของรองเท้าสายพันธุ์ แอร์ แม็กซ์ ไนกี้จึงได้นำรองเท้าไนกี้ แอร์ แม็กซ์ 1 ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ 90 ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ 95 และ ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ เธีย มารีเมคใหม่อีกครั้ง ด้วยการนำเทคเนคโนโลยีขั้นสูงมาผนึกเข้ากับดีไซน์สุดล้ำจนกลายเป็นรองเท้า คอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัว โดยคอลเลคชั่นนี้มีชื่อว่า ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ โกลว์ (Nike Air Max Glow) และไนกี้ แอร์ แม็กซ์ รีเฟล็คท์ (Nike Air Max Reflect) ที่มีคุณสมบัติของแถบสะท้อนแสง เพื่อเพิ่มความโดดเด่นในการสวมใส่ทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน

สำหรับ รองเท้าคอลเลคชั่น ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ โกลว์ และ ไนกี้ แอร์ แม็กซ์ รีเฟล็คท์ จะวางจำหน่าย ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม เป็นต้นไปที่ร้านไนกี้ ชั้น 3 สาขาเซ็นทรัลเวิล์ด, ชั้น G สาขาเทอร์มินอล 21, ชั้น 3 สาขา ดิ เอ็มโพเรียม และร้านไนกี้ คอร์นเนอร์ ซูเปอร์สปอร์ต สาขาเซ็นทรัล ชิดลม, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และ ร้านวี แอธเลติค คลับ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ

อัลบั้มภาพ 9 ภาพ ของ 26 ปี ไนกี้ แอร์แม็กซ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook